fbpx

นายกฯ รับทราบความคืบหน้า เยียวยาลูกจ้าง ม.33

กรุงเทพฯ 7 ส.ค.- นายกรัฐมนตรี รับทราบความคืบหน้า การเยียวยาลูกจ้างตาม ม.33 รับเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตนแล้ว 2.4 ล้านคน รวม 6,085 ล้านบาท


นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับทราบรายงานความคืบหน้าการโอนเงินเข้าบัญชี ผู้ประกันตน มาตรา 33 ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ รวมทั้งสิ้น 10 จังหวัดสำหรับกิจการที่ได้รับผลกระทบ 9 สาขา ได้แก่ 1.ก่อสร้าง 2.ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 3.ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ 4.กิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ 5.การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ 6.การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า 7.ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร 8.กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ และ 9. กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน โดยรับทราบรายงานจากกระทรวงแรงงานว่ามีความคืบหน้าไปแล้วค่อนข้างมาก โดยจ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตนไปแล้ว 2,434,182 คน เบิกจ่ายเป็นเงินรวมแล้ว 6,085,455,000 บาท

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้เริ่มโอนเงินเยียวยาผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งพนักงานเอกชนทั่วไป ลูกจ้างที่ยังทำงานในสถานประกอบการที่มีนายจ้าง จะได้รับการเยียวยา เป็นเงิน 2,500 บาท โอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเข้าสู่บัญชีของผู้ประกันตนที่อยู่ใน 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, นครปฐม, สมุทรสาคร ,สมุทรปราการ, นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา และสงขลา ผ่านระบบบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค. ถึงวันที่ 6 ส.ค. 2564 นั้น รายละเอียดดังนี้
-วันที่ 4 ส.ค.64 จ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตน 1,000,000 คน จำนวน 2,500,000,000 บาท
-วันที่ 5 ส.ค.64 จ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตน 1,000,000 คน จำนวน 2,500,000,000 และ
-วันที่ 6 ส.ค.64 จ่ายเงินเข้าบัญชีผู้ประกันตน 434,182 คน จำนวน 1,085,455,000 บาท รวม 3 วันแล้วเป็นจำนวนทั้งสิ้น ครอบคลุมผู้ประกันตน 2,434,182 คน เบิกจ่ายเป็นเงินรวมแล้ว 6,085,455,000 บาท


ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 3 จังหวัดที่เหลือ ได้แก่ ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา สำนักงานประกันสังคมจะโอนเงินในวันที่ 9 ส.ค. 2564 ส่วนนายจ้างใน 10 จังหวัดซึ่งมีจำนวนประมาณ 160,000 กว่าราย จะดำเนินการจ่ายตามจำนวนลูกจ้าง รายละ 3,000 บาท โดยนายจ้างบุคคลธรรมดา จะได้รับเงินโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชน สำหรับนายจ้างที่เป็นนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคล ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะทยอยโอนครั้งต่อไปให้กับนายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ทุกๆ วันศุกร์ จนถึงวันที่ 29 ต.ค. 2564

อย่างไรก็ตาม สำหรับกลุ่ม “แรงงานอิสระ” ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ พระนครศรีอยุธยา ที่สมัครมาตรา 40 แล้ว ภายในวันที่ 31 ก.ค. 2564 แต่ยังไม่ชำระเงิน ให้รีบจ่ายภายในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เพื่อรับสถานะความเป็นผู้ประกันตนตามกฎหมาย พร้อมรับสิทธิเยียวยา 5,000 บาท ในวันที่ 24 สิงหาคม ร่วมกับกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 39 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 13 จังหวัด

นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และ 40 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในจังหวัดที่เหลือ สำนักงานประกันสังคม มีกำหนดโอนเงินเยียวยาให้ในวันที่ 25 สิงหาคม โดยผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะได้รับการโอนเงิน จำนวน 2,500 บาท ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และมาตรา 40 จะได้รับการโอนเงิน จำนวน 5,000 บาท สำนักงานประกันสังคมจะเปิดให้ผู้ประกันตนสอบถามผ่านสายด่วนประกันสังคม 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง. หรือที่เว็บไซต์ www.sso.go.th


โฆษกรัฐบาล กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบความเดือดร้อนของพี่น้องกลุ่มอาชีพผู้ขับรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่มีอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 จะได้เร่งให้กระทรวงคมนาคมหามาตรการเยียวยาเพื่อเสนอ ครม. พิจารณาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบผู้ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพที่นนทบุรี นำตัวเข้าเซฟเฮาส์

รวบตัวชายไทย อายุประมาณ 35-40 ปี ต้องสงสัยคดีฆ่าหั่นศพ ภายในซอยจัดสรรสวิง 2 ถนนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ตำรวจนำตัวเข้าเซฟเฮาส์ อยู่ระหว่างสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน

ผู้ว่าการ ธปท.เตือน ครม. หวั่นดิจิทัลวอลเล็ตก่อหนี้จำนวนมาก

ทำเนียบฯ 24 เม.ย.- ผู้ว่าการ ธปท. ทำหนังสือถึง ครม. เตือนเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หวั่นก่อหนี้จำนวนมาก นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 มองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ  ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคตดังนี้ 1.ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย  เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง  โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ (phasing) เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง  […]

“สารวัตรแจ๊ะ” ยื่นฟ้องหมิ่น “ทนายรัชพล” กล่าวหาจับแพะติดคุกฟรีปีกว่า

“สารวัตรแจ๊ะ” พร้อมทนายความ ยื่นฟ้องหมิ่นประมาททนายดัง และฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ยันไม่ได้นําตัวไปเซฟเฮาส์ ด้านทนายเผยพบหลักฐานทนายคู่กรณีบีบผู้เสียหายกลับคําให้การ แบ่งเงินคนละครึ่ง

ข่าวแนะนำ

ญาติคาใจ ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ

เหตุการณ์ตำรวจ สภ.จอหอ จังหวัดนครราชสีมา ขับรถกระบะไล่ล่า เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์คนร้ายคดีลักทรัพย์ จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย ญาติคาใจการทำหน้าที่ของตำรวจว่า น่าจะทำเกินกว่าเหตุ ไม่เป็นไปตามยุทธวิธี ล่าสุด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว

คลี่ปมฆ่าโหดหนุ่มไทใหญ่ ทิ้งศพเชียงใหม่

ขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ สำหรับคดีฆ่าโหดใช้ค้อนปอนด์ทุบหัวหนุ่มไทใหญ่ลากขึ้นรถนำศพไปทิ้งที่ อ.แม่ริม เชียงใหม่ ล่าสุดเจ้าหน้าที่แกะรอยกล้องวงจรปิด พบรถที่กลุ่มคนร้ายใช้ขนศพ จ่อออกหมายจับอย่างน้อย 3 คน คาดปมสังหารจากเรื่องทะเลาะวิวาท

ไฟไหม้โกดังพระราม 2 เหตุร้อนจัด สารเคมีติดไฟเอง

กระทรวงอุตสาหกรรม เผยสาเหตุไฟไหม้โกดังย่านพระราม 2 มาจากอากาศร้อนจัด ทำให้สารไทโอยูเรียไดออกไซด์ติดไฟเอง เตือนสถานประกอบการให้แยกสารเคมีที่ติดไฟเองได้หรือสามารถทำปฏิกิริยาออกจากกัน หวั่นเกิดเหตุซ้ำ เพราะอากาศยังคงร้อนจัดต่อเนื่อง

ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย ปรับลดดอกเบี้ย MRR

นายกฯ ขอบคุณสมาคมธนาคารไทย หั่นดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ยให้กลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และ SME