เห็นชอบแนวทางขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock

กทม. 26 ก.พ.-คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เห็นชอบแนวทางขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินกิจกรรม Big Rock พร้อมเห็นชอบแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่ เตรียมนำเสนอ ครม. พิจารณา

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ครั้งที่ 1/2564 ที่มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ณ ทำเนียบรัฐบาล ได้มีมติรับทราบและเห็นชอบในเรื่องที่สำคัญ ดังนี้


คณะกรรมการฯ รับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2563 และรายงานสรุปผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศประจำปี 2563 โดยรายงานดังกล่าวระบุความก้าวหน้าปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการดำเนินการ จึงเป็นข้อมูลสำคัญประกอบการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในทุกระดับและทุกพื้นที่เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติได้ตามที่กำหนด รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินการดำเนินงานของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการฯ จึงได้มอบหมายให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. (สำนักงานฯ) เร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ ให้สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดได้อย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ มีมติรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) โดยนายกรัฐมนตรี มีบัญชามอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานกรรมการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (คจพ.) โดยมีกลไกเชิงปฏิบัติ 3 ระดับ ได้แก่ 1) กลไกระดับอำนวยการ (ระดับจังหวัด) 2) กลไกอำนวยการปฏิบัติการ (ระดับอำเภอ) และ 3) กลไกระดับปฏิบัติการ (ระดับท้องถิ่น) โดย ศจพ. ทุกระดับจะใช้ข้อมูลจากระบบ TPMAP เป็นข้อมูลหลักในการดำเนินการการขจัดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการพัฒนาคนทุกช่วงวัย ในทั้ง 4 แนวทางการขับเคลื่อน ได้แก่ 1) เติมเต็มข้อมูลในระบบ TPMAP ให้ครอบคลุมประเด็นการพัฒนาทุกมิติและทุกพื้นที่ในประเทศ 2) ร่วมแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในระดับบุคคล/ครัวเรือน 3) ร่วมแก้ไขปัญหาและพัฒนาคนอย่างยั่งยืน และ 4) ร่วมติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงการชี้เป้าและจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งการมีส่วนร่วมและทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของทุกภาคีพัฒนาโดยเฉพาะในระดับท้องที่ ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญของการพัฒนาคนทุกช่วงวัยและการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำให้ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน


คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบเรื่องสำคัญ จำนวน 3 เรื่อง ดังนี้

(1) แผนขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปประเทศที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ (Big Rock) ภายใต้แผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบหลักการแผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock ทั้ง 62 กิจกรรม โดยองค์ประกอบของแผนขับเคลื่อนฯ ประกอบด้วย หน่วยงานร่วมดำเนินการ เป้าหมายย่อย ระยะเวลาที่แล้วเสร็จ และโครงการ/การดำเนินงานที่ส่งผลต่อเป้าหมายของกิจกรรม Big Rock รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินกิจกรรม Big Rock เพื่อการบรรลุเป้าหมาย เพื่อให้กิจกรรม Big Rock สามารถได้รับการขับเคลื่อน ติดตาม และประเมินผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นรูปธรรม ประกอบด้วย 1) การจัดลำดับความสำคัญของโครงการ/การดำเนินงานรองรับกิจกรรม Big Rock 2) เร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานรับผิดชอบหลักและหน่วยงานร่วมดำเนินการ และ 3) การติดตามและประเมินผลการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) ผ่านระบบ eMENSCR โดยมอบหมายให้ สำนักงานฯ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ มอบหมายสำนักงานฯ นำเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติทั้งในส่วนของหลักการแผนขับเคลื่อนกิจกรรม Big Rock และแนวทางการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินกิจกรรม Big Rock ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป

(2) การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่ คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในระดับพื้นที่ ตามที่สำนักงานฯ เสนอ โดยมีแนวทางการขับเคลื่อนฯ 3 แนวทาง ประกอบด้วย 1) แผนในระดับพื้นที่ต้องตอบสนองต่อเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและความต้องการของพื้นที่ โดยจะต้องสามารถถ่ายระดับเป้าหมายจากยุทธศาสตร์ชาติตามหลักความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล (Causal Relationship : XYZ) โดยทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องศึกษาทำความเข้าใจเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนระดับที่ 2 เพื่อให้เข้าใจและตระหนักถึงทิศทางการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติที่ต้องการบรรลุในแต่ละห้วง 5 ปี ของการพัฒนา 2) การจัดทำโครงการ/การดำเนินงานในระดับพื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในระดับพื้นที่ให้บรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและสอดคล้องกับความต้องการของพื้นที่ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 และวันที่ 5 พฤษภาคม 2563 รวมทั้งนโยบาย หลักเกณฑ์ และแนวทางในการจัดทำโครงการตามที่ ก.บ.ภ. และ ก.น.จ. กำหนด และ 3) การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในระดับพื้นที่ โดยใช้ระบบ eMENSCR เป็นระบบหลักในการดำเนินการสำหรับการนำเข้าโครงการ/การดำเนินงานและแผนในระดับพื้นที่ เพื่อหน่วยงานของรัฐใช้ข้อมูลจากระบบ eMENSCR ในการพิจารณาจัดทำโครงการ/การดำเนินงานบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์เพื่อให้เป็นไปตามหลักการวงจรนโยบายสาธารณะ (Policy Cycle) ต่อไป โดยที่ประชุมได้มอบหมายสำนักงานฯ นำผลการพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป รวมทั้งดำเนินการชี้แจงและสร้างความเข้าใจให้กับหน่วยงานในระดับพื้นที่เพื่อให้การแปลงยุทธศาสตร์ชาติและแผนระดับที่ 2 ต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติสามารถเป็นไปได้อย่างบูรณาการ สอดรับโจทย์การพัฒนาประเทศพร้อมทั้งตอบสนองความต้องการในพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม


(3) การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ คณะกรรมการฯ เห็นชอบแนวทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ ตามที่สำนักงานฯ เสนอ โดยแนวทางการดำเนินการใช้หลักการความสัมพันธ์เชิงเหตุและผล (XYZ) และวงจรนโยบายสาธารณะ (Policy Cycle) ซึ่งทุกกระบวนการจะต้องเป็นการดำเนินงานที่มีข้อมูลสนับสนุน (data driven) และอยู่บนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ (evidence base) ประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่ 1) การจัดทำและพัฒนาข้อมูลสถิติ สถานการณ์ งานวิจัย และอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทฯ รวมทั้ง นำเข้าข้อมูลดังกล่าวเสร็จในระบบฐานข้อมูลเปิดภาครัฐ เพื่อสนับสนุนการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ (Open-D) 2) การจัดทำโครงการ/การดำเนินงาน โดยใช้ข้อมูล สถิติ สถานการณ์ งานวิจัย มาประกอบในการจัดทำโครงการ/การดำเนินงาน และใช้เป็นข้อมูลประกอบการจัดสรรงบประมาณที่สอดคล้องและเหมาะสมต่อไป 3) การจัดทำแผนระดับที่ 3 ให้ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2563 และคู่มือแนวทางการจัดทำแผนและการเสนอแผนระดับที่ 3 ในส่วนของแผนปฏิบัติการด้าน…ต่อคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด และ 4) การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ (eMENSCR) ให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2562 เพื่อให้การดำเนินการแปลงยุทธศาสตร์ชาติไปสู่การปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐในห้วงระยะเวลาที่เหลือของยุทธศาสตร์ชาติสามารถเป็นการดำเนินการบนฐานข้อมูลเชิงประจักษ์ได้อย่างแท้จริง ทั้งนี้ มอบหมายสำนักงานฯ นำผลการพิจารณาเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เชื่อกัมพูชาเข้าใจผิด ตัดไฟ-เน็ต ส่ง กต.เคลียร์

ถนนวิทยุ 13 มิ.ย.- นายกฯ เชื่อกัมพูชาเข้าใจผิด ไทยออกแถลงการณ์ “ตัดไฟ-เน็ต” เผยแค่มาตรการเตรียมพร้อม ส่ง กต.เคลียร์ หลัง “ฮุน เซน” งัด 6 มาตรการโต้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมเด็จฯฮุนเซน ประกาศ 6 มาตรการตอบโต้ประเทศไทย หากไม่ยอมเปิดด่านพรมแดน ซึ่งล่าสุดได้มีการปิดด่านที่จังหวัดจันทบุรีโดยไม่มีการแจ้งให้ทางการไทยทราบก่อน โดยนายกฯระบุว่าตอนแรกทางกัมพูชาได้ยินว่าไทยจะตัดน้ำตัดไฟ(ตัดไฟตัดเน็ต) แต่จริงๆแล้ว เรื่องนี้ต้องอยู่ในมาตรการที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. ก่อน และเรายังไม่ได้มีการประกาศออกไป แต่ยอมรับว่ามีการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ และย้ำว่าเรายังไม่ได้ทำแบบนั้น ซึ่งอาจมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น จึงได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและคณะทำงานว่าเกิดอะไรขึ้น จนทำให้เข้าใจผิดว่ารัฐบาลออกแถลงการณ์ว่าจะตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งไม่จริง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีการพูดคุยกันก็มีการตกลงกันว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะปรับกำลัง และจะรอการพูดคุยในการประชุม JBC วันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยสื่อสารด้วยว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่แถลงการณ์จากรัฐบาล ส่วนนายกรัฐมนตรีจะต้องประสานโดยตรงกับกัมพูชา หรือมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันหรือไม่ นายก รัฐมนตรี กล่าวว่า จะมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศประสานไปทางกัมพูชาว่าข้อมูลดังกล่าวมาได้อย่างไร มีกระบวนการอย่างไร เพราะจริงๆแล้วเราได้มีการเตรียมการทุกสถานการณ์และเมื่อผ่านความเห็นชอบจาก สมช. […]

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

กัมพูชาสั่งแบนหนัง-ละครไทย

พนมเปญ 13 มิ.ย. – เว็บไวต์ขแมร์ไทม์ส ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชายกเลิกการออกอากาศละครไทย เลิกฉายหนังไทย และอาจจะยกเลิกการนำเข้าสินค้าจากไทยด้วยเพื่อรักษาอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศในยามที่เผชิญแรงกดดัน กระทรวงข่าวสารกัมพูชาได้ออกหนังสือถึงเจ้าของสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งแจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ทุกสถานีของกัมพูชาต้องงดออกอากาศภาพยนตร์ไทยทุกประเภทเพื่อความเหมาะสมของสถานการณ์และรักษาความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้กระทรวงศิลปะและวัฒนธรรมกัมพูชายังออกประกาศแจ้งเตือนให้ระงับการฉายและห้ามนำเข้าภาพยนตร์ไทยทุกประเภทในกัมพูชาตั้งแต่ 12 นาฬิกาวันนี้เป็นต้นไป.-816.-สำนักข่าวไทย

 อิสราเอลระบุเปิดฉากโจมตีอิหร่าน

เยรูซาเล็ม 13 มิ.ย. – กองกำลังอิสราเอลเปิดฉากโจมตีเป้าหมายด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อขัดขวางมิให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ สื่อของอิหร่านและผู้เห็นเหตุการณ์รายงานว่า เกิดเหตุระเบิดหลายครั้งที่โรงงานเพิ่มสมรรถนะแร่ยูเรเนียม อิสราเอลเรียกปฏิบัติการโจมตีนี้ว่า “สิงห์ผงาด” (Rising Lion) โดยระบุว่าการโจมตียังพุ่งเป้าไปที่บรรดาผู้บัญชาการของอิหร่านและโรงงานผลิตขีปนาวุธ พร้อมกันนั้น อิสราเอลได้ประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีตอบโต้ด้วยขีปนาวุธและโดรนจากเตหะราน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้กล่าวผ่านข้อความวิดีโอที่บันทึกไว้ว่า ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ชี้ขาดในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล นายเนทันยาฮูเขากล่าวด้วยว่า อิสราเอลเล็งเป้าโจมตีไปที่นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โครงการขีปนาวุธนำวิถี และโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมที่เมืองนาทานซ์ (Natanz) ในปฏิบัติการที่จะดำเนินต่อไปอีกหลายวัน เจ้าหน้าที่กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า อิสราเอลกำลังโจมตีเป้าหมายทางนิวเคลียร์และทางทหาร ‘หลายสิบแห่ง’ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าอิหร่านมีวัสดุเพียงพอที่จะสร้างระเบิดนิวเคลียร์ได้ถึง 15 ลูกภายในไม่กี่วัน มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า อิสราเอลได้ดำเนินการฝ่ายเดียวเนื่องจากเชื่อว่าปฏิบัติการดังกล่าวมีความจำเป็นสำหรับการป้องกันตนเอง พร้อมกับย้ำว่า สหรัฐไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฎิบัติการครั้งนี้ของอิสราเอล ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากข่าวนี้.-813.-สำนักข่าวไทย