กรุงเทพฯ 26 เม.ย.-เพื่อไทยตั้ง 4 ทีม กองหน้า กองกลาง ประชาสัมพันธ์ และนโยบาย ช่วยประชาชนโควิด หวังพ้นวิกฤติไปด้วยกัน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นำทีมแถลงแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบกับวิกฤติโควิด-19 ว่า ขอร่วมระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าและประชาชน เพื่อให้พ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกัน โดยพรรคได้แบ่งเป็น 4 ทีมดำเนินการ ประกอบด้วย 1.ทีมกองหน้าที่ประกอบไปด้วยส.ส.ว่าที่ส.ก.และตัวแทนพรรคเพื่อไทยทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ให้คำแนะนำช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และพรรคจะลงพื้นที่ตามจุดต่าง ๆ อาทิ โรงพยาบาลสนาม
“2.ทีมกองกลาง คือทีมสนับสนุน ระดมทรัพยากรทำงาน เครื่องมือที่จำเป็น เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ การพ่นยาฆ่าเชื้อ เพื่อสนับสนุนการทำงานกองทีมกองหน้า3. ทีมประชาสัมพันธ์ เตรียมจัดทำคู่มือป้องกันโรคโควิดเพื่อสร้างความเข้าใจให้ประชาชนใช้รถโมบายประชาสัมพันธ์แหล่งต่าง ๆ และ4.ทีมนโยบาย วิเคราะห์แนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยจะเป็นตัวกลางประสานการร่วมมือ ส.ส.ทั่วประเทศ และว่าที่ผู้สมัครส.ก.ที่จะช่วยเหลือประชาชนเพื่อจะร่วมฝ่าพ้นวิกฤติไปด้วยกัน อย่างปลอดภัย” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาคกทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ภาคกทม. จะเตรียมความพร้อม โดยส.ส.และว่าที่ผู้สมัครส.ก.ที่ดำเนินการไปตั้งแต่การระบาดระลอกแรก นอกจากลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยเตรียมอุปกรณ์ป้องกันทั้งหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และอาหาร พร้อมกันนี้ยังเตรียมคู่มือประชาสัมพันธ์มาตรการ 7 ข้อในการเฝ้าระวังตัวหากติดเชื้อ จะประสานอย่างไรกับองค์กรภาครัฐ โดยจะมีส.ส.และผู้สมัครส.ก. ประสานเข้ามาดูแล อย่างไรก็ตาม หวังว่าวิกฤติครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของภาครัฐอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องที่คนทั้งชาติต้องร่วมมือกัน
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องเตียงที่ไม่เพียงพอรองรับผู้ป่วย จึงช่วยประสานเรื่องเตียงผู้ป่วยให้ อย่างไรก็ตาม จะเป็นส่วนหนึ่งลดความสับสนวุ่นวายและเติมเต็มข้อมูลต่าง ๆ ที่อาจจะยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่
นางสุภาภรณ์ คงวุฒิปัญญา ส.ส. กทม. ยกเหตุการณ์ในพื้นที่เขตภาษีเจริญ ที่มีผู้ป่วยอันดับ1 ของกทม. พร้อมเรียกร้องให้กทม.จัดลำดับความสำคัญเรื่องความสุ่มเสี่ยงและอันตรายในแต่ละพื้นที่ กำนหนดแผนเพื่อทุ่มเทควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดให้ได้และลงมาดูแลอย่างใกล้ชิด.-สำนักข่าวไทย