กรุงเทพฯ 29 ก.ค.-“ร.อ.ธรรมนัส” รับมอบเครื่องอุปโภค -บริโภคจากสมาคมมูลนิธิอินเดียฯ ส่งต่อความช่วยเหลือประชาชนทั้งไทยและอินเดียที่เดือดร้อนจากโควิด
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) และผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน พรรคพลังประชารัฐ (ศปฉ.พปชร.) เปิดเผยว่า สมาคมมูลนิธิอินเดียแห่งประเทศไทย นำโดยนายปินเดอร์ สิงมาดาน กรรมการบริหาร ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและหน้ากากอนามัยนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีคลัสเตอร์จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล เพื่อให้นำไปดำรงชีพระหว่างการกักตัวในที่พัก รวมถึงในพื้นที่ศูนย์พักคอยให้เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการร่วมมือจำกัดวงการแพร่ระบาดได้มากขึ้น
“นับเป็นความร่วมมือระหว่างศปฉ.พปชร. และสมาคมมูลนิธิอินเดียแห่งประเทศไทยที่มีเป้าหมายเดียวกันที่จะเดินหน้าช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนทั้งคนไทยและคนไทยเชื้อสายอินเดียที่ตั้งถิ่นฐานและประกอบธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนมาก เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้ทั่วถึงได้มากที่สุด” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัศ กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ มีประชาชนหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งรัฐมีมาตรการคุมเข้มหลายพื้นที่ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเล็งเห็นผลกระทบและความจำเป็นที่ต้องเร่งกระจายความช่วยเหลือและรับการสนับสนุนจากผู้ประกอบการ ร้านค้า เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน ผ่าน ส.ส.ในพื้นที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน เพื่อเข้าถึงการรักษาในระบบสาธารณสุข ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถแจ้งความประสงค์มาที่ ศปฉ.พปชร.ผ่านสายด่วน Call Center 02-939-1111 จำนวน 30 คู่สาย หรือ Inbox มาในเพจ Facebook ของพรรคได้ที่ https://www.facebook.com/PPRPThailand/ ซึ่งทางพรรคพร้อมดำเนินการช่วยเหลือต่อไป
สำหรับสมาคมมูลนิธิอินเดียแห่งประเทศไทย เป็นองค์กรที่มีสมาชิกมากที่สุด และเป็นศูนย์กลางการประสานงานของสมาคมอินเดียที่มีอีกหลายสมาคม ทำให้สามารถ และดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือสังคมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดทั้งในรูปแบบการบริจาคและสนับสนุน ร่วมถึงการประสานช่วยเหลือผู้ป่วยในการเข้าสู่ระบบสาธารณสุขเพื่อให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤติร่วมกันในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย