ทำเนียบรัฐบาล 7 ก.ค.-ผอ.ศปก.ศบค. ระบุรอความเห็นสธ.จะล็อกดาวน์ทั้งประเทศหรือเฉพาะพื้นที่ ส่วนวัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐให้มาต้องแบ่งสัดส่วนให้ทั้งคนไทยและต่างชาติ
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(ผอ.ศปก.ศบค.) กล่าวถึงข้อเสนอล็อกดาวน์ประเทศ ว่า ขณะนี้รอข้อเสนอที่เป็นทางการ ซึ่งศบค.จะฟังความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขเป็นอันดับแรก เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ จึงต้องนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณา ส่วนจะออกมาตราการแบบไหนจะต้องหารือกันอีกครั้ง ขอให้ประชาชนทำความเข้าใจกับคำว่าล็อกดาวน์ ซึ่งได้มีมาตรการออกมาเมื่อเดือนเมษายนปี 63 และหลังจากนั้นเป็นการออกมาตราการปิดกิจการชั่วคราวและลดการเคลื่อนย้าย
ส่วนการประเมินการออกมาตรการจะยังเป็นวันที่ 12 กรกฎาคมหรือไม่ ผอ.ศปก.ศบค. กล่าวว่า หากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะประเมินเร็วขึ้น แต่หากมีผู้ติดเชื้อทรงตัวจะยังคงเป็นวันที่ 12 กรกฎาคมเช่นเดิม เพื่อการประเมินที่ครบถ้วน ซึ่งต้องทำควบคู่ไปมาตรการอื่น ๆ เช่น การควบคุมการเคลื่อนย้าย การรักษาพยาบาล จัดหาเตียงเพิ่มเติม เป็นต้น
เมื่อถามย้ำว่าการล็อกดาว์จะเป็นเพียงพื้นที่การแพร่ระบาดของเชื้อเดลต้าหรือทั้งประเทศ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่าอาจจะไม่เหมือนกัน และเน้นแต่ละพื้นที่ต่างกัน เช่นกทม. ปริมณฑลและ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นต้องมีมาตรการที่สูงด้วยเช่นกัน เพราะหากเป็นการล็อกดาวหรือล็อกเพียงบางพื้นที่ต้องประเมินและลดหลั่นไปตามลำดับ
“ไม่ได้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่าล็อกดาวน์ของประเทศ เพราะคำว่าล็อกคือการไม่ให้ไปไหน แต่ที่ผ่านมายังอนุญาตให้เคลื่อนย้ายได้ และเมื่อไหร่ที่จำเป็นจะต้องใช้ มาตรการล็อกดาวน์ไม่ว่าจะเป็นบางห้วงเวลาหรือบางพื้นที่จะต้องมีความชัดเจนในสถานการณ์ ทั้งนี้ นิยามของคำว่าล็อกดาวน์ของศบค. คือเหตุการณ์เมื่อเมษายน 2563 และจะต้องมีมาตรการเพื่อเยียวยาประชาชนรองรับและข้อมูลที่กระทรวงการคลังแจ้งมาว่า เดือนเมษายน 63 ใช้งบประมาณเยียวยากว่าเดือน 3 แสนล้านบาท และยังไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้อย่างทั่วถึง ศบค.จึงเน้นย้ำให้ประชาชนสามารถประกอบอาชีพได้ แต่ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม ต้องวิเคราะห์ปัจจัยแท้จริงทั้งหมด ซึ่งหากจำเป็นจะต้องล็อกดาวน์หรือไม่ ซึ่งต้องหารับฟังข้อเสนออย่างเป็นทางการอีกครั้ง” ผอ.ศปก.ศบค. กล่าว
ส่วนกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 10.9 ล้านโดส พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า วัคซีนซิโนแวคยังมีประสิทธิภาพและยี่ห้ออื่นยังไม่สามารถจัดหาได้ในเวลานี้ หากรอวัคซีนชนิดอื่นจะไม่มีวัคซีนฉีดให้กับประชาชน ส่วนวัคซีนแอสตร้าเซเนกา ที่ทยอยเข้ามายังมีปริมาณไม่เพียงพอ เพราะฉะนั้นต้องมีวัคซีนอื่น ๆ และกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะต้องฉีดอย่างไร เช่น การฉีดข้ามชนิดที่กำลังมีการพิจารณากันอยู่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องดังกล่าว ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขชี้แจงว่าวัคซีนยังมีประสิทธิภาพ เพียงแต่อาจไม่ได้ตามที่ประชาชนต้องการ และหากมีที่ดีกว่าจะพิจารณาจะจัดหายี่ห้ออื่นเข้ามาร่วม
ส่วนจะฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้บุคลากรทางการแพทย์ก่อนหรือไม่ ผอ.ศปก.ศบค. กล่าวว่า ต้องแบ่งสัดส่วนเนื่องจากแพทย์บางส่วนมีความเห็นว่า ยังสามารถรอได้ แต่บางส่วนที่อยู่หน้างานมองว่าเสี่ยงและกังวล จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงขวัญและกำลังใจ ขอรอผลการพิจารณาจากกรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขก่อน ยอมรับว่าศบค.เป็นห่วงบุคลากรทางการแพทย์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว และพื้นที่การแพร่ระบาด
“ส่วนวัคซีนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาบริจาคให้ ส่วนหนึ่งต้องแบ่งให้กับชาวต่างชาติด้วย เพราะหากฉีดให้กับคนไทยทั้งหมด โดยไม่ดูแลชาวต่างชาติเลยก็อาจจะกระทบกับความรู้สึกของชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุข ที่จะพิจารณาในสัดส่วนต่อไป” พล.อ.ณัฐพล กล่าว.-สำนักข่าวไทย