นายกฯ ยังไม่หารือปม 3 รมต.พ้นตำแหน่ง

ทำเนียบ 25 ก.พ.64 -วิษณุ เผยนายกฯ ยังไม่ได้เรียกหารือปม 3 รมต.พ้นตำแหน่ง หลังศาลสั่งจำคุก ชี้เป็นยาแรงของ รธน. แจงตั้งคุณหญิงกัลยา -อิทธิพล รักษาการ ศธ.-ดีอีเอส ระบุ “ทยา” ลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้


นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีศาลพิพากษาจำคุกแกนนำและแนวร่วมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ส่งผลให้รัฐมนตรี 3 คน พ้นจากตำแหน่ง ว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  ยังไม่ได้เรียกไปหารือข้อกฎหมายในเรื่องนี้ เพราะตนก็ไม่ได้ฟังคำพิพากษาอย่างละเอียด ทั้งนี้ย้ำว่าความเป็นรัฐมนตรีของทั้ง 3 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ชัดเจนในมาตรา 170 (4) ที่กำหนดว่า ความเป็นรัฐมนตรีต้องสิ้นสุดลงเป็นการเฉพาะตัว เมื่อมีลักษณะต้องห้าม ตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 98 ดังนั้นเมื่อศาลพิพากษาให้จำคุกไม่ว่าจะถึงที่สุดหรือไม่ แม้จะมีโอกาสสู้คดีอีกหลายปี แต่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงทันที

ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีแต่ละคน เป็น ส.ส.อยู่ด้วยนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องแยกกัน เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 101 (13) โดยปกติ หากเป็นส.ส. และศาลยังไม่ได้ตัดสินให้ถึงที่สุด จะยังไม่พ้นความเป็น ส.ส.   แต่ก็จะมีเหตุอื่นเข้ามา  โดยหากศาลสั่งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง ก็จะโยงกลับไปในการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ในมาตรา 96 (2) เพราะหากเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีจะสิ้นสุดหรือไม่ก็จะพ้นจากความเป็น ส.ส.ด้วย ซึ่งแต่ละคนอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่เหมือนกัน


ส่วนกรณีที่ศาลไม่ได้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง  โดยหลักจะถือว่าการจำคุกนั้นไม่ถึงที่สุด เพราะสิทธิเลือกตั้งไม่ได้ถูกเพิกถอน ดังนั้นจะยังไม่พ้นความเป็น ส.ส. แต่หาก มีเหตุอื่นแทรกคือ ถูกจำคุกโดยมีหมายศาล  หากเป็นเช่นนั้นก็จะพ้นสภาพการเป็น ส.ส.

นายวิษณุ กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็จะต้องเลื่อนรายชื่อลำดับถัดไปขึ้นมา และเลื่อนช้าหรือเร็วก็มีผล เนื่องจากสภาฯกำลังจะปิดสมัยประชุม หากเลื่อนเร็วเข้ามาและปฏิญาณตนก็จะถือว่าทำหน้าที่ได้เร็ว เพราะหากเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ เพื่อโหวตรัฐธรรมนูญในกลางเดือนมี.ค. ก็จะสามารถทำหน้าที่โหวตได้เลย และจะมีผลถึงเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่นๆ ด้วย ซึ่งหากยังไม่สามารถเลื่อนขึ้นมาได้ก็จะไม่ถือว่าเป็น ส.ส.

ส่วนถ้าเป็น ส.ส.เขตก็ต้องไปจัดการเลือกตั้งใหม่ ประเด็นนี้ หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.มีความสงสัยก็ต้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเหมือนกรณีของเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากการเลือกตั้งซ่อมเขตจะต้องออกพระราชกฤษฎีกา แต่ก็ขึ้นอยู่กับกกต.จะพิจารณา ซึ่งสามารถเทียบกับคดีของนายเทพไท ได้อยู่แล้ว


เมื่อถามว่ากรณีเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างลงนั้นจะมีผู้ปฏิบัติหน้าที่อย่างไร นายวิษณุ ชี้แจงว่า ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช  รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รักษาราชการแทน ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้กำหนดรักษาการไว้ 2 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและลำดับต่อไปคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ดังนั้นผู้ที่จะมารักษาราขการแทน คือ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม  ซึ่งในระหว่างนี้สามารถทำหน้าที่ไปก่อน เว้นแต่ ครม.จะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นในการประชุมครม.สัปดาห์หน้า  โดยไม่ได้มีกำหนดเงื่อนเวลาว่าจะต้องปรับครม. ภายในระยะเวลาเท่าไหร่

ส่วนเรื่องเอกสิทธิ์คุ้มครอง ส.ส. นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์และการคุ้มกันที่แยกออกจากกัน โดยเอกสิทธิ์จะใช้ในการพูดในสภาฯอย่างเดียว ส่วนการคุ้มกัน หมายความว่าในระหว่างสมัยประชุมจะนำตัวไปดำเนินคดีไม่ได้ เว้นแต่ปิดสมัยประชุมที่สามารถทำได้

เมื่อถามว่า ส.ส.ที่ถูกดำเนินคดีล่าสุดจะได้รับการคุ้มกันหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การคุ้มกันมีกระบวนการต้องยื่น ต้องขอจากสภาฯ ส่วนกรณีที่ถูกควบคุมตัวไปแล้ว จะสามารถทำเรื่องจากสภาฯจะขอคุ้มกันได้หรือไม่นั้น สามารถทำได้ และยังไม่ถือว่าการเดินเข้าไปในเรือนจำจะสิ้นสภาพความเป็นส.ส. เพราะคดีอยู่ในระหว่างการอุทรณ์ และ ยังไม่ถูกจำคุกโดยหมายของศาล ตามมาตรา 98(6) ดังนั้น ส.ส.ที่ถูกคุมขังเมื่อคืน ต้องพิจารณาว่าถูกคุมขังโดยหมายศาลหรือควบคุมตัวโดยธรรมดา หาก ส.ส.ที่ถูกคุมขังอ้างการคุ้มกันขึ้นมาก็ต้องปล่อยตัว ไป

เมื่อถามถึงกรณี นางทยา ทีปสุวรรณ อดีตแกนนำกปปส. ที่มีโทษรอลงอาญาและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จะสามารถอุทรณ์เพื่อได้สิทธิ์ทางการเมืองกลับมาหรือไม่  นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถอุทธรณ์ได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในช่วงเวลานี้ได้  จนกว่าศาลอุทรณ์จะตัดสินเป็นอย่างอื่น “นี่คือความรุนแรงของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ที่ตั้งใจมาตั้งแต่ต้น แม้กระทั่งรัฐมนตรีจำคุกไม่ถึงที่สุด ก็ถือว่าพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี  เมื่อศาลตัดสินยกฟ้องไม่จำคุกความเป็นรัฐมนตรีก็จะไม่กลับมา ซึ่งหากจะตั้งให้เป็นรัฐมนตรีก็สามารถตั้งบุคคลเหล่านี้กลับมาได้ แต่จะมีความหมายตามมา คือ เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ จะมีสิทธิ์ไปสมัครหรือไม่ ดังนั้นหากกรณีศาลอุทรณ์ไปตัดสินว่า ไม่ตัดสิทธิ์เลือกตั้งความเป็น ส.ส.สิ้นสุดในเวลานี้ แต่สามารถสมัครในคราวหน้าได้” นายวิษณุ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]