กทม. 29 ก.ค.-“องอาจ” ขอรัฐทบทวนข้อกำหนดกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 27) เรื่องมาตรการเพื่อมิให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า การออกข้อกำหนดดังกล่าวย่อมมีโอกาสที่จะกระทบต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ทำงานตามจรรยาบรรณวิชาชีพโดยทั่วไป และอาจกระทบต่อการแสดงความคิดเห็นของประชาชนโดยสุจริตตามสิทธิเสรีภาพที่พึงกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ
เพราะหลังจากมีข้อกำหนดนี้ออกมา จะเห็นได้ว่ามีคนของภาครัฐหลายระดับได้กระทำในเชิงข่มขู่คุกคามการแสดงความเห็นของประชาชนโดยสุจริตเกินกว่าที่ควรจะเป็น ถึงแม้ภายหลังจะมาปฎิเสธว่าไม่ได้ใช้ข้อกำหนดดังกล่าวมาข่มขู่หรือปิดกั้นประชาชน ย่อมชี้ให้เห็นว่าคนของภาครัฐจะใช้ข้อกำหนดนี้ตีความไปทางไหนก็ได้ตามอำเภอใจของตน
ส่วนที่รัฐบาลอ้างว่าใช้มาตรการนี้เพื่อจัดการกับข่าวปลอม หรือ Fake news น่าจะเป็นคนละประเด็นกัน เพราะรัฐบาลมีหน่วยงานและบุคลากรจัดการกับปัญหานี้อยู่แล้ว ซึ่งแตกต่างจากสื่อมวลชนที่ทำงานตามมาตรฐานวิชาชีพและประชาชนทั่วไปที่ใช้สิทธิเสรีภาพ แสดงความคิดเห็นตามปกติ มีตัวตนชัดเจนตรวจสอบได้ และถ้าสื่อมวลชนและประชาชนทำอะไรที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย ผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำนั้นก็ย่อมใช้สิทธิตามกฎหมายได้ ไม่จำเป็นต้องมีข้อกำหนดออกมาบังคับใช้เพิ่มเติม จนอาจกระทบต่อการทำงานของสื่อมวลชนและการใช้สิทธิเสรีภาพของประชารชนโดยสุจริต
“ขอให้รัฐบาลทบทวนข้อกำหนดที่ออกตามความใน มาตรา 9 ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ,ขอให้ผู้รับผิดชอบบังคับใช้กฎหมายพูดให้ชัดว่าเจตนาคืออะไร จะมีการบังคับใช้อย่างไร และภาครัฐไม่ควรดำเนินการใดๆ ที่เป็นการข่มขู่ คุกคามสื่อมวลชนที่ทำงานตามมาตรฐานวิชาชีพ และประชาชนที่ใช้สิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตตามรัฐธรรมนูญ” นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ กล่าวว่า ขอฝากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ ไม่ให้ใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต เพราะถ้ารัฐบาลหาทางจำกัดสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนและประชาชนมากเท่าไหร่ก็จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลมากเท่านั้น อันจะก่อให้เกิดผลสะเทือนต่อรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย