ดอนต่อสายถึง รัฐมนตรีเมียนมาร์ หลังโควิดระบาดที่สมุทรสาคร

โฆษก กต. เผย ดอน ต่อสายถึง รัฐมนตรีเมียนมาร์ หลังพบโควิดระบาด แรงงานที่สมุทรสาคร  ยัน ไทยไม่มีนโยบายนำเข้าแรงงานเพิ่ม เข้มแนวชายแดน ป้องกันลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย เร่งหาตัวนายหน้า เผยช่วยเหลือเมียนมาร์ด้านสาธารณสุข แก้โควิด แล้ว 45 ล้านบาท

นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงต่างประเทศ แถลงถึงความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน เรื่อง แรงงานต่างด้าว ช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  โดยเฉพาะกรณีแรงงานชาวเมียนมาร์ ซึ่งไทยยังไม่มีนโยบายนำแรงงานกลับมาทำงานในไทย เนื่องจากยังความเสี่ยง ของการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ในอนาคตอาจมีการพิจารณานำเข้าแรงงาน ตามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ของกระทรวงแรงงานทั้งไทยและเมียนมาร์ ขณะที่ตามแนวชายแดน ได้เพิ่มความเข้มงวด เพื่อสกัดการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่วนแรงงานไทยที่อยู่ในเมียนมาร์ และต้องการเดินทางกลับ ขอให้เดินทางกลับตามช่องทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (20ธ.ค.) นายดอน ปรมัติวินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือ ทางโทรศัพท์ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือระหว่างประเทศของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ถึงเหตุการณ์ระบาดโควิด -19 ในกลุ่มแรงงานเมียนมาร์ ที่จังหวัดสมุทรสาคร ได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือ โดยเฉพาะการป้องกัน การลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย บริเวณตามแนวชายแดน  ซึ่งทั้ง 2 ประเทศมีคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น หรือ TBC คอยดำเนินการป้องกัน ขณะที่ทางการเมียนมาร์ยืนยันจะคุมเข้ม มาตรการตามแนวชายแดน และเร่งหาติดตามกระบวนการลักลอบนำแรงงานเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย

อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวอีกว่า ตามกรอบความร่วมมือด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ไทยให้การช่วยเหลือแก่เมียนมาร์ไปแล้ว รวม 45 ล้านบาท และยังแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ติดเชื้อที่เดินทางกลับจากไทยเข้าเมียนมาร์ และจากเมียนมาร์เข้าไทย พร้อมกันนี้ ไทยได้อำนวยความสะดวกให้กับแรงงานเมียนมาร์ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งทางบก และทางอากาศ

นายธานี ย้ำว่า ไทยและประเทศเพื่อนบ้านจะเดินหน้ากระชับความร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น เพราะต่างตระหนักดีว่า ไม่มีประเทศใดปลอดภัยได้อย่างแท้จริง หากประเทศเพื่อนบ้านยังประสบปัญหา ซึ่งรัฐบาลไทยดูแลแรงงานต่างด้าวเทียบเท่ากับแรงงานไทย ทั้งค่าจ้าง และชีวิตความเป็นอยู่ และขอให้กลุ่มผู้ประกอบการช่วยกันเป็นหูเป็นตาไม่สนับสนุนการลักลอบนำแรงงานเข้าไทยโดยผิดกฎหมาย .-สำนักข่าวไทย