ศปถ.เข้มกม.จราจร กวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ

ปภ. 30 ธ.ค.-ศปถ.เข้มบังคับใช้กฎหมายจราจร กวดขันพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ ห้ามรถบรรทุกวิ่งถนนสายหลักช่วงปีใหม่ กำชับตร.ปรับสัญญาณไฟจราจรตามปริมาณรถ ตั้งจุดตรวจแอลกอฮอล์ ใช้อุปกรณ์ใหม่ป้องกันโควิด


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงสรุปผลการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2563 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 414 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 43 ราย บาดเจ็บ 438 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 32.85 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 24.88 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.11 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง 66.43 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 38.89 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 32.13

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 29.47 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 29.94 ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,933 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 61,575 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 288,881 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 44,657 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 12,648 ราย ไม่มีใบขับขี่ 12,154 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ มหาสารคาม (15 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ชลบุรี บุรีรัมย์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และอุดรธานี (จังหวัดละ 3 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (17 คน)


“ตำรวจพร้อมอำนวยความสะดวกด้านการจราจรและเร่งรัดคืนพื้นที่จราจร เพื่อความสะดวกของประชาชนที่จะเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ ขณะเดียวกันจะเน้นบังคับห้ามรถบรรทุกวิ่งในช่วงวันที่ 30 ธันวาคม ถึง 4 มกราคมในถนนมิตรภาพ ถนนพหลโยธิน(บางช่วง) ถนนปังธงชัย และถนนเอเชียบางช่วง โดยในช่วง 7 วันนี้หากรถบรรทุกมีความจำเป็นต้องวิ่งให้ขออนุญาตกับผู้บังคับการแต่ละจังหวัดในแต่ละจังหวัด นอกจากนี้จะเปิดช่องทางพิเศษเพิ่มพื้นที่การจราจรรับการเดินทางกลับประมาณวันที่ 2-3 มกราคม 2564 จัดกำลังตำรวจทางหลวงและตำรวจจราจรดูแลเส้นทางหลักสำคัญ ขณะที่ตำรวจภูธรให้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร โดยกดไฟตามปริมาณรถไม่ใช่ตั้งอัตโนมัติ และคุมเข้มระเบียบการเข้าออกปั๊มน้ำมัน เนื่องจากจะมีรถจอดจำนวนมาก” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับให้ผู้บริการรถสาธารณะ มีมาตรการควบคุมโรคให้ชัดเจนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงตั้งจุดตรวจจุดสกัดแรงงานต่างด้าว โดยตำรวจจะประสานให้เป็นจุดเดียวกันเพื่อ ไม่ให้เป็นภาระกับประชาชน

“ส่วนมาตรการการตรวจคนเมา จะฉีกซองอุปกรณ์เป่าเพื่อวัดแอลกอฮอล์ต่อหน้า จัดชุดเคลื่อนที่เร็วทำงานร่วมกับสาธารณสุข อสม. กำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่ตั้งด่านชุมชน ร่วมตรวจว่าใครเป็นกลุ่มเสี่ยงออกจากหมู่บ้าน และใครดื่ม เมาแล้วขับ โดยหน่วยเคลื่อนที่เร็วจะไปตรวจถึงที่ ส่วนกรณีเกิดอุบัติเหตุรถชนกัน จะตรวจแอลกอฮอล์ทั้งคู่กรณี หากพบว่ามีเด็กอายุตำว่า 20 ปี จะดำเนินการกับผู้จำหน่ายแอลกอฮอล์ในข้อหาจำหน่ายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าว


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้ (30 ธ.ค.) จะมีประชาชนออกเดินทางจำนวนมาก แต่คาดว่าจะไม่มากเท่าปีที่แล้ว เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และบางส่วนทยอยเดินทางออกออกไปตั้งแต่งวันที่ 25-26 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่เตรียมรับมือการเดินทางกลับของประชาชน ที่คาดว่าจะเริ่มทยอยเข้ามากันจำนวนมากในช่วงบ่ายของวันที่ 3 มกราคม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่