สำนักงานป.ป.ช. 28 ส.ค.-“สุภา”เผยพบข้อมูลใหม่ คดีเหมืองทองอัคราฯ ติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ หลังได้รับอีเมลเส้นทางพักเงินที่ฮ่องกง-สิงคโปร์ แต่ไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากต่างประเทศ ชี้เรียกค่าเสียหาย 6-7 พันล้าน เป็นทุจริตเชิงนโยบายไม่เป็นธรรมกับประเทศ
น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าป.ป.ช.ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ก.ล.ต.) ส่งข้อมูลและหลักฐานจากก.ล.ต.ออสเตรเลียที่มีเหตุอันควรสงสัยว่านายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกกล่าวหาเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด หรือให้ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อให้กลุ่มบริษัทคิงส์เกตได้ประโยชน์ในการสำรวจและทำเหมืองแร่ในพื้นที่จ.สระบุรี จ.เพชรบูรณ์ จ.พิจิตร และ จ.พิษณุโลก โดยมิชอบ ว่า คดีดังกล่าวมีความซับซ้อนและแยบยล เป็นคดีระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงแยกประเด็นไต่สวนออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีการติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐ และกรณีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
“ในส่วนกรณีการติดสินบนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ขณะนี้มีข้อมูลจากอีเมลพบว่ามีเส้นทางการเงินเข้ามาจริง โดยพักเงินที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ จึงนำเข้ามาไต่สวนในสำนวน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการยืนยันข้อมูลอย่างเป็นทางการ โดยป.ป.ช.สืบหาเส้นทางการเงินดังกล่าวกับบัญชีอีเมล์ปลายทาง ซึ่งเหมือนปลายทางจะรับปากบ้าง ไม่รับปากบ้าง โดยป.ป.ช.จะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขอข้อมูลดังกล่าว แต่ไม่ได้ให้ความร่วมมือ ขณะนี้ป.ป.ช.กำลังพยายามเต็มที่เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่มีชื่อปรากฏในอีเมล์ฉบับนี้ แต่ต้องมีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการจากต่างประเทศก่อน” น.ส.สุภา กล่าว
น.ส.สุภา กล่าวว่า ส่วนกรณีการปฏิบัติหน้าที่ทางอาญาของเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อ 2-3 เดือนก่อน คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ซึ่งป.ป.ช. เคยประสานงานอย่างไม่เป็นทางการกับฝ่ายอัยการแล้วว่าข้อมูลเหล่านี้เพียงพอหรือไม่ ขณะนี้รอข้อมูลเพียงอย่างเดียว เราสู้เต็มที่ การเรียกค่าเสียหาย 6-7 พันล้านบาทกับประเทศ โดยมีการทุจริตเชิงนโยบายนั้น ไม่เป็นธรรม แต่มุมของเราได้ลงโทษทางอาญากับเจ้าหน้าที่รัฐไปแล้วในส่วนนี้ไปแล้ว.-สำนักข่าวไทย