ส.ว.เดือด! ค้านแก้ไข รธน.

รัฐสภา 23 ก.ย.- ส.ว.เดือด ค้านแก้ไขรัฐธรรม บอกไม่ใช่เรื่องด่วน สิ้นเปลืองงบประมาณ ด้าน ส.ส. รัฐบาล-ฝ่ายค้านหนุนตั้ง ส.ส.ร. ชี้เป็นทางสายกลาง เชื่อช่วยลดบรรยากาศความขัดแย้ง


การประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 6 ญัตติ ตลอดช่วงบ่ายเป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนใหญ่ อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สนับสนุนและชี้ ไม่เห็นถึงความจำเป็นของการแก้ไขวันนัดธรรมนูญด้วยการเปิดทางให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

พลอากาศตรีเฉลิมชัย เครืองาม ส.ว. อภิปรายร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า อุปสรรคของการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือมีคำถามว่าจะต้องไปทำประชามติสอบถามประชาชนก่อนที่จะลงมติวาระหนึ่งหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวไม่ขัดข้องในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และไม่ได้อยู่ใต้อาณัติใคร แต่ถ้ารู้สึกขัดข้องหมองใจก็ยินดีลาออกจากการเป็นสมาชิกวุฒิสภาถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่เห็นว่าหลักการที่ถูกต้องควรกลับไปถามประชาชนก่อนว่าจะร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ ดังนั้นควรทำมติในเรื่องนี้ 2 ครั้ง โดยหลังจากยกร่างรัฐธรรมนูญแล้วจึงต้องถามประชาชนอีกเหมือนกันว่าประชาชนชอบพึงพอใจกับเนื้อหาของรัฐธรรมนูญที่ร่างใหม่หรือไม่ ความเห็นส่วนตัวตนเห็นว่าควรทำมติ 2 ครั้ง แล้วในที่สุดควรยุบสภาเพื่อเลือกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เมื่อไหร่ เพราะต้องมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญอีกดังนั้นควรปรึกษาหรือว่าจะเดินเรื่องนี้อย่างไร เพราะถ้าดูไทม์ไลน์หรือเงื่อนเวลาแล้วต้องใช้เวลาอีกนาน


ด้านนายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. อภิปรายว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งองค์การอนามัยโลกชื่นชมว่าไทยสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่เหตุใดถึงมีการพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงที่รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาโควิด-19 จึงไม่แน่ใจว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากการแก้รัฐธรรมนูญในช่วงนี้ และทำให้บาปกรรมมาตกอยู่ที่ ส.ว. หากตนอยากปิดสวิตช์ ส.ส.บ้างจะทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ ตนเองเกิดมาอายุ 74 ปี เห็นการทำรัฐประหารมาแล้วหลายครั้ง ต้องบอกว่าทหารก็รักประชาธิปไตยเหมือนกัน และสาเหตุที่ต้องมีการรัฐประหารส่วนหนึ่งก็มาจากความขัดแย้ง ซึ่งที่ต้องพูดเชื่อมโยงแบบนี้ เพราะอยากรู้ว่าหากแก้รัฐธรรมนูญแล้วประเทศชาติได้ประโยชน์อะไร ที่สำคัญส่วนหนึ่งเห็นว่าการแก้รัฐธรรมนูญมาจากกลุ่มที่ชุมนุมในวันที่ 19-20 ก.ย. จะเรียกนักเรียนนักศึกษาอะไรก็ตาม แต่ความจริงปรากฏว่าไม่ได้เรียกร้องอะไรเพื่อประชาชน นอกจากการมุ่งโจมตีสถาบันที่คนไทยเคารพนับถือ และสมาชิกบางพรรคเห็นดี เห็นงามไปด้วย จึงไม่ทราบว่าสมาชิกในพรรคเดียวกันยอมได้อย่างไร

นายจเด็จ ยืนยันรัฐธรรมนูญแก้ได้ แต่ที่ต้องกำหนดให้แก้ยาก เพราะไม่เช่นนั้นก็จะมีการขอแก้ไขกันอยู่เรื่อยๆ ทุก 2 ปี 3 ปี อีกทั้งในการตั้ง ส.ส.ร.จะต้องทำประชามติ 2 ครั้ง ใช้งบประมาณ 17,000-20,000 ล้านบาท ในยามนี้คงไม่มีใครกล้าพูดว่า เงินจำนวนนี้เพื่อประชาธิปไตยไม่ต้องเสียดาย เพราะงบประมาณนี้มาจากภาษีจากประชาชนทุกคนเช่นเดียวกัน ซึ่งหากการแก้ไขแล้วทำให้สถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น ประเทศชาติมั่นคงตนก็เห็นด้วย แต่หากเป็นเหตุผลอื่นที่เป็นวาระซ่อนเร้น คงไม่สามารถยอมรับการแก้ไขได้

ด้านนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มีการพูดถึงมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีการตั้งรัฐบาลใหม่ใหม่ไม่ใช่พึ่ง เกิดขึ้นมาในช่วงที่บ้านเมืองตกอยู่ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 หรือช่วงเหตุการณ์ 2-3 วันนี้


อีกทั้งยังมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ซึ่งผลจากที่คณะอนุกรรมาธิการฯ ลงไปรับฟังความคิดเห็น ก็พบว่าทุกกลุ่มต่างเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลายประเด็น หลายมาตรา อาจจะยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 แต่ถ้าจะให้สภาเป็นผู้ดำเนินการแก้ไขก็คงต้องใช้เวลา จึงเป็นที่มาของข้อเสนอว่าควรจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับการมี ส.ส.ร. เพราะการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 ที่ร่างโดย ส.ส.ร.ก็เป็นที่ได้รับการชื่นชมว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่มีประชาธิปไตย ส่วนจะต้องจัดทำประชามติหรือไม่ เห็นว่าหากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญได้รับความเห็นชอบในชั้นรับหลักการ และเมื่อผ่านวาระที่ 3 แล้วก็มีความจำเป็นในการจัดทำประชามติ

นายบัญญัติ ยังกล่าวถึงการตั้งข้อสังเกตของสมาชิกรัฐสภาว่า งบประมาณที่ต้องใช้จ่ายในการทำประชามติถึง 2 ครั้ง กว่า 10,000 ล้านบาท อยากให้มองถึงความสำคัญ แน่นอนว่างบประมาณแผ่นดินในเวลานี้จำเป็นต้องคำนึงถึงการใช้จ่าย และต้องสำรองไว้เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่ถ้าคิดถึงความสำคัญของรัฐธรรมนูญในฐานะที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ เป็นกฎหมายที่กำหนดโครงสร้าง กำหนดความสำคัญ กำหนดบทบาทอำนาจหน้าที่ของสถาบันและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญทั้ง เศรษฐกิจการเมือง สังคม เป็นกฎหมายสูงสุดที่รับรองสิทธิเสรีภาพและสิทธิประโยชน์ของประชาชน เป็นแม่บทในการกำหนดหลักการในการอำนวยความยุติธรรม ความเที่ยงธรรมให้กับประชาชนในทุกด้าน เมื่อรัฐธรรมนูญมีความสำคัญเช่นนี้ การจะนำงบประมาณบางส่วนมาใช้ในการจัดทำประชามติก็เป็นเรื่องที่ควรแก่การกระทำเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ ส่วนตัวมีความมั่นใจว่าหลายคนเปิดกว้างทางการเมืองพอสมควร และคนที่สนใจติดตามการเมืองมาตลอดคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเสียงเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องทำอย่างยิ่ง และต้องยอมรับว่าข้อกฎหมายหลายข้อบกพร่องในการบังคับใช้ จะปล่อยให้ข้อบกพร่องนี้ยังคงอยู่หรือไม่ และก่อให้เกิดความขัดแย้งความเสียหายในประเทศจึงไม่ควรเพิกเฉย ย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการมี ส.ส.ร. ถือเป็นทางสายกลางที่หลายฝ่ายน่าจะยอมรับกันได้ ทั้งคนที่อยากให้แก้หลายมาตรา ก็จะใช้เวทีนี้ ในส่วนของ ส.ว.หรือรัฐบาลก็ถือว่ามีเวลาตั้งหลักมาพอสมควรในการที่จะช่วยกันปรับปรุงรัฐธรรมนูญเพื่อทำให้รัฐธรรมนูญเป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศถือเป็นประเด็นใหญ่ที่สุด และประเด็นที่สำคัญที่สุดคือการดึงหลายฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้เกิดความปรองดองและเห็นภาพความร่วมมือที่จะช่วยลดความคลี่คลายความขัดแย้งที่มีอยู่ให้ลดน้อยถอยลง อีกทั้งยังได้รัฐธรรมนูญที่มีหลักเกณฑ์ และคู่ควรกับการเป็นกฎหมายประเทศ จึงหวังว่าการแก้ไขประธรรมนูญด้วยการเปิดทางให้ใหม่ ส.ส.ร. จะได้รับการสนับสนุน

ด้านนายวงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี อภิปรายตอกย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และยังไม่เห็นความจำเป็นที่จะแก้ไข ทั้งที่ใช้มาได้เพียงปีกว่า และประชาชนก็ไม่ได้เดือดร้อนจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ปิดช่องโหว่รัฐธรรมนูญ 2540 และ 2550 ไม่ให้เกิดเผด็จการรัฐสภา จนมาถึงวันนี้ เป็นรัฐธรรมนูญปราบโกง

ส่วนที่ ส.ว.ชุดนี้โหวตเลือกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเขามีเสียงของ ส.ส.เกินกึ่งหนึ่ง จึงขออย่าดูถูกสมองของ ส.ว. เพราะคิดวิเคราะห์แยกแยะเป็น และ ส.ว.เลือกเพราะพลเอกประยุทธ์ มีคะแนนนิยมสูงสุด ไม่ต้องเป็น ส.ว. เป็นชาวบ้าน เขาก็รู้ว่าจะเลือกใคร วุฒิภาวะมันได้หรอ และคิดว่าที่มาของ ส.ว.และ ส.ส.ควรจะต่างกัน เพราะทำหน้าที่คนละอย่างกัน เพราะหากมาจากที่เดียวกัน มันจะเป็นอย่างไร สมาชิกวุฒิสภามาทำหน้าทั้ตามบทเฉพาะกาลที่เขียนไว้ชัดเจนว่า เข้ามาปฏิรูปประเทศ มากลั่นกรองกฎหมาย จึงต้องมีคุณวุฒิลึกซึ้งทุกด้าน

นอกจากนี้ยังกล่าวการแสดงออกของกลุ่มผู้ชุมนุมว่า อยากให้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยให้ถ่องแท้ ไม่ใช่เรียนแค่สองหน้ากระดาษ

“ขอให้บ้านเมืองเดินไปอย่างราบรื่นบ้างได้ไหม ลงถนนกันตะพึดจะพือ ทุกปีเลย ยังไม่ทันจะทำอะไร ก็ลงถนนกันอีกแล้ว มันมีคนอยู่เบื้องหลังครับ ขอเท็จจริงเป็นแบบนั้น ประชาชนไม่เห็นเดือดร้อนอะไร เพราะฉะนั้น กลับมาตั้งหลักกันใหม่ กลับมาพิจารณากันใหม่ว่าวันนี้เรื่องมันด่วนจริงหรือไม่ ถ้าด่วนจริง เข้ามาตั้งแต่ 3 เดือนแล้วก็ยื่นเลย นี่มันปีกว่าแล้ว” นายวงศ์สยาม กล่าว

ขณะที่นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรครวมพลังประชาชาติไทย อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยยกถึงเหตุการณ์เผด็จการรัฐสภาในอดีตที่ใช้เสียงข้างมาก เช่น การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 190 ทำสนธิสัญญาโดยไม่ต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา, การแก้ไขที่มา ส.ว.ให้ตกอยู่ในอิทธิพลของฝ่ายการเมือง กรณีเหล่านี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ และที่สำคัญคือการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จนเกิดเหตุที่ กปปส. ต้องออกมาประท้วง ซึ่งเผด็จการรัฐสภานั้น เป็นผลพวงจากระบบการเลือกตั้งที่ไม่เหมาะสม จึงมีการปรับระบบการเลือกตั้งที่ได้ผลดี หากแก้ไขกลับไปใช้แบบเดิม เผด็จการรัฐสภาจะกลับมาอีก

นายสุพล กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังบัญญัติไม่ให้ผู้มีประวัติเสียหายลงสมัครรับเลือกตั้ง, ไม่ให้ ส.ส. หรือ ส.ว.แปรญัตติงบประมาณแผ่นดินมาใช้, ห้ามก้าวก่ายแทรกแซงเลื่อนยศข้าราชการ ป้องกันให้รัฐมนตรีทำความเสียหาย โดยกำหนดคุณสมบัติซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นที่ประจักษ์ และเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง หากมีการแก้ไขใหม่ ไม่แน่ใจว่าจะเขียนป้องกันได้แข็งแกร่งเหมือนเดิมหรือไม่ รวมถึงยังเป็นรัฐธรรมนูญที่มีการบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศไว้ ดังนั้นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศ เสียโอกาสการพัฒนา โดยเฉพาะที่กำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หากมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะทำให้การปฏิรูปประเทศชะงัก อย่างเสียเวลาวุ่นวายกับรัฐธรรมนูญที่กินไม่ได้

จากนั้นเป็นการอภิปรายของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายพาดพิงถึงการทำหน้าที่ของวุฒิสภา (ส.ว.) ที่เหมือนจับเอาคนพิการมือด้วน 250 คนมาไว้รวมกัน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็น ผู้ควบคุม ทำให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา ลุกขึ้นประท้วงทันทีพร้อมยืนยันว่า ส.ว. เข้ามาตามรัฐธรรมนูญ แต่บางครั้งก็มีนักการเมืองบางคนที่แอบอยู่ใต้กระโปรงนักเรียน ทำให้นายชวน หลีกภัย ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมต้องปิดไมค์ และกล่าวเตือนสมาชิกว่าในสภาผู้แทนราษฎรไม่ควรกล่าวถึงสถาบัน และขอให้ทั้งสองฝ่ายถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากเกรงว่าอาจทำให้เกิดการประท้วงยืดเยื้อบานปลายเสียเวลาในการอภิปราย แต่สถานการณ์ก็ยังไม่จบเนื่องจาก ส.ส. พรรคก้าวไกล หลายคนได้ลุกขึ้นประท้วง ขอให้นายกิตติศักดิ์ถอนคำพูดที่ไม่เหมาะสม โดยนายกิตติศักดิ์ ได้ยอมถอนคำพูด เหตุการณ์จึงจบลง. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบเจ้าบ่าวลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด

ปราจีนบุรี 17 พ.ค. – ตำรวจสกัดจับพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก กระสุนปืน 10 นัด รถกระบะ 1 คัน นาทีเจ้าหน้าที่สกัดจับนายธนธรรม หรือ เม่น เจ้าบ่าวซึ่งเพิ่งผ่านพิธีแต่งงานไปไม่นาน และเป็นหนึ่งในแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ โดยจับกุมได้บริเวณถนนบ้านหนองหอย อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด, อาวุธปืนขนาด 9 มม. 1 กระบอก, กระสุนปืน 10 นัด และรถกระบะ 1 คัน ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยขบวนการนี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากริมแม่น้ำโขง จ.อำนาจเจริญ มาซุกซ่อนไว้ที่บ้านในปราจีนบุรี เพื่อเตรียมกระจายไปยังพื้นที่ปทุมธานี เจ้าหน้าที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวจนพบว่าจะมีการเดินทางไปยัง จ.อุบลราชธานี เพื่อรับยาเสพติด กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหารู้ตัวว่าถูกสะกดรอย จึงเร่งความเร็วรถหลบหนี ก่อนพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่ และถูกสกัดจับไว้ได้ ขณะที่รถยนต์ 2 […]

ไรเดอร์ชกเบ้าตาแตก ฉุนเมาปักหมุดมั่วแถมลวนลาม

พัทยา 17 พ.ค.- ไรเดอร์ฉุน ชกนักท่องเที่ยวชาวอินเดียจนเบ้าตาแตก พยานบอกผู้ก่อเหตุฉุนปักหมุดผิดทำขี่วนหลายรอบ แถมถูกลวนลามจึงทนไม่ไหว นักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อายุประมาณ 35-40 ปี นอนบาดเจ็บ คิ้วซ้ายและเบ้าตาซ้ายแตกเลือดอาบหน้าอยู่ในอาการมึนเมา เหตุการณ์เกิดขึ้นช่วงประมาณตี 1 วันนี้ ในซอยเทพประสิทธิ์ 17 เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่วนผู้ก่อเหตุหลบหนีไปก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง แต่พลเมืองดีบันทึกภาพไว้ได้ จึงมอบให้ตำรวจเป็นหลักฐาน สอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดฯ แห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่าผู้ก่อเหตุเป็นไรเดอร์ส่งผู้โดยสาร และเล่าให้ตนฟังว่านักท่องเที่ยวคนนี้มึนเมาอย่างหนัก แถมปักหมุดสถานที่ส่งผิดที่ ผู้ก่อเหตุก็พยายามวนหาอยู่หลายครั้ง เท่านั้นยังไม่พอ ผู้บาดเจ็บได้ลวนลามผู้ก่อเหตุ จนผู้ก่อเหตุโมโหและจอดรถชกหน้าทันที ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บจะเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองพัทยา หลังรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำค้นวัดไร่ขิง 3 จุด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด

นครปฐม 16 พ.ค.-“บิ๊กเต่า” นำกำลังตำรวจกองปราบบุกค้นวัดไร่ขิง 3 จุด หาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เอี่ยวคดียักยอกเงินวัด 300 ล้าน พร้อมนำหมายค้นบ้านประชาชน 1 จุด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วัด เผยอดีตเจ้าคุณแย้มสารภาพไม่หมด เวลา 07.00 น. พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ หรือ ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. ตรวจค้นภายในวัดไร่ขิงพระอารามหลวง มีทั้งหมด 3 จุด และบริเวณโดยรอบอีก 1 จุด ซึ่งจุดแรกในวัดไร่ขิงคือกุฏิของพระธรรมวชิรานุวัตร หรือเจ้าคุณแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงและเจ้าคณะภาค 14 โดยมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเป็นผู้ที่นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในกุฎิ พร้อมสังเกตการณ์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการถึงบริเวณหน้ากุฎิเจ้าอาวาส ได้ให้ตำรวจอ่านหมายค้น เพื่อเข้าตรวจสอบและยึดสิ่งของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการกระทำความผิด ทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำไปใช้ประกอบหลักฐานการสอบสวนไต่สวนมูลฟ้องในการพิจารณาความผิด ขณะที่พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากการอ่านหมายค้น ว่า วันนี้เป็นการตรวจค้นเกี่ยวกับเส้นเงินที่ไหลไปตามบัญชีต่างๆ มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องมีการเรียกสอบรายบุคคลพร้อมกับการตรวจค้น โดยหลักๆ ส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเส้นเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมุ่งเน้นไปยังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ […]

2 ผู้ต้องหามอบตัว คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์ม

ตรัง 16 พ.ค. – หัวหน้าแก๊ง พร้อมลูกน้องอีก 1 คน ก่อเหตุเผานั่งยาง 3 ศพในสวนปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง ติดต่อขอมอบตัว หวั่นถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ระดมกำลังไล่ล่า เช้านี้ ตำรวจ สภ.โคกนา เจ้าของพื้นที่คดีเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ได้รับการประสานจากอดีตสมาชิกสภาจังหวัด ในพื้นที่อำเภอสิเกาว่า จะนำตัว 2 ผู้ต้องหาเข้ามอบตัว คือ นายศุภกรณ์ หรือบิน อายุ 37 ปี ชาวตำบลกะลาเส อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง และนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี ชาวหมู่ 7 ตำบลน้ำผุด อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เนื่องจากผู้ต้องหาทั้งสองคน กังวลเรื่องความปลอดภัย หากหลบหนีต่อไป เกรงถูกวิสามัญฆาตกรรม หลังเจ้าหน้าที่และชาวบ้าน ระดมปิดล้อมบ้านเขาหลัก […]

ข่าวแนะนำ

อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น

กรมราชทัณฑ์ 18 พ.ค. – อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นอนคุกคืนแรกเครียด ไม่กินมื้อเย็น ส่วน “เปรมชัย” กักโรคอยู่แดนพยาบาลเรือนจำ ภายหลังวานนี้ (17 พ.ค.) พนักงานสอบสวนนำตัว 3 ผู้ต้องหา คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง ได้แก่ นายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรือ อดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง นายเอกพจน์ ภูฆัง หรือ อดีตพระมหาเอกพจน์ ภูฆัง พระลูกวัดคนสนิทของอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง และ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ โบรกเกอร์เว็บพนันออนไลน์ ฝากขังศาลครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน และส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ออกหมายขังระหว่างสอบสวน ให้ขัง น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ ที่ทัณฑสถานหญิงกลางโดยได้ดำเนินการรับตัวและนำตัวกักโรคโควิด-19 ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อในแดนระหว่างพิจารณาคดี เบื้องต้นตรวจสุขภาพร่างกายปกติ […]

ฝนตกหนักบนดอยสุเทพ น้ำหลากท่วมชุมชนเขตเทศบาลเชียงใหม่

เชียงใหม่ 18 พ.ค.-ฝนตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ นานนับชั่วโมง ทำให้น้ำป่าไหลหลากลงมาตามลำห้วย และเอ่อล้นท่อระบายน้ำ ท่วมขังชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนกาดก้อม ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังกังวล กลัวจะเหมือนปีที่ผ่านมา ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ทำให้รถเล็ก ที่จะผ่านเส้นทางบริเวณดังกล่าว ผ่านลำบาก รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ดับหลายคัน ระดับน้ำสูง 30 เซนติเมตร ขณะที่ชาวบ้านขอความร่วมมือผู้ที่ขับรถยนต์ผ่านเส้นทางเข้าในชุมชน ขอให้ชะลอความเร็ว เนื่องจากเกิดคลื่นน้ำ ทะลักเข้าไปในบ้าน ทรัพย์สินจะเสียหาย หากเป็นไปได้ ให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ไปใช้เส้นทางอื่นแทน ขณะนี้ระดับน้ำยังคงสูงขึ้น เนื่องจากฝนยังไม่หยุดตก ทำให้การสัญจรบางเส้นทางลำบาก นอกจากนั้นยังมีน้ำท่วมขังถนนอีกหลายสาย รอการระบาย ทำให้มีประชาชนติดค้างตามร้านค้าร้านอาหารข้างทางเพื่อหลบฝน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาและเร่งระบายน้ำ หลังจากนั้นประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระดับน้ำน่าจะลดลง ล่าสุดเช้าวันนี้ ระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว บางจุดยังมีน้ำขังบนถนนเล็กน้อย ถนนตามชุมชนมีแต่ขยะและถุงขยะลอยมากับน้ำท่วม ทำให้รถขยะของเทศบาลนครเชียงใหม่ เร่งเก็บเศษขยะและถุงขยะ อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำท่วม กลัวจะเหมือนปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้รับเหมาดูดตะกอนดินทรายในแม่น้ำปิง ได้นำเรือดูดทรายลำแรกจากจังหวัดอ่างทอง มาถึง ลงในน้ำปิง ตรงข้ามกับสำนักงานแขวงนครพิงค์ ย่านวังสิงห์คำ ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

ตำรวจเร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารวัดไร่ขิง กว่า 20 บัญชี

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจเร่งตรวจสอบบัญชีธนาคารวัดไร่ขิง กว่า 20 บัญชี หาความเชื่อมโยงการยักยอกเงินของอดีตเจ้าอาวาส เบื้องต้นพบมีอีก 7 บัญชี ที่ใช้กล่าวหาการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบและสอบปากคำพยาน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คดียักยอกเงินวัดไร่ขิง วันนี้ (18 พ.ค.68) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ข้อมูลว่า ทางพนักงานสอบสวนยังคงเดินหน้ารวบรวมพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน สอบปากคำพยานและผู้ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัดไร่ขิง จำนวนหลายบัญชีทยอยเข้ามาสอบปากคำ โดยตั้งศูนย์ปฏิบัติงานที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จากข้อมูลการสอบสวนปัจจุบัน พบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินระหว่างนายแย้ม กับ นางสาวอรัญญาวรรณหลายช่องทาง ช่วงปี 2563 ถึง ปี 2567 รวมเป็นเงินกว่า 300 ล้านบาท -แยกออกเป็นบัญชีส่วนตัวของอดีตพระแย้ม โอนเงินให้นางสาวอรัญญาวรรณในช่วงปี 2566 รวมกัน 80 ล้านบาท-ใช้บัญชีของอดีตพระเอกพจน์ หรือนายเอกพจน์ โอนเงิน และตระเวณนำเงินสดไปฝากตู้ธนาคารต่าง ๆ ให้นางสาวอรัญญาวรรณ หลายรายการรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท-และพบว่ามีชื่อบัญชีบุคคลอีก 1 บัญชี โอนเงินให้ นางสาวอรัญญาวรรณ […]