ตรึงเข้มรอบทำเนียบฯ เตรียมรับมือมวลชนชุมนุมวันนี้

กทม. 19 ก.ย. – ตำรวจปรับแผนรับมือชุมนุมในวันนี้ ประเดิมใช้แผน “ชุมนุม 63 ” แทน “กรกฎ 52” เป็นครั้งแรก ส่วนทำเนียบรัฐบาล และกองบัญชาการกองทัพบก เพิ่มระดับรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เตรียมพร้อมรับสถานการณ์


เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสถานีดับเพลิงและกู้ภัยพญาไท นำรถดับเพลิง 2 คัน และรถดับเพลิงสามเสน 2 คัน จากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. มาจอดในทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมรับมือการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ และการชุมนุมในวันนี้ ส่วนหน่วยงานความมั่นคงใช้พื้นที่ ร.1 รอ. เป็นสถานที่ใช้ประเมินสถานการณ์ พร้อมสั่งจับตาแกนนำ รวมถึงกลุ่มมือที่ 3 ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ รวมถึงประเมินจำนวนผู้ชุมนุมที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์รถยนต์ที่จอดในทำเนียบฯ ให้ออกไปทุกคัน เพื่อป้องกันความเสียหาย

ส่วนการดูแลความปลอดภัยรอบกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านของการเคลื่อนขบวน และล่อแหลมต่อการบุกรุก โดยได้เตรียมรถประชาสัมพันธ์ติดโทรโข่ง และกำลังทหารส่วนหนึ่ง ในการปฏิบัติการจิตวิทยา หากกลุ่มผู้ชุมนุมจะพยายามใช้พลังมวลชนบุกเข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่จะใช้โทรโข่งชี้แจงให้เกิดความเข้าใจ โดยปฏิบัติการนี้จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม ส่วนบริเวณประตูด้านหน้าและด้านหลังกองบัญชาการได้ติดตั้งเครื่องกีดขวางป้องกันรถบุกเข้ามา พร้อมติดตั้งลวดหนามหีบเพลงรอบพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้เป็นต้นไป


ด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติระดมกำลังตำรวจเกือบ 10,000 นาย เข้าพื้นที่เพื่อดูแลความปลอดภัย โดยแบ่งเป็น 14 จุด จุดหลักๆ ที่มีการชุมนุม รวมถึงเส้นทางที่จะเคลื่อนขบวน ได้ระดมกำลังมากเป็นพิเศษ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 3 กองร้อย พระบรมมหาราชวัง 4 กองร้อย อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 3 กองร้อย แยก จปร. 3 กองร้อย และแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ 3 กองร้อย ส่วนพื้นที่รอบนอกจุดชุมนุมใช้จุดละ 1 กองร้อย

ขณะที่รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า การรับมือการชุมนุมในวันนี้มีการปรับเปลี่ยนแผน จากเดิมจะใช้ “แผนกรกฎ 52” เปลี่ยนมาใช้ “แผนชุมนุม 63” แทน และแผนชุมนุม 63 นี้นับเป็นแผนที่จะประเดิมใช้เป็นครั้งแรกในการดูแลผู้ชุมนุมในวันนี้ ทั้งนี้ ให้เหตุผลว่า “แผนกรกฎ 52” ใช้มานานกว่า 10 ปี วันนี้จึงต้องปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และแผนนี้เพิ่งลงนามให้ใช้เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ภาพรวมยังยึดแนวทางหลักจากเบาไปหาหนัก ไม่เน้นใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ แต่เน้นเรื่องการเข้าปฏิบัติหน้าที่ในการดูแล เช่น การขอศาลให้การชุมนุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ขณะที่เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ขณะลงพื้นที่เปิดและปิดการฝึกซ้อมการค้นหาและช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยที่ค่ายพระราม 6 อำเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี ว่าเป็นห่วงกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยใจจริง และย้ำว่าการแถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจไม่ได้เอาสถานการณ์ “โควิด-19” ขึ้นมาข่มขู่ หรือกดดันใคร จึงขอให้เข้าใจในเจตนา.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง