ทำเนียบรัฐบาล 4 ก.พ.-“วิษณุ” เผยเหตุตร.มาเข้าพบ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ตำรวจที่จะเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภา 9 ก.พ.นี้ ถ้าฝ่ายค้านติดใจถามต่อในเวทีซักฟอกได้ แต่ข้อมูลอาจล้าสมัย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีพล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง(หัวหน้าศปม.) ออกประกาศเรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฉบับที่ 3 ว่า ผบ.ทสส.เป็นผู้มีอำนาจตามพระราชกำหนด อาจจะสั่งในฐานะผู้อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉินก็ได้ แม้ว่าคำสั่งการห้ามชุมนุมจะมีอยู่แล้ว แต่ถือเป็นการประกาศย้ำในสิ่งที่มีอยู่แล้ว ต้องดูว่าเป็นการอาศัยอำนาจตามอะไร ถ้าเป็นการอาศัยอำนาจตามข้อกำหนดสามารถทำได้
ส่วนกรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าพบเพื่อนำข้อมูลเรื่องบ่อนและแรงงานต่างด้าวมาส่งให้เพื่อเตรียมข้อมูลสำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล นายวิษณุ กล่าวว่า ตนเรียกมาสอบถามบางประเด็นว่าที่ผ่านมาได้ทำอะไรไปถึงไหนและทำอย่างไรบ้าง เพราะก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้รับเรื่องจากช่องทางสายด่วน 1111 ของรัฐบาล และได้ส่งไปให้หลายเรื่องจึงเรียกมาติดตามความคืบหน้า เพื่อจะได้รวบรวมสำหรับใช้ในร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ…..ซึ่งจะเข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 9 ก.พ.นี้
เมื่อถามว่า จะเป็นข้อมูลที่นำไปใช้ชี้แจงของรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เบื้องต้นจะใช้สำหรับกรณีของร่างพ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจก่อน ซึ่งในวันที่ 9 ก.พ.จะต้องมีทั้งการสอบถามและการตอบ หากไม่มีใครติดใจอาจจะจบลง แต่ถ้ามีใครยังติดใจก็สามารถไปซักถามต่อในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งสามารถนำไปเป็นข้อมูลได้ แต่เบื้องต้นไม่ได้คิดไปถึงขนาดว่าจะนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้สำหรับการอภิปรายไม้ไว้วางใจ
“เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของร่างพ.ร.บ.ปฏิรูปตำรวจเท่านั้น เนื่องจากมีกรณีของผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน(ผบก.ตชด.) เรียกรับผลประโยชน์ จึงต้องสอบถามเรื่องนี้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็อาจจะเหลือประโยชน์เก็บเอาไว้ใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจได้ แต่อาจจะไม่ทันสมัยแล้ว เพราะข้อมูลวันนี้กับข้อมูลในวันที่ 16 ก.พ.ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจมันคนละอย่างกัน อาจจะช้าไป” นายวิษณุ กล่าว.-สำนักข่าวไทย