ส.ว.เดือด! ค้านแก้ไข รธน.

รัฐสภา 23 ก.ย.- ส.ว.เดือด ค้านแก้ไขรัฐธรรม บอกไม่ใช่เรื่องด่วน สิ้นเปลืองงบประมาณ ด้าน ส.ส. รัฐบาล-ฝ่ายค้านหนุนตั้ง ส.ส.ร. ชี้เป็นทางสายกลาง เชื่อช่วยลดบรรยากาศความขัดแย้ง


การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 6 ญัตติ ตลอดช่วงบ่ายเป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนใหญ่ อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สนับสนุนและชี้ ไม่เห็นถึงความจำเป็นของการแก้ไขวันนัดธรรมนูญด้วยการเปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

พลอากาศตรีเฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. อภิปรายร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า อุปสรรคของการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือมีคำถามว่าจะต้องไปทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนที่จะลงมติวาระหนึ่งหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวไม่ขัดข้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่ได้อยู่ใต้อาณัติใคร แต่ถ้ารู้สึกขัดข้องหมองใจก็ยินดีลาออกจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภาถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เห็นว่าหลักการที่ถูกต้องควรกลับไปถามประชาชนก่อนว่าจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ดังนั้นควรทำมติในเรื่องนี้ 2 ครั้ง โดยหลังจากยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วจึงต้องถามประชาชนอีกเหมือนกันว่าประชาชนชอบพึงพอใจกับเนื้อหาของรัฐธรรมนูญที่ร่างใหม่หรือไม่ ความเห็นส่วนตัวตนเห็นว่าควรทำมติ 2 ครั้ง แล้วในที่สุดควรยุบสภาเพื่อเลือกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เมื่อไหร่ เพราะต้องมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกดังนั้นควรปรึกษาหรือว่าจะเดินเรื่องนี้อย่างไร เพราะถ้าดูไทม์ไลน์หรือเงื่อนเวลาแล้วต้องใช้เวลาอีกนาน


ด้านนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. อภิปรายว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งองค์การอนามัยโลกชื่นชมว่าไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่เหตุใดถึงมีการพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาโควิด-19 จึงไม่แน่ใจว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากการแก้รัฐธรรมนูญในช่วงนี้ และทำให้บาปกรรมมาตกอยู่ที่ ส.ว. หากตนอยากปิดสวิตช์ ส.ส.บ้างจะทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ ตนเองเกิดมาอายุ 74 ปี เห็นการทำรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ต้องบอกว่าทหารก็รักประชาธิปไตยเหมือนกัน และสาเหตุที่ต้องมีการรัฐประหารส่วนหนึ่งก็มาจากความขัดแย้ง ซึ่งที่ต้องพูดเชื่อมโยงแบบนี้ เพราะอยากรู้ว่าหากแก้รัฐธรรมนูญแล้วประเทศชาติได้ประโยชน์อะไร ที่สำคัญส่วนหนึ่งเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญมาจากกลุ่มที่ชุมนุมในวันที่ 19-20 ก.ย. จะเรียกนักเรียนนักศึกษาอะไรก็ตาม แต่ความจริงปรากฏว่าไม่ได้เรียกร้องอะไรเพื่อประชาชน นอกจากการมุ่งโจมตีสถาบันที่คนไทยเคารพนับถือ และสมาชิกบางพรรคเห็นดี เห็นงามไปด้วย จึงไม่ทราบว่าสมาชิกในพรรคเดียวกันยอมได้อย่างไร

นายจเด็จ ยืนยันรัฐธรรมนูญแก้ได้ แต่ที่ต้องกำหนดให้แก้ยาก เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีการขอแก้ไขกันอยู่เรื่อยๆ ทุก 2 ปี 3 ปี อีกทั้งในการตั้ง ส.ส.ร.จะต้องทำประชามติ 2 ครั้ง ใช้งบประมาณ 17,000-20,000 ล้านบาท ในยามนี้คงไม่มีใครกล้าพูดว่า เงินจำนวนนี้เพื่อประชาธิปไตยไม่ต้องเสียดาย เพราะงบประมาณนี้มาจากภาษีจากประชาชนทุกคนเช่นเดียวกัน ซึ่งหากการแก้ไขแล้วทำให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ประเทศชาติมั่นคงตนก็เห็นด้วย แต่หากเป็นเหตุผลอื่นที่เป็นวาระซ่อนเร้น คงไม่สามารถยอมรับการแก้ไขได้

ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มีการพูดถึงมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีการตั้งรัฐบาลใหม่ใหม่ไม่ใช่พึ่ง เกิดขึ้นมาในช่วงที่บ้านเมืองตกอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 หรือช่วงเหตุการณ์ 2-3 วันนี้


อีกทั้งยังมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งผลจากที่คณะอนุกรรมาธิการฯ ลงไปรับฟังความคิดเห็น ก็พบว่าทุกกลุ่มต่างเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลายประเด็น หลายมาตรา อาจจะยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 แต่ถ้าจะให้สภาเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขก็คงต้องใช้เวลา จึงเป็นที่มาของข้อเสนอว่าควรจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการมี ส.ส.ร. เพราะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ร่างโดย ส.ส.ร.ก็เป็นที่ได้รับการชื่นชมว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่มีประชาธิปไตย ส่วนจะต้องจัดทำประชามติหรือไม่ เห็นว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบในชั้นรับหลักการ และเมื่อผ่านวาระที่ 3 แล้วก็มีความจำเป็นในการจัดทำประชามติ

นายบัญญัติ ยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตของสมาชิกรัฐสภาว่า งบประมาณที่ต้องใช้จ่ายในการทำประชามติถึง 2 ครั้ง กว่า 10,000 ล้านบาท อยากให้มองถึงความสำคัญ แน่นอนว่างบประมาณแผ่นดินในเวลานี้จำเป็นต้องคำนึงถึงการใช้จ่าย และต้องสำรองไว้เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่ถ้าคิดถึงความสำคัญของรัฐธรรมนูญในฐานะที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นกฎหมายที่กำหนดโครงสร้าง กำหนดความสำคัญ กำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ของสถาบันและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญทั้ง เศรษฐกิจการเมือง สังคม เป็นกฎหมายสูงสุดที่รับรองสิทธิเสรีภาพและสิทธิประโยชน์ของประชาชน เป็นแม่บทในการกำหนดหลักการในการอำนวยความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมให้กับประชาชนในทุกด้าน เมื่อรัฐธรรมนูญมีความสำคัญเช่นนี้ การจะนำงบประมาณบางส่วนมาใช้ในการจัดทำประชามติก็เป็นเรื่องที่ควรแก่การกระทำเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความมั่นใจว่าหลายคนเปิดกว้างทางการเมืองพอสมควร และคนที่สนใจติดตามการเมืองมาตลอดคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำอย่างยิ่ง และต้องยอมรับว่าข้อกฎหมายหลายข้อบกพร่องในการบังคับใช้ จะปล่อยให้ข้อบกพร่องนี้ยังคงอยู่หรือไม่ และก่อให้เกิดความขัดแย้งความเสียหายในประเทศจึงไม่ควรเพิกเฉย ย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการมี ส.ส.ร. ถือเป็นทางสายกลางที่หลายฝ่ายน่าจะยอมรับกันได้ ทั้งคนที่อยากให้แก้หลายมาตรา ก็จะใช้เวทีนี้ ในส่วนของ ส.ว.หรือรัฐบาลก็ถือว่ามีเวลาตั้งหลักมาพอสมควรในการที่จะช่วยกันปรับปรุงรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้รัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศถือเป็นประเด็นใหญ่ที่สุด และประเด็นที่สำคัญที่สุดคือการดึงหลายฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้เกิดความปรองดองและเห็นภาพความร่วมมือที่จะช่วยลดความคลี่คลายความขัดแย้งที่มีอยู่ให้ลดน้อยถอยลง อีกทั้งยังได้รัฐธรรมนูญที่มีหลักเกณฑ์ และคู่ควรกับการเป็นกฎหมายประเทศ จึงหวังว่าการแก้ไขประธรรมนูญด้วยการเปิดทางให้ใหม่ ส.ส.ร. จะได้รับการสนับสนุน

ด้านนายวงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี อภิปรายตอกย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะแก้ไข ทั้งที่ใช้มาได้เพียงปีกว่า และประชาชนก็ไม่ได้เดือดร้อนจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ปิดช่องโหว่รัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ไม่ให้เกิดเผด็จการรัฐสภา จนมาถึงวันนี้ เป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง

ส่วนที่ ส.ว.ชุดนี้โหวตเลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเขามีเสียงของ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง จึงขออย่าดูถูกสมองของ ส.ว. เพราะคิดวิเคราะห์แยกแยะเป็น และ ส.ว.เลือกเพราะพลเอกประยุทธ์ มีคะแนนนิยมสูงสุด ไม่ต้องเป็น ส.ว. เป็นชาวบ้าน เขาก็รู้ว่าจะเลือกใคร วุฒิภาวะมันได้หรอ และคิดว่าที่มาของ ส.ว.และ ส.ส.ควรจะต่างกัน เพราะทำหน้าที่คนละอย่างกัน เพราะหากมาจากที่เดียวกัน มันจะเป็นอย่างไร สมาชิกวุฒิสภามาทำหน้าทั้ตามบทเฉพาะกาลที่เขียนไว้ชัดเจนว่า เข้ามาปฏิรูปประเทศ มากลั่นกรองกฎหมาย จึงต้องมีคุณวุฒิลึกซึ้งทุกด้าน

นอกจากนี้ยังกล่าวการแสดงออกของกลุ่มผู้ชุมนุมว่า อยากให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ถ่องแท้ ไม่ใช่เรียนแค่สองหน้ากระดาษ

“ขอให้บ้านเมืองเดินไปอย่างราบรื่นบ้างได้ไหม ลงถนนกันตะพึดจะพือ ทุกปีเลย ยังไม่ทันจะทำอะไร ก็ลงถนนกันอีกแล้ว มันมีคนอยู่เบื้องหลังครับ ขอเท็จจริงเป็นแบบนั้น ประชาชนไม่เห็นเดือดร้อนอะไร เพราะฉะนั้น กลับมาตั้งหลักกันใหม่ กลับมาพิจารณากันใหม่ว่าวันนี้เรื่องมันด่วนจริงหรือไม่ ถ้าด่วนจริง เข้ามาตั้งแต่ 3 เดือนแล้วก็ยื่นเลย นี่มันปีกว่าแล้ว” นายวงศ์สยาม กล่าว

ขณะที่นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกถึงเหตุการณ์เผด็จการรัฐสภาในอดีตที่ใช้เสียงข้างมาก เช่น การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ทำสนธิสัญญาโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา, การแก้ไขที่มา ส.ว.ให้ตกอยู่ในอิทธิพลของฝ่ายการเมือง กรณีเหล่านี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ และที่สำคัญคือการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนเกิดเหตุที่ กปปส. ต้องออกมาประท้วง ซึ่งเผด็จการรัฐสภานั้น เป็นผลพวงจากระบบการเลือกตั้งที่ไม่เหมาะสม จึงมีการปรับระบบการเลือกตั้งที่ได้ผลดี หากแก้ไขกลับไปใช้แบบเดิม เผด็จการรัฐสภาจะกลับมาอีก

นายสุพล กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังบัญญัติไม่ให้ผู้มีประวัติเสียหายลงสมัครรับเลือกตั้ง, ไม่ให้ ส.ส. หรือ ส.ว.แปรญัตติงบประมาณแผ่นดินมาใช้, ห้ามก้าวก่ายแทรกแซงเลื่อนยศข้าราชการ ป้องกันให้รัฐมนตรีทำความเสียหาย โดยกำหนดคุณสมบัติซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง หากมีการแก้ไขใหม่ ไม่แน่ใจว่าจะเขียนป้องกันได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมหรือไม่ รวมถึงยังเป็นรัฐธรรมนูญที่มีการบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไว้ ดังนั้นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ เสียโอกาสการพัฒนา โดยเฉพาะที่กำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะทำให้การปฏิรูปประเทศชะงัก อย่างเสียเวลาวุ่นวายกับรัฐธรรมนูญที่กินไม่ได้

จากนั้นเป็นการอภิปรายของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายพาดพิงถึงการทำหน้าที่ของวุฒิสภา (ส.ว.) ที่เหมือนจับเอาคนพิการมือด้วน 250 คนมาไว้รวมกัน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็น ผู้ควบคุม ทำให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ลุกขึ้นประท้วงทันทีพร้อมยืนยันว่า ส.ว. เข้ามาตามรัฐธรรมนูญ แต่บางครั้งก็มีนักการเมืองบางคนที่แอบอยู่ใต้กระโปรงนักเรียน ทำให้นายชวน หลีกภัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องปิดไมค์ และกล่าวเตือนสมาชิกว่าในสภาผู้แทนราษฎรไม่ควรกล่าวถึงสถาบัน และขอให้ทั้งสองฝ่ายถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเกรงว่าอาจทำให้เกิดการประท้วงยืดเยื้อบานปลายเสียเวลาในการอภิปราย แต่สถานการณ์ก็ยังไม่จบเนื่องจาก ส.ส. พรรคก้าวไกล หลายคนได้ลุกขึ้นประท้วง ขอให้นายกิตติศักดิ์ถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสม โดยนายกิตติศักดิ์ ได้ยอมถอนคำพูด เหตุการณ์จึงจบลง. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย