ทำเนียบรัฐบาล 18 ธ.ค.-“พล.อ.ประวิตร” ประชุมตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ที่ผ่านความเห็นชอบกนช.แล้ว ย้ำหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งรัดให้เสร็จโดยเร็วบรรเทาผลกระทบอุทกภัย เร่งเพิ่มแหล่งน้ำดิบสำรองสำหรับอุปโภคบริโภค การเกษตร
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เป็นประธานประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญ ครั้งที่ 4/2563 ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เพื่อพิจารณาโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่หน่วยงานเตรียมเสนอขอตั้งงบประมาณ ปี 2565 ก่อนเสนอคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 28 ธันวาคมนี้ จำนวน 1 โครงการ ได้แก่ โครงการอ่างเก็บน้ำบ้านหนองกระทิง จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเขื่อนเก็บกักน้ำความจุ 15 ล้าน ลบ.ม. ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี (ปี 2565 – 2568) เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งน้ำดิบสำรองเพื่อการอุปโภคและบริโภคในพื้นที่ มีพื้นที่รับประโยชน์ในฤดูฝน 10,000 ไร่ ฤดูแล้ง 3,000 ไร่ ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศวิทยาในการเสริมศักยภาพการผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกง ขณะเดียวกัน ยังสนับสนุนน้ำเพื่อการอุตสาหกรรมในพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ส่วนหนึ่งด้วย
ที่ประชุมติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช. ) แล้ว ทั้งสิ้น 32 โครงการ พบว่ามีจำนวน 6 โครงการที่อยู่ระหว่างขอตั้งงบประมาณปี 2565 ส่วนอีก 23 โครงการผ่านคณะรัฐมนตรีและได้รับงบประมาณเรียบร้อยแล้ว แต่บางโครงการยังติดปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน เช่น โครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชฯ ซึ่งได้เน้นย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ ขณะที่อีก 3 โครงการที่ผ่านกนช.แล้ว แต่ยังไม่เสนอคณะรัฐมนตรี ที่ประชุมมอบหมายให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งรัดเสนอโครงการเพื่อให้ทันกับการขอรับการจัดสรรงบประมาณในปี 2565 ได้ตามแผน รวมถึงเร่งขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 151 โครงการ ให้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายด้วยเช่นกัน แบ่งเป็น ปี 2564 จำนวน 51 โครงการ ปี 2565 จำนวน 48 โครงการ และปี 2566 จำนวน 52 โครงการ
พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณที่ร่วมกันพิจารณาโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในเป้าหมาย เร่งรัดขับเคลื่อน ซึ่งต่อไปนี้ การเสนอโครงการด้านน้ำ จะเป็นระบบมากขึ้น ลดความซ้ำซ้อน ในการดำเนินการของหน่วยงาน และการตั้งงบประมาณ โครงการที่เสนอ ต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองให้ความเห็นตั้งแต่ในระดับพื้นที่ โดยอาศัยกลไกการทำงาน ของคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด และคณะกรรมการลุ่มน้ำ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า โครงการมีความพร้อมทุกด้าน ไม่ให้เกิดปัญหาหลังจากได้รับงบประมาณไปแล้ว เหมือนบางโครงการที่ผ่านมา ขอให้หน่วยงานไปดำเนินการ ตามมติที่ประชุม เพื่อขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ให้บรรลุตามเป้าหมาย ที่ได้วางไว้ต่อไป
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบผลสรุปการดำเนินงานของคณะทำงานทางเทคนิคการพัฒนาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลรองรับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก แบ่งเป็น 1.แนวทางและกรอบการดำเนินโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล (Roadmap) ระยะเวลาดำเนินการ ปี 2564 – 2567 อาทิ การศึกษาโครงการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล การจัดทำนโยบายราคาน้ำจืดจากน้ำทะเล การเตรียมการลงทุน การก่อสร้างระบบท่อ/ระบบไฟฟ้า การผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน เป็นต้น 2.ร่างขอบเขตโครงการศึกษาการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเลเพื่อแก้ไขปัญหาความเสี่ยงของการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ EEC ในพื้นที่เป้าหมายอยู่ในเขตจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง ซึ่งอยู่ในโครงข่ายน้ำของลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก โดยสทนช.เสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณงบกลาง ปี 2564 เพื่อศึกษาและเร่งขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว.-สำนักข่าวไทย