วิชาถกปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

คณะกรรมกฤษฎีกา 3 ก.ย.- “วิชา” ถกปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม คดีบอส นัดแรกระบุต้องปรับปรุงข้อกฎหมายที่ล้าสมัย ให้พ้นจากความเสื่อม คดีบอสครบ 8 ปี ต้องทำความจริงให้กระจ่าง สั่งจับตัวบอสไม่ว่าอยู่ที่ไหน กลับมาดำเนินคดี โต้ข้อครหาว่าตั้งคณะกรรมการแต่ในทางทฤษฎีทำอะไรทางปฏิบัติไม่ได้ บอกขอแค่มีคนเชื่อมั่นแค่ 90% ก็พอแล้ว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญากับนายวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นประธานร่วมประชุมพิจารณาเกี่ยวกับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมนัดแรก หลังจากได้รับการต่ออายุคณะกรรมการฯ อีก 30 วันจากนายกรัฐมนตรี

ก่อนการประชุม นายวิชา ให้สัมภาษณ์ถึงความคาดหวังของสังคม หลังคดีนายวรยุทธ ครบ 8 ปี ว่า เข้าใจว่าจะต้องไปคาดหวังที่ตัวนายกรัฐมนตรี เพราะตนได้เปิดข้อมูลไปแล้วและได้ส่งให้นายกรัฐมนตรีเรียบร้อย บอกทุกข้อ ทั้ง 8 ข้อ ที่นายกรัฐมนตรี จะรับไปทำ ก็ยืนยันหนักแน่นว่าท่านทำแน่นอน ก็คงจะต้องใช้เวลา แต่ก็จะมีสำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งจะเป็นฝ่ายติดตามและส่งต่อ จัดการ และดำเนินการ ตามที่เราได้เสนอแนะไว้ ที่อยู่ในกำกับของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี


เมื่อถามว่าคดีครบรอบ 8 ปีวันนี้ แต่ต้องมาเริ่มต้นคดีใหม่ นายวิชา กล่าวว่า สิ่งที่ผิดพลาดไม่ว่าจะใช้ระยะเวลายาวนานแค่ไหน หรือแม้จะหมดอายุความไปแล้วทั้งหมดเลย ก็ยังยืนยันว่าการทำให้กระจ่างชัด ทำให้คนรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกเป็นเรื่องที่มีความสำคัญที่สุดแล้ว เราต้องกล้าหาญเพียงพอ ที่จะยอมรับสิ่งที่ผิดพลาด ต้องทำให้เห็นว่าอะไรผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก จึงถือเป็นจริยธรรมสูงสุดของมนุษย์แล้ว โดยเฉพาะของบุคคลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม คนที่อยู่ในระบบบริหารราชการแผ่นดิน

นายวิชา กล่าวว่า ภาระของตน จากนี้คือการศึกษา และเสนอแนะเรื่องเกี่ยวกับกระบวนการปฏิรูปที่ทำให้พ้นจากความเสื่อม หรือความไม่แน่นอนตามที่คนไม่เชื่อถือ เราจะต้องอาศัยตัวบทกฏหมาย อะไรที่ล้าสมัยหรือมีข้อควรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงก็จะรีบนำเสนอให้ครบภายใน 30 วัน

นายวิชา ยังกล่าวถึงกระบวนการตั้งเรื่อง เพื่อส่งฟ้องใหม่ ในคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา กับผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการว่า ต้องเริ่มจากชั้นตำรวจ ที่จะเป็นผู้สอบสวนใหม่ โดยการปรึกษาหารือกับคณะกรรมการป.ป.ท. และผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะนายวิษณุ เครืองาม คงจะต้องอาศัยเป็นคณะทำงาน เพราะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งคนเดียวไม่ได้ จึงจะเป็นภาระของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ที่จะต้องเข้ามารับผิดชอบ โดยมีคณะกรรมการ ที่เรียกว่าศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งทาง ป.ป.ท. เป็นกรรมการ อยู่


ส่วนที่ในเอกสารการเปิดเผยข้อสรุปของคณะกรรมการหน้า 3 มีการเปิดเผยตัวละคร ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็ว แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อ และนามสมมตินั้น นายวิชา กล่าวว่า เอกสารทุกอย่างอยู่ในรายงานแล้วที่อยู่ในมือนายกรัฐมนตรีหมดแล้ว ซึ่งมีการระบุชื่อทั้งหมด ส่วนเหตุผลของการไม่เปิดเผยชื่อนั้น นายวิชา กล่าวว่า ไม่ทราบเพราะเป็นสิทธิ์ขาดของนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องไปถามนายกรัฐมนตรีเอง เพราะอาจจะมีอะไรที่จะต้องรอให้แน่ใจก่อน แต่ในรายละเอียดอยู่ในฉบับเต็มบริบูรณ์ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรี ก็บอกชัดเจนว่าจะดำเนินการให้เร็วที่สุดตามที่ได้โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กแล้ว ต่อข้อถามว่ามีข้อครหาว่าคณะกรรมการ เผยผลสอบมาแล้วเหมือนเป็นเพียงแค่ในทางทฤษฎีแต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่สามารถทำได้ นายวิชากล่าวว่า มีคนเชื่อมั่นว่าทำจริง เพียงแค่ 90% ก็พอแล้ว

นายวิชา กล่าวว่า ไม่ว่าผู้ต้องหาอยู่ที่ไหนก็ต้องติดตามมาให้ได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ยืนยัน และตำรวจก็บอกว่าถ้าอัยการรับเรื่องไว้ ก็จะดำเนินการออกหมายจับกับอินเตอร์โพล ส่วนกรอบการประชุมการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม นายวิชา กล่าวว่า วางกรอบดูทุกเรื่อง หากมีผู้เสนอแนะมา หรือคณะกรรมการเห็นสมควร เราก็จะกำหนดประเด็นว่าประเด็นเหล่านั้น เกี่ยวกับองค์กรใด ทั้งตำรวจ และพนักงานสอบสอน หรือพนักงานสอบสวนที่ไม่ใช่เฉพาะตำรวจ ยังมีพนักงานฝ่ายปกครอง อัยการ รวมถึงดีเอสไอ

เมื่อถามว่ากรณีที่ตำรวจ แจ้ง 3 ข้อกล่าวหากับนายวรยุทธใหม่ ถือเป็นการรื้อคดีแล้วหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า รับทราบว่าเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 147 ที่ทางตำรวจดำเนินการ ส่วนกรณีที่ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตอัยการสูงสุด ในฐานะประธานคณะกรรมการอัยการ ระบุว่า มีอัยการที่มีส่วนในคดีนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วนั้น นายวิชา กล่าวว่า ไม่รู้เหมือนกัน ต้องไปตรวจสอบ ทาง ป.ป.ท. ต่อข้อถามว่ากรณีออกระเบียบใหม่ ว่ามีบทลงโทษทางวินัย และสั่งลงโทษทางวินัย รองอัยการสูงสุด ที่มีบทลงโทษร้ายแรง ถึงขั้นขั้นไล่ออก นายวิชา กล่าวว่า ก็ไม่ได้เป็นผลจากคณะกรรมการชุดนี้แต่เป็นผลจากหน่วยงานเอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แทงหนุ่มวิศวะ

จับได้แล้ว! เยาวชน 16 ปีมือแทงหนุ่มวิศวะดับชิงเสื้อช็อป

รวบ 3 โจ๋แทงหนุ่มวิศวะปี 4 ดับสลดขโมยเสื้อช็อป พร้อมยึดของกลางที่ใช้ก่อเหตุ มือแทงสารภาพอ้างอารมณ์ชั่ววูบ อยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย บอกจะบวชให้หลังออกคุก

สธ.มอบฟันเทียม 45,000 ราย เนื่องในวันผู้สูงอายุแห่งชาติ

13 เมษายน วันผู้สูงอายุแห่งชาติ สธ.เปิดโครงการ “รอยยิ้มใหม่ผู้สูงวัย 2568” มอบฟันเทียม 45,000 ราย ส่งเสริมสุขภาพช่องปากของผู้สูงอายุให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

วัยรุ่นรุมแทง นศ.วิศวะดับ ปล้นเสื้อช็อป-มือถือ

ตำรวจไล่เช็กวงจรปิดตามล่าแก๊งโจ๋นับสิบ หลังก่อเหตุสลด! รุมแทงนักศึกษาวิศวะเสียชีวิต ขณะขี่จักรยานยนต์กลับบ้าน ก่อนปล้นเอาเสื้อช็อปและมือถือหลบหนี

ค้นที่พักไฮโซเก๊ พบรูปภาพ-ชุดขาวประดับเครื่องหมายจัดเต็ม

ตำรวจกองปราบปรามขยายผลเพิ่ม ออกหมายจับไฮโซเก๊ อายัดตัวจากเรือนจำตรวจค้นที่พัก พบรูปภาพและชุดขาวประดับเครื่องหมายต่างๆ จัดเต็ม

ข่าวแนะนำ

ปิดทองหลังพระ

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ขอบคุณทุกฝ่าย “ปิดทองหลังพระ” ช่วยพาคนกลับบ้าน

ข้าราชการ-กู้ภัยจิตอาสา ทำงาน 100% ช่วงสงกรานต์ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ขอบคุณทุกฝ่าย “ปิดทองหลังพระ” ช่วยพาคนกลับบ้าน

แผ่นดินไหวกระบี่

แผ่นดินไหวกระบี่ ขนาด 3.5 ลึก 2 กม. รู้สึกสั่นไหว

แผ่นดินไหวกระบี่ ขนาด 3.5 ความลึก 2 กิโลเมตร ประชาชนแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ อ.เหนือคลอง และ อ.เมืองกระบี่ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย

สงกรานต์เชียงใหม่

เชียงใหม่ชุ่มฉ่ำเกือบทุกพื้นที่ สายฝนโปรยปราย

ช่วงบ่ายวันนี้ เชียงใหม่ชุ่มฉ่ำเกือบทุกพื้นที่ จากสายฝนที่โปรยปรายลงมา ทำให้ขบวนแห่ไม้ค้ำสะหลี หรือไม้ค้ำต้นโพธิ์ของวัดสำคัญในเมืองเชียงใหม่ ต้องแห่กันท่ามกลางสายฝน 

สงกรานต์ถนนข้าวสาร

อากาศเป็นใจ! นักท่องเที่ยวปักหลักเล่นน้ำสงกรานต์ถนนข้าวสาร

ตกบ่ายอากาศเป็นใจ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเริ่มปักหลักเล่นน้ำสงกรานต์สองฝั่งถนนข้าวสาร บรรยากาศสุดชุ่มฉ่ำ สนุกสนาน