“เชาว์” ชี้ช่องรื้อคดี “พานทองแท้”

กรุงเทพฯ 9 ก.ย.-“เชาว์” ขอบคุณอธิบดีดีเอสไอ รับลูก ชง อสส.พิจารณาดุลพินิจ “เนตร” ไม่อุทธรณ์คดี “พานทองแท้” แนะตั้ง กก.สอบ เหตุ อสส.มีส่วนเกี่ยวข้อง เข้าข่ายผลประโยชน์ขัดกัน ยันอำนาจอุทธรณ์เป็นของ อสส.คนอื่นทำแทนไม่ได้ หวังเปิดช่องรื้อคดี “พานทองแท้” ใหม่ ให้จบที่ศาล ไม่ใช่ในมืออัยการ


นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ Facebook Chao Meekhuad เรื่อง ความจริงเริ่มปรากฎ ขอบคุณอธิบดี DSI ที่รับเรื่องส่งต่อ อสส.พิจารณารื้อคดี “โอ๊ค พานทองแท้” มีเนื้อหาระบุว่า ตามที่ผมได้ยื่นหนังสือถึง พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้ดำเนินการเพิกถอนคำสั่งชี้ขาดความเห็นแย้ง คดีนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือ โอ๊ค บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นจำเลยคดีทุจริตฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้บริษัทในเครือกฤษฎามหานคร โดยขอให้ดีเอสไอในฐานะพนักงานสอบสวนผู้มีส่วนได้เสีย นำประเด็นนี้ไปยื่นต่อศาลปกครอง หรือ ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ เนื่องจากคำสั่งชี้ขาดความเห็นแย้ง ไม่อุทธรณ์คดีของนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ลงนามไปโดยไม่มีอำนาจ เพราะผู้มีอำนาจคืออัยการสูงสุด คนอื่นจะกระทำแทนไม่ได้

ล่าสุดผมได้หนังสือแจ้งผลดำเนินการจากอธิบดีดีเอสไอว่า เรื่องที่ผมร้องไปเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของอัยการ ทางดีเอสไอจึงส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เห็นสมควรต่อไป ถึงแม้จะไม่ตรงกับคำขอตามคำร้อง แต่การส่งเรื่องไปให้อัยการสูงสุดพิจารณา ก็สะท้อนว่าอธิบดีดีเอสไอไม่ได้เพิกเฉยต่อประเด็นนี้


อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การใช้ดุลพินิจของนายเนตร กรณีไม่อุทธรณ์คดีนายพานทองแท้ ซึ่งชัดเจนว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะอำนาจชี้ขาดความเห็นแย้งเป็นของอัยการสูงสุด ซึ่งถือเป็นดุลพินิจเฉพาะตัว เฉพาะตำแหน่งทางกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะ ไม่อาจมอบอำนาจให้ผู้อื่นทำการแทนได้ ตามคำวินิจฉัยอัยการสูงสุดที่ 41/2533 และเทียบเคียงแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 30/2542 นอกจากนี้ยังเทียบเคียงได้กับเรื่องการรับรองอุทธรณ์หรือฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งถ้าจะมอบหมายให้กันได้ ก็จะระบุไว้ชัดเจน ดังนั้นการสั่งคดีชี้ขาดความเห็นแย้งของนายเนตร ถึงแม้จะอ้างว่าได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ก็ไม่สามารถกระทำได้ เพราะขณะสั่งคดีนายเนตร ไม่ใช่อัยการสูงสุด

“อย่างไรก็ตาม ผมยังเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการพิจารณา เพราะถือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ผลประโยชน์ขัดกันจากการปฏิบัติหน้าที่ของนายเนตร เพราะหากนายเนตรกระทำผิด คนมอบอำนาจก็ย่อมมีความผิดตามไปด้วย เรื่องนี้จึงควรเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการอัยการ ซึ่งมีนายอรรถพล ใหญ่สว่าง เป็นประธาน และเป็นผู้ที่รู้ข้อกฎหมายข้อนี้ดี เพราะเป็นผู้นำคำวินิจฉัยอัยการสูงสุดที่ 41/2553 ไปเขียนในตำราเรียนและใช้สอนนักศึกษาเนติบัณฑิต ตั้งกรรมการสอบการใช้ดุลพินิจของนายเนตร เมื่อได้บทสรุปว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องมีมติเพิกถอนคำสั่งของนายเนตร เพื่อให้คดีกลับสู่สถานะเดิม คือให้อัยการสูงสุดเป็นคนสั่งชี้ขาดความเห็นแย้งดังกล่าว แล้วให้อัยการเจ้าของสำนวนยื่นคำร้องต่อศาลแสดงเหตุผลให้ศาลทราบถึงความผิดปกติเพื่อเปิดช่องในการยื่นอุทธรณ์ ตามกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย นำไปสู่การรื้อคดีนายพานทองแท้ เพื่อให้ศาลสถิตยุติธรรมเป็นผู้พิพากษา ไม่ใช่จบในมือของอัยการ ที่ในขณะนี้ความน่าเชื่อถือติดลบในสายตาของประชาชน” นายเชาว์ ระบุ.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พปชร.เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา

พปชร. เปิดตัวทัพใหญ่ ว่าที่ผู้สมัครภาคอีสาน ลั่นพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งทุกเวลา เผยเลือดไหลเข้าพรรคพร้อมรับใช้ประชาชนอีกมาก

สาวถูกงูเห่ากัดใช้เบตาดีนทา สุดท้ายถูกหามเข้า ICU

อุทาหรณ์ สาวโพสต์โดนงูเห่ากัดตอนตี 5 ล้างแผล ทาเบตาดีนสู้พิษงู ลุกไปเข้าเวรเช้าต่อ ก่อนภาพตัด ถูกหามเข้าไอซียู

ตร.ไซเบอร์บุกค้น 9 จุด รวบรอบ 2 “มินนี่” เจ้าแม่เว็บพนัน

ตำรวจ บช.สอท. นำกำลังพร้อมหมายค้น ปูพรม 9 จุด ทั้งในกรุงเทพฯ จังหวัดเลย และจังหวัดใกล้เคียง จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายพนันออนไลน์ “มินนี่” กว่า 30 หมายจับ

เตือนพายุฤดูร้อนไทยตอนบน ฉ.1 มีผล 6-8 มี.ค.นี้

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุฤดูร้อนบริเวณประเทศไทยตอนบน ฉบับที่ 1 มีผลกระทบช่วงวันที่ 6-8 มี.ค.68 เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง

ข่าวแนะนำ

ครู-ผู้ปกครอง ห่วงยกเลิก “ทรงผมนักเรียน” กระทบระเบียบวินัย

ครูและผู้ปกครองใน จ.ขอนแก่น แสดงความกังวล หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งยกเลิกกฎกระทรวง ข้อกำหนด “ผมทรงนักเรียน” ห่วงการปล่อยเสรีอาจกระทบต่อระเบียบวินัยและความเรียบร้อยของนักเรียน ขณะที่นักเรียนจำนวนมากพอใจคำตัดสินดังกล่าว

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุด

อากาศร้อนจัด หนุ่มขับเก๋งย่องขโมยแอร์ครบชุดจากร้านแอร์ กลางเมืองสมุทรสงคราม เชื่อคนร้ายมีความรู้เรื่องแอร์ เพราะเลือกหยิบชุดเดียวกัน

นายกฯ ชูซอฟต์พาวเวอร์ไทย บนเวที “ITB Berlin 2025”

นายกฯ ชู soft power ไทย บนเวทีท่องเที่ยวโลก “ITB Berlin 2025” ผลักดันเมืองน่าเที่ยว 18 จังหวัด มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก ตั้งเป้าสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาท

Trudeau tells Trump that tariffs are 'very dumb,' says Canada striking back

ประเทศคู่ค้าตอบโต้กำแพงภาษีสหรัฐ

ออตตาวา 5 มี.ค.- ประเทศคู่ค้าขนาดใหญ่ของสหรัฐ ทั้งแคนาดา เม็กซิโก และจีน ออกมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ ตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ทั้งนี้หลังจากมาตรการของสหรัฐที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นร้อยละ 25 มีผลตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดาแถลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาว่า เป็นมาตรการที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และแคนาดาได้มีมาตรการโต้กลับด้วยการเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 25 ทันทีกับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 30,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 701,115 ล้านบาท) และจะเก็บในอีก 21 วันกับสินค้าสหรัฐมูลค่า 125,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ราว 2.9 ล้านล้านบาท)   ขณะที่ร้านจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ในแคนาดาต่างพร้อมใจกันเก็บเหล้าและไวน์ที่นำเข้าจากสหรัฐออกจากชั้นวางและยังเชิญชวนให้ผู้บริโภคหันไปซื้อสินค้าที่ผลิตเองในประเทศแทน  ผู้ผลิตคราฟต์เบียร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า จะเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก แทนวัตถุดิบที่เคยนำเข้าจากสหรัฐ  แต่วัตถุดิบจำเป็นบางอย่างต้องนำเข้าจากเยอรมนี ส่วนกระป๋องอลูมิเนียมสำหรับบรรจุเบียร์ที่เคยนำเข้าจากสหรัฐเพราะแคนาดาไม่ได้ผลิตนั้น จะเปลี่ยนไปซื้อจากจีนแทนซึ่งมีราคาถูกกว่า ด้านเม็กซิโก ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามแถลงว่า การขึ้นภาษีของสหรัฐไม่มีความชอบธรรม เพราะที่ผ่านมาเม็กซิโกให้ความร่วมมือกับสหรัฐมาโดยตลอดในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งเรื่องผู้อพยพและยาเสพติด ดังนั้นรัฐบาลเม็กซิโกจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐด้วยมาตรการด้านภาษีและมาตรการอื่น ๆ  โดยจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้อีกครั้งในวันที่ 9 […]