ส.ว.เดือด! ค้านแก้ไข รธน.

รัฐสภา 23 ก.ย.- ส.ว.เดือด ค้านแก้ไขรัฐธรรม บอกไม่ใช่เรื่องด่วน สิ้นเปลืองงบประมาณ ด้าน ส.ส. รัฐบาล-ฝ่ายค้านหนุนตั้ง ส.ส.ร. ชี้เป็นทางสายกลาง เชื่อช่วยลดบรรยากาศความขัดแย้ง


การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 6 ญัตติ ตลอดช่วงบ่ายเป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนใหญ่ อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สนับสนุนและชี้ ไม่เห็นถึงความจำเป็นของการแก้ไขวันนัดธรรมนูญด้วยการเปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

พลอากาศตรีเฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. อภิปรายร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า อุปสรรคของการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือมีคำถามว่าจะต้องไปทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนที่จะลงมติวาระหนึ่งหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวไม่ขัดข้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่ได้อยู่ใต้อาณัติใคร แต่ถ้ารู้สึกขัดข้องหมองใจก็ยินดีลาออกจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภาถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เห็นว่าหลักการที่ถูกต้องควรกลับไปถามประชาชนก่อนว่าจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ดังนั้นควรทำมติในเรื่องนี้ 2 ครั้ง โดยหลังจากยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วจึงต้องถามประชาชนอีกเหมือนกันว่าประชาชนชอบพึงพอใจกับเนื้อหาของรัฐธรรมนูญที่ร่างใหม่หรือไม่ ความเห็นส่วนตัวตนเห็นว่าควรทำมติ 2 ครั้ง แล้วในที่สุดควรยุบสภาเพื่อเลือกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เมื่อไหร่ เพราะต้องมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกดังนั้นควรปรึกษาหรือว่าจะเดินเรื่องนี้อย่างไร เพราะถ้าดูไทม์ไลน์หรือเงื่อนเวลาแล้วต้องใช้เวลาอีกนาน


ด้านนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. อภิปรายว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งองค์การอนามัยโลกชื่นชมว่าไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่เหตุใดถึงมีการพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาโควิด-19 จึงไม่แน่ใจว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากการแก้รัฐธรรมนูญในช่วงนี้ และทำให้บาปกรรมมาตกอยู่ที่ ส.ว. หากตนอยากปิดสวิตช์ ส.ส.บ้างจะทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ ตนเองเกิดมาอายุ 74 ปี เห็นการทำรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ต้องบอกว่าทหารก็รักประชาธิปไตยเหมือนกัน และสาเหตุที่ต้องมีการรัฐประหารส่วนหนึ่งก็มาจากความขัดแย้ง ซึ่งที่ต้องพูดเชื่อมโยงแบบนี้ เพราะอยากรู้ว่าหากแก้รัฐธรรมนูญแล้วประเทศชาติได้ประโยชน์อะไร ที่สำคัญส่วนหนึ่งเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญมาจากกลุ่มที่ชุมนุมในวันที่ 19-20 ก.ย. จะเรียกนักเรียนนักศึกษาอะไรก็ตาม แต่ความจริงปรากฏว่าไม่ได้เรียกร้องอะไรเพื่อประชาชน นอกจากการมุ่งโจมตีสถาบันที่คนไทยเคารพนับถือ และสมาชิกบางพรรคเห็นดี เห็นงามไปด้วย จึงไม่ทราบว่าสมาชิกในพรรคเดียวกันยอมได้อย่างไร

นายจเด็จ ยืนยันรัฐธรรมนูญแก้ได้ แต่ที่ต้องกำหนดให้แก้ยาก เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีการขอแก้ไขกันอยู่เรื่อยๆ ทุก 2 ปี 3 ปี อีกทั้งในการตั้ง ส.ส.ร.จะต้องทำประชามติ 2 ครั้ง ใช้งบประมาณ 17,000-20,000 ล้านบาท ในยามนี้คงไม่มีใครกล้าพูดว่า เงินจำนวนนี้เพื่อประชาธิปไตยไม่ต้องเสียดาย เพราะงบประมาณนี้มาจากภาษีจากประชาชนทุกคนเช่นเดียวกัน ซึ่งหากการแก้ไขแล้วทำให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ประเทศชาติมั่นคงตนก็เห็นด้วย แต่หากเป็นเหตุผลอื่นที่เป็นวาระซ่อนเร้น คงไม่สามารถยอมรับการแก้ไขได้

ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มีการพูดถึงมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีการตั้งรัฐบาลใหม่ใหม่ไม่ใช่พึ่ง เกิดขึ้นมาในช่วงที่บ้านเมืองตกอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 หรือช่วงเหตุการณ์ 2-3 วันนี้


อีกทั้งยังมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งผลจากที่คณะอนุกรรมาธิการฯ ลงไปรับฟังความคิดเห็น ก็พบว่าทุกกลุ่มต่างเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลายประเด็น หลายมาตรา อาจจะยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 แต่ถ้าจะให้สภาเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขก็คงต้องใช้เวลา จึงเป็นที่มาของข้อเสนอว่าควรจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการมี ส.ส.ร. เพราะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ร่างโดย ส.ส.ร.ก็เป็นที่ได้รับการชื่นชมว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่มีประชาธิปไตย ส่วนจะต้องจัดทำประชามติหรือไม่ เห็นว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบในชั้นรับหลักการ และเมื่อผ่านวาระที่ 3 แล้วก็มีความจำเป็นในการจัดทำประชามติ

นายบัญญัติ ยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตของสมาชิกรัฐสภาว่า งบประมาณที่ต้องใช้จ่ายในการทำประชามติถึง 2 ครั้ง กว่า 10,000 ล้านบาท อยากให้มองถึงความสำคัญ แน่นอนว่างบประมาณแผ่นดินในเวลานี้จำเป็นต้องคำนึงถึงการใช้จ่าย และต้องสำรองไว้เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่ถ้าคิดถึงความสำคัญของรัฐธรรมนูญในฐานะที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นกฎหมายที่กำหนดโครงสร้าง กำหนดความสำคัญ กำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ของสถาบันและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญทั้ง เศรษฐกิจการเมือง สังคม เป็นกฎหมายสูงสุดที่รับรองสิทธิเสรีภาพและสิทธิประโยชน์ของประชาชน เป็นแม่บทในการกำหนดหลักการในการอำนวยความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมให้กับประชาชนในทุกด้าน เมื่อรัฐธรรมนูญมีความสำคัญเช่นนี้ การจะนำงบประมาณบางส่วนมาใช้ในการจัดทำประชามติก็เป็นเรื่องที่ควรแก่การกระทำเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความมั่นใจว่าหลายคนเปิดกว้างทางการเมืองพอสมควร และคนที่สนใจติดตามการเมืองมาตลอดคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำอย่างยิ่ง และต้องยอมรับว่าข้อกฎหมายหลายข้อบกพร่องในการบังคับใช้ จะปล่อยให้ข้อบกพร่องนี้ยังคงอยู่หรือไม่ และก่อให้เกิดความขัดแย้งความเสียหายในประเทศจึงไม่ควรเพิกเฉย ย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการมี ส.ส.ร. ถือเป็นทางสายกลางที่หลายฝ่ายน่าจะยอมรับกันได้ ทั้งคนที่อยากให้แก้หลายมาตรา ก็จะใช้เวทีนี้ ในส่วนของ ส.ว.หรือรัฐบาลก็ถือว่ามีเวลาตั้งหลักมาพอสมควรในการที่จะช่วยกันปรับปรุงรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้รัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศถือเป็นประเด็นใหญ่ที่สุด และประเด็นที่สำคัญที่สุดคือการดึงหลายฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้เกิดความปรองดองและเห็นภาพความร่วมมือที่จะช่วยลดความคลี่คลายความขัดแย้งที่มีอยู่ให้ลดน้อยถอยลง อีกทั้งยังได้รัฐธรรมนูญที่มีหลักเกณฑ์ และคู่ควรกับการเป็นกฎหมายประเทศ จึงหวังว่าการแก้ไขประธรรมนูญด้วยการเปิดทางให้ใหม่ ส.ส.ร. จะได้รับการสนับสนุน

ด้านนายวงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี อภิปรายตอกย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะแก้ไข ทั้งที่ใช้มาได้เพียงปีกว่า และประชาชนก็ไม่ได้เดือดร้อนจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ปิดช่องโหว่รัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ไม่ให้เกิดเผด็จการรัฐสภา จนมาถึงวันนี้ เป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง

ส่วนที่ ส.ว.ชุดนี้โหวตเลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเขามีเสียงของ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง จึงขออย่าดูถูกสมองของ ส.ว. เพราะคิดวิเคราะห์แยกแยะเป็น และ ส.ว.เลือกเพราะพลเอกประยุทธ์ มีคะแนนนิยมสูงสุด ไม่ต้องเป็น ส.ว. เป็นชาวบ้าน เขาก็รู้ว่าจะเลือกใคร วุฒิภาวะมันได้หรอ และคิดว่าที่มาของ ส.ว.และ ส.ส.ควรจะต่างกัน เพราะทำหน้าที่คนละอย่างกัน เพราะหากมาจากที่เดียวกัน มันจะเป็นอย่างไร สมาชิกวุฒิสภามาทำหน้าทั้ตามบทเฉพาะกาลที่เขียนไว้ชัดเจนว่า เข้ามาปฏิรูปประเทศ มากลั่นกรองกฎหมาย จึงต้องมีคุณวุฒิลึกซึ้งทุกด้าน

นอกจากนี้ยังกล่าวการแสดงออกของกลุ่มผู้ชุมนุมว่า อยากให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ถ่องแท้ ไม่ใช่เรียนแค่สองหน้ากระดาษ

“ขอให้บ้านเมืองเดินไปอย่างราบรื่นบ้างได้ไหม ลงถนนกันตะพึดจะพือ ทุกปีเลย ยังไม่ทันจะทำอะไร ก็ลงถนนกันอีกแล้ว มันมีคนอยู่เบื้องหลังครับ ขอเท็จจริงเป็นแบบนั้น ประชาชนไม่เห็นเดือดร้อนอะไร เพราะฉะนั้น กลับมาตั้งหลักกันใหม่ กลับมาพิจารณากันใหม่ว่าวันนี้เรื่องมันด่วนจริงหรือไม่ ถ้าด่วนจริง เข้ามาตั้งแต่ 3 เดือนแล้วก็ยื่นเลย นี่มันปีกว่าแล้ว” นายวงศ์สยาม กล่าว

ขณะที่นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกถึงเหตุการณ์เผด็จการรัฐสภาในอดีตที่ใช้เสียงข้างมาก เช่น การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ทำสนธิสัญญาโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา, การแก้ไขที่มา ส.ว.ให้ตกอยู่ในอิทธิพลของฝ่ายการเมือง กรณีเหล่านี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ และที่สำคัญคือการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนเกิดเหตุที่ กปปส. ต้องออกมาประท้วง ซึ่งเผด็จการรัฐสภานั้น เป็นผลพวงจากระบบการเลือกตั้งที่ไม่เหมาะสม จึงมีการปรับระบบการเลือกตั้งที่ได้ผลดี หากแก้ไขกลับไปใช้แบบเดิม เผด็จการรัฐสภาจะกลับมาอีก

นายสุพล กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังบัญญัติไม่ให้ผู้มีประวัติเสียหายลงสมัครรับเลือกตั้ง, ไม่ให้ ส.ส. หรือ ส.ว.แปรญัตติงบประมาณแผ่นดินมาใช้, ห้ามก้าวก่ายแทรกแซงเลื่อนยศข้าราชการ ป้องกันให้รัฐมนตรีทำความเสียหาย โดยกำหนดคุณสมบัติซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง หากมีการแก้ไขใหม่ ไม่แน่ใจว่าจะเขียนป้องกันได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมหรือไม่ รวมถึงยังเป็นรัฐธรรมนูญที่มีการบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไว้ ดังนั้นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ เสียโอกาสการพัฒนา โดยเฉพาะที่กำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะทำให้การปฏิรูปประเทศชะงัก อย่างเสียเวลาวุ่นวายกับรัฐธรรมนูญที่กินไม่ได้

จากนั้นเป็นการอภิปรายของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายพาดพิงถึงการทำหน้าที่ของวุฒิสภา (ส.ว.) ที่เหมือนจับเอาคนพิการมือด้วน 250 คนมาไว้รวมกัน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็น ผู้ควบคุม ทำให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ลุกขึ้นประท้วงทันทีพร้อมยืนยันว่า ส.ว. เข้ามาตามรัฐธรรมนูญ แต่บางครั้งก็มีนักการเมืองบางคนที่แอบอยู่ใต้กระโปรงนักเรียน ทำให้นายชวน หลีกภัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องปิดไมค์ และกล่าวเตือนสมาชิกว่าในสภาผู้แทนราษฎรไม่ควรกล่าวถึงสถาบัน และขอให้ทั้งสองฝ่ายถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเกรงว่าอาจทำให้เกิดการประท้วงยืดเยื้อบานปลายเสียเวลาในการอภิปราย แต่สถานการณ์ก็ยังไม่จบเนื่องจาก ส.ส. พรรคก้าวไกล หลายคนได้ลุกขึ้นประท้วง ขอให้นายกิตติศักดิ์ถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสม โดยนายกิตติศักดิ์ ได้ยอมถอนคำพูด เหตุการณ์จึงจบลง. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มซิ่งกระบะชนเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน 12 ต้น

ชลบุรี 28 ก.ย. – หนุ่มซิ่งกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรตลอดทั้งวัน คาดจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) รถกระบะพุ่งชนเสาไฟฟ้า บนถนนสายบึง-บ่อวิน ต.บ่อวิน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ล้มขวางถนน 12 ต้น เป็นเสาไฟฟ้าแรงสูง 6 ต้น เสาไฟฟ้าสูง 12 เมตร อีก 6 ต้น ระยะทาง 500 เมตร โชคดีนายสิทธิพงษ์ อายุ 41 ปี คนขับ บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทำให้ไฟฟ้าดับตลอดแนว รวมทั้งต้องปิดการสัญจรบนถนนสายบึง-บ่อวิน ตลอดทั้งวัน คาดว่าจะกลับมาเปิดการจราจรตามปกติได้วันพรุ่งนี้ (29 ก.ย.) จากการสอบสวนทราบว่า นายสิทธิพงษ์ เพิ่งเลิกงาน ขับรถกลับบ้านด้วยความเร็ว อาจหลับใน ทำให้รถเปลี่ยนเลนข้ามไปชนกับเสาไฟฟ้าอีกฝั่ง ส่วนความเสียหายยังประเมินค่าไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ร่วมงานศพพ่อ “อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้า ภท.

ราชบุรี 28 ก.ย.- “อนุทิน” ร่วมสวดอภิธรรมศพพ่อ “สส.อัครเดช” โชว์หวานยกความสัมพันธ์จีบเข้าภูมิใจไทย ลั่นได้ส่งจิตขออนุญาตคุณพ่อแล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตาีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายศักดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่วมไว้อาลัยและสวดอภิธรรมศพ คุณพ่อวุฒิพงศ์ วงษ์พิทักษ์โรจน์ บิดาของนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อค่ำวันที่ 27 ก.ย. ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชนกว่า 2,000 ร่วมพิธีโดยเป็นการสวดอภิธรรมเป็นคืนที่ 4 และจะมีพิธีบรรจุศพในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ในช่วงท้าย นายอนุทิน ได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมสวดอภิธรรมศพ ว่า ตนเองมีความสนิทสนมกับ นายอัครเดช มาหลายปีแล้ว นายอัครเดชเป็นคนมีความวิริยะอุสาหะ ตั้งใจทำงานให้พี่น้องประชาชน ตนมีความชื่นชมและศรัทธา ในความขัยนขันแข็งของท่าน ยิ่งไปกว่านั้นการปฏิบัติหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ท่านก็ทำหน้าที่ได้ดีเป็นดาวสภา […]

โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – โซเชียลแห่ชื่นชม “สีหศักดิ์” กร้าว เวที UNGA หลัง “อนุทิน” มอบดาบการทูตสู้กัมพูชา ขณะนายกฯ ย้ำยึดสันติในการแก้ปัญหา เพื่อประโยชน์ของประเทศ ภายหลังจากที่นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวในเวทีการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ หรือ UNGA สมัยสามัญ ครั้งที่ 80 ที่นครนิวยอร์ก ทำให้กระแสโซเชียลในประเทศไทย พึงพอใจกับการทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นอย่างมาก ทั้งนี้ การเดินทางไปเวที UNGA ของนายสีหศักดิ์ ครั้งนี้ยึดแนวทางแก้ปัญหาความมั่นคงและการต่างประเทศ ที่นายอนุทิน มอบหมายให้ดำเนินการ โดยใช้มาตรการทางการทหารควบคู่กับการทูต เพื่อรักษาอธิปไตยอย่างสันติ เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะในกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา ขณะที่นายอนุทิน เชื่อว่า การกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม UNGA ของนายสีหศักดิ์ ทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นอย่างชัดเจนต่อจุดยืนของรัฐบาล สำหรับนโยบาย 4 เดือน 4 ภารกิจหลัก คืนความมั่นใจให้ประเทศไทย ตามนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน […]

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

ข่าวแนะนำ

สีสัน! อภิปรายนโยบายรัฐบาลวันแรก

29 ก.ย.- การแถลงนโยบายรัฐบาลวันนี้ เหมือนเป็นการซ้อมศึกซักฟอกย่อย เพราะมีการตอบโต้และตั้งฉายามากมาย ติดตามสีสันการอภิปรายนโยบายฯ วันแรก .-สำนักข่าวไทย

เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดฝนหนักคืนนี้

29 ก.ย.- หลายพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก จากอิทธิพล #พายุบัวลอย เชียงใหม่เปิดประตูระบายน้ำทุกจุด เร่งระบายน้ำปิงลงทะเลสาบดอยเต่า พร่องน้ำในเขื่อนแม่งัดฯ เตรียมรับน้ำฝน คาดตกหนักคืนนี้ ขณะที่ จ.นครราชสีมา น้ำล้นสปิลเวย์ เตือนประชาชนระวังน้ำท่วมฉับพลัน พายุฝนตกกระหน่ำหลายพื้นที่จังหวัดสระแก้ว โดยพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.เมืองสระแก้ว นายก อบต.บ้านแก้ง พร้อมผู้นำชุมชน และอาสาสมัครกู้ภัย ได้นำเรือเครื่องยนต์ท้องแบน เข้าช่วยเหลือ ตาชู-ยายทองคำ และสุนัข 1 ตัว ออกจากบ้านที่โดนน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมเกือบมิดหลังคา  มาอยู่ในที่ปลอดภัย ยายทองคำ เล่าว่าเมื่อคืนพักอยู่กับตาและหมา กำลังจะเข้านอนแต่ก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน น้ำที่คลองก็ยังไม่เห็นว่าจะขึ้นล้นตลิ่งเท่าไร แต่ก็กังวล จึงเฝ้าดูกระทั่งน้ำไหลมาและเข้าท่วม ตกใจ จึงได้นำสุนัขขึ้นบนบ้าน ส่วนข้าวของก็เก็บไม่ทัน จากนั้นจึงอยู่แต่บนบ้านจนถึงเช้า กู้ภัยมาช่วยนำออกมาจากบ้าน อยู่มาหลายสิบปีไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนเลย  ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เตรียมรับมือพายุบัวลอย คาดตกหนักคืนนี้ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลายพื้นที่เชียงใหม่ เริ่มมีฝนตกลงมาบ้างแล้ว ระดับน้ำในลำน้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ ที่จุดวัดพี1 เชิงสะพานนวรัฐ ยังอยู่ที่ 2 เมตร 49 เซนติเมตร ต่ำกว่าจุดวิกฤติแจ้งเตือนที่ […]

แถลงนโยบายวันแรกเดือด ประท้วงกันวุ่น

29 ก.ย.- สภาเดือด! แถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก อภิปรายตอบโต้-ประท้วงกันเป็นระยะ เมื่อมีการพาดพิงปมเขากระโดง-ฮั้ว สว. แต่ประธานฯ คุมสถานการณ์ได้ ด้านนายกฯ ไม่กังวลวาทกรรมของฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นซ้ำๆ และมีการแถลงข้อเท็จจริงไปแล้ว -สำนักข่าวไทย

ฝ่าดงทุ่นระเบิดเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก “ผลักดัน-รื้อถอน”

29 ก.ย.- ทหารเรือฝ่าดงทุ่นระเบิดเข้าเคลียร์พื้นที่บ้านชำราก จ.ตราด ผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้าม-รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง 3 หลัง รุกล้ำเขตอธิปไตยไทย ขณะที่ชาวบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว นำอาหารมอบให้ทหารแนวหน้า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวผิดปกติ พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และพลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ว่าที่ ผู้บัญชาการทหารเรือ คนใหม่ มอบหมายพลเรือโทอภิชาติ ทรัพย์ประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด (กกล.กปช.จต.) เข้าเคลียร์พื้นที่ชายแดนบ้านชำราก อันเป็นอธิปไตยของไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด จึงได้ผลักดันกองกำลังกัมพูชา ออกจากพื้นที่บริเวณตรงข้ามบ้านหนองรี ตำบลชำราก ไม่มีกำลังฝ่ายกัมพูชาวางกำลังแล้ว ผลจากการปฏิบัติการ บรรลุเป้าหมายสำคัญ คือ สามารถทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้ง 3 หลังลงได้อย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือ สามารถผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามให้ออกจากพื้นที่รุกล้ำได้อย่างสมบูรณ์ ประชาชนนำอาหารมอบทหารแนวหน้า บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ส่วนที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว บรรยาศเงียบเหงา แต่ยังคงมีประชาชนเดินทางนำอาหาร เช่น ไข่ไก่ น้ำดื่ม นำมามอบให้กับทหารแนวหน้า ถึงแม้จะไม่คึกคักเหมือนวันก่อนๆ […]