โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ 21 ก.พ.-ประธานป.ป.ช.ระบุการแก้ไขปัญหาทุจริตต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ประกาศพร้อมรับผิดชอบหากอันดับดัชนีภาพลักษณ์คอรัปชั่นตก
พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช. ) ให้สัมภาษณ์กรณีคืนนี้(21 ก.พ. )องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติเตรียมแถลงดัชนีภาพลักษณ์คอรัปชั่น(CPI) ของทุกประเทศทั่วโลก ว่า จะเป็นการตัดสินว่าการทำงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมาจะมีผลอย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนโดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตั้งวอล์รูมติดตาม อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ 9 ฐานข้อมูลและดัชนีต่าง ๆ คาดหวังและเชื่อว่าไทยน่าจะได้คะแนนมากกว่าเดิมหรือมากกว่าร้อยละ 35 หรืออันดับที่ 101 จากจำนวนกว่า 170 ประเทศ แต่หากคะแนนไม่ดีก็ต้องวิเคราะห์กันว่าจะแก้ไขอย่างไร
“จากการวิเคราะห์ผลคะแนนของปีที่ผ่านมา จากแหล่งข้อมูลที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติได้นำมาประเมินผลไทยมี 2 ฐานที่ไทยถูกตัดคะแนนลดลงคือเรื่องความหลากหลายทางประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม โดยคะแนน CPI จะมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักคือ ความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงรัฐบาลด้วย” ประธานปปช.กล่าว
ประธานป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าว ก่อนเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ เรื่อง ยกระดับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริต พร้อม ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ทุกภาคส่วนร่วมใจ ยกระดับคะแนน CPI สูงกว่าร้อยละ 50” ว่า ถือเป็นความท้าทายของป.ป.ช. ที่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายคือเพิ่มคะแนน CPI ให้สูงขึ้น จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชนและประชาชน เพื่อให้เกิดความครอบคลุม ซึ่งคะแนน CPI จะมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นอยู่กับการบังคับใช้กฎหมาย ป.ป.ช.พยายามขับเคลื่อนและเคร่งครัดการทำงานภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่กำหนดกรอบชัดเจน ทั้งนี้ หากคะแนน CPI ตก ป.ป.ช.ต้องรับผิดชอบ
ประธาน ป.ป.ช. กล่าวว่า เชื่อมั่นในศักยภาพสื่อมวลชนและพลังโซเชียลมีเดียที่เข้มแข็งจะช่วยสอดส่อง ป้องกัน ตรวจสอบ และเฝ้าระวังปัญหาทุจริตในสังคมไทย ทั้งนี้ ป.ป.ช.คงรับเรื่องร้องเรียนเดือนละ400-500 เรื่อง หรือปีละประมาณ 6,000 เรื่อง โดยมีเรื่องค้างในกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงและไต่สวนกว่า 13,000 เรื่อง คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปี
“หากสะสางเรื่องค้างเก่าได้หมด ยืนยันว่าการดำเนินการคดีอื่น ๆ ต่อไปจะรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ นอกจากการปราบปรามที่ต้องดำเนินการแล้ว ต้องปลูกฝังและป้องกันเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนให้ประเทศไทยใสสะอาด ปราศจากคอรัปชั่นอย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย
