สำนักงานป.ป.ช. 13 พ.ค.-พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่น ป.ป.ช.สอบ “พล.อ.ประยุทธ์” บริหารงานผิดพลาด ปล่อยโควิด-19 ระบาด สาเหตุหลักล้วนมาจากฝ่ายรัฐบาล
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำ และส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้าชื่อร่วมกันยื่นหนังสือต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ขอให้ไต่สวนและมีความเห็นกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีพฤติการณ์ไม่สุจริต ส่อไปในทางทุจริต ไม่ถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือกว่าประโยชน์ส่วนตน รู้เห็นหรือยินยอมให้ข้าราชการในปกครองใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ อันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 26 , 47,53, 55,62,164,234 และมาตรา 235 พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542พ.ร.บ.ส่งเสริมการลงทุน พ.ศ.2520 พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 28 (1), (2) และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ที่ผ่านมาบริหารงานล้มเหลว เช่น การจัดหาวัคซีนไม่เพียงพอกับประชาชน ไม่ชัดเจนในการเข้าถึงวัคซีนทางเลือกซึ่งขณะนี้มีเพียง 2 ชนิดเท่านั้น การปล่อยปละละเลยผู้ป่วยให้ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อีกทั้งไม่ดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุคคลของรัฐที่เป็นส่วนในการระบาดทั้ง 3 ครั้งที่เกิดขึ้น และมาตรการเยียวยาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง การกู้เงินเพื่อเยียวยาอาจไม่โปร่งใส แม้รัฐบาลจะกำหนดให้ฉีดวัคซีนในช่องทางต่าง ๆ แต่มีผู้ประสงค์ที่จะฉีดวัคซีนยังต่ำอยู่ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือในการชี้แจงให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการฉีดวัคซีน รัฐบาลต้องทำความเข้าใจและชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงความสำคัญของการฉีดวัคซีน
นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า วาทกรรมของพล.อ.ประยุทธ์ที่ระบุว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ตนมองว่าหลายสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดและป้องกันได้ พล.อ.ประยุทธ์จงใจจะไม่ทำ และมีเจตนาไม่สุจริต จนทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เช่น จัดหาวัคซีนทางเลือกล่าช้า ล้วนเป็นความบกพร่องและจงใจไม่ปฏิบัติหน้าที่จนทำให้ประชาชนเดือดร้อน นอกจากนี้การจัดหายาและเวชภัณฑ์ไม่เพียงพอ ในกรณีเกิดผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนหรือเครื่องช่วยหายใจ ที่ควรจัดซื้อหรือเตรียมงบประมาณไว้
“เมื่อวานนี้เราได้รับการยืนยันแล้วว่ามีผู้ติดเชื้อในเรือนจำ 2,835 คน ไม่น่าจะติดในวันเดียวกัน แต่เชื่อว่าทยอยติดกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ทำไมจึงปกปิดข้อมูลเหล่านี้ ที่สำคัญผู้ต้องขังหลายคนอยู่ระหว่างต่อสู้คดี ยังไม่มีคำพิพากษา เขายังเป็นผู้บริสุทธิ์ ควรหรือไม่ที่จะปล่อยให้พวกเขาไปอยู่ในเรือนจำที่มีความบกพร่อง เรื่องนี้ต้องพิจารณาต่อว่าสำนึกจะเป็นอย่างไร ดังนั้น คำที่พล.อ.ประยุทธ์พูดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผมเห็นว่าไม่ใช่ หลายสิ่งที่ไม่ควรเกิด คุณทำให้มันเกิด” นายวิโรจน์ กล่าว.- สำนักข่าวไทย