กระทรวงมหาดไทย 14 ม.ค.- 3 รัฐมนตรีสำคัญประชุมผู้ว่าฯทั่วประเทศ แจงรายละเอียดกองทุนส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น เร่งปลูกป่าป้องกันไฟ พร้อมจัดหาที่ทำกินให้ชุมชน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมชี้แจงข้อราชการสำคัญผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศเกี่ยวกับรายละเอียดกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่จัดสรรงบประมาณให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ วงเงินรวม 2,400 ล้านบาท แบ่งเป็นกรอบวงเงินจังหวัดละ 25 ล้านบาท รวม 1,900 ล้านบาท และวงเงินอีก 500 ล้านบาท สำรองให้จังหวัดที่มีโครงการน่าสนใจเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น รวมทั้งให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่มากขึ้น
สำหรับการพิจารณาโครงการระดับจังหวัด จะให้คณะกรรมการบริหารแต่ละจังหวัดประชุมร่วมกัน เพื่อกลั่นกรองโครงการขึ้นมาเสนอ เนื่องจากปีก่อนไม่มีการกำหนดจังหวัด ทำให้บางจังหวัดไม่ได้รับงบประมาณ และมีข้อร้องเรียนขึ้นมา รวมทั้งต้องการให้แต่ละจังหวัดพิจารณาโครงการว่าสามารถทำได้จริง สร้างประโยชน์ต่อพื้นที่จริง รวมทั้งไม่ติดเงื่อนไขอะไร เช่น ปีที่ผ่านมาการขุดบ่อบาดาลบางพื้นที่ ติดเงื่อนไขอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน ไม่สามารถทำได้ โดยคาดว่าจะกลั่นกรองโครงการเข้ามาได้ภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้ และเริ่มโครงการ 1 เม.ย.นี้
ส่วนการพิจารณาโครงการระดับจังหวัด จะให้คณะกรรมการบริหารแต่ละจังหวัดประชุมกลั่นกรองโครงการขึ้นมาเสนอ ซึ่งต้องเป็นโครงการที่ทำได้จริง สร้างประโยชน์ต่อพื้นที่จริง รวมทั้งไม่ติดเงื่อนไขอะไร อาทิ โครงการสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ระบบผลิตแก๊สชีวภาพจากของเสียและระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับระบบห้องเย็น ทั้งนี้ เพื่อกระจายรายได้ ลดค่าใช้จ่าย ช่วยเหลือ ประชาชนที่ประสบปัญหาจากโควิด- 19 ตั้งแต่ปีที่แล้วถึงปีนี้
กระทรวงพลังงานนำเสนอรายละเอียดและนำเสนอคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานพิจารณา เตรียมทบทวนแนวทางการสนับสนุนโครงการภายใต้กลุ่มงานส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนเศรษฐกิจฐานราก โดยให้กำหนดเงื่อนไขด้านการร่วมสมทบทุน ทั้งด้านตัวเงิน (in cash) และด้านอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ตัวเงิน (in kind) เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการส่งเสริมระดับจังหวัด
นายวราวุธ เปิดเผยก่อนการประชุมว่า วันนี้(14 ม.ค.) เป็นการขอความร่วมมือผ่านผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เพื่อประสานทุกหน่วยงานในพื้นที่ขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงทรัพย์ ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.ไฟป่า หมอกควัน และ PM 2.5 ให้คุมเข้มการเผาพื้นที่การเกษตร รวมถึงรายงานคุณภาพอากาศ ควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษอย่างการจราจรและภาคอุตสาหกรรม 2.ขอให้ทุกจังหวัดเร่งรัดขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า พื้นที่ 2.68 ล้านไร่ในปี 2570 พร้อมเร่งรัดดำเนินการในพื้นที่ต้นน้ำ 12 จังหวัด ได้แก่เชียงใหม่ เชียงราย ตาก น่าน พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน ชัยภูมิ นครศรีธรรมราช และนครราชสีมา พร้อมกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่าระดับจังหวัดให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2564
“3.ขอให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเร่งรัดการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ของชุมชนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติจำนวน 375 พื้นที่ใน 63 จังหวัด ซึ่งยังมีพื้นที่จำนวน 4.75 ล้านไร่ ที่ต้องสำรวจและรังวัดแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติเพื่อจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2564 4.ขออนุญาตการใช้ประโยชน์ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยให้ยื่นคำร้องกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด หรือสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่โดยเร่งด่วน ภายในวันที่ 31 มกราคม 2564 เพื่อให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2564” นายวราวุธ กล่าว.-สำนักข่าวไทย