กระทรวงการต่างประเทศ 25 ก.ค.- “ไทย” สวน “กัมพูชา” กล่าวหาสร้างความเสียหายปราสาทเขาพระวิหาร ยันเป็นไปไม่ได้ บอกห่างตั้ง 2 กม. เตรียมทำหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการ “นิกรเดช” กร้าว! เราถูกโจมตีก่อน “เขมร” ละเมิดศีลธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ เชื่อทำหนังสือด่วน เหตุต้องการฟ้อง UNSC เย้ย เป็นความจริงหรือไม่ต้องติดตาม แต่ของไทยเป็นของจริง
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงพัฒนาการสถานการณ์ไทย – กัมพูชา โดยระบุว่า ตั้งแต่เกิดการเปิดฉากโจมตีของกัมพูชาตั้งแต่เมื่อวาน 24 ก.ค. การปะทะยังเกิดต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน ซึ่งสถานการณ์ในพื้นที่อย่างทรงตัว กองทัพเราเริ่มเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ตกค้างโดยเฉพาะในพื้นที่ที่สำคัญ เช่น ที่ปั๊มน้ำมันในอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของประชาชน และเพื่อรักษาความปลอดภัยของพื้นที่ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาตลอด
เมื่อวานนี้ (24 ก.ค. 68) กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาและขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากการปะทะ ที่เริ่มโดยฝ่ายกัมพูชา ชีวิตทหารไทยและพลเรือนที่บริสุทธิ์ที่เสียชีวิตลง รวมถึงทรัพย์สินของประชาชนที่ได้รับความเสียหาย เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นและไม่อาจยอมรับได้
ตนขอย้ำอีกครั้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน กฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรแห่งสหประชาชาติ อีกทั้งเป็นการละเมิดศีลธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ควรจะได้รับ
นายนิกรเดช ระบุว่า จากรายงานล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขไทย มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้แล้ว 14 ราย เป็นพลเรือน 13 ราย ทหาร 1 ราย ในจำนวนนี้ มีเด็กอายุเพียง 8 ขวบและ 15 ปีรวมอยู่ด้วย ส่วนผู้บาดเจ็บมี 45 ราย โดยเหตุปะทะยังเกิดขึ้นกระจายในจังหวัดชายแดนศรีสะเกษ , สุรินทร์ , บุรีบุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ในที่ปลอดภัย และขอให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกฝ่ายกำลังทำงานอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ เพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพพร้อมดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนอย่างที่สุด
สำหรับการชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ ว่าการดำเนินมาตรการทางการทูตต่อสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย กัมพูชา ความคืบหน้าในวันนี้กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือประท้วงไปยังฝ่ายกัมพูชาแล้ว รวมถึงการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และได้มีหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติด้วย
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้เข้าพบเอกอัครราชทูตปากีสถาน ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ประจำเดือน ก.ค. 2568 เพื่อยื่นหนังสือชี้แจงเหตุการณ์การใช้กำลังที่เริ่มโดยฝ่ายกัมพูชา รวมถึงการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมถึงขอให้เวียนหนังสือดังกล่าวของไทยเป็นเอกสาร เพื่อให้สมาชิกได้รับรับทราบอย่างเป็นทางการ
โดยในเวลา 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นนิวยอร์ก หรือตีสองของไทย คณะมนตรีความมั่นคงของของสหประชาชาติ จะจัดการประชุมแบบปิด เพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย กัมพูชา ซึ่งการประชุมลักษณะนี้จัดขึ้นเป็นปกติ เมื่อมีการปะทะระหว่าง 2 ประเทศ โดยไม่ใช่การประชุม เพื่อลงมติใดๆ แต่เป็นการหารืออย่างเป็นทางการ โดยมีผู้เข้าร่วมประกอบด้วยสมาชิก UNSC 15 ประเทศ รวมทั้งตัวแทนจากไทยและกัมพูชา ซึ่งผู้แทนไทยจะเข้าร่วมและชี้แจงในครั้งนี้ด้วย คือ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก
ขณะที่นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อยู่ระหว่างเดินทางกลับประเทศไทย โดยหลังจากนี้จะมีการแถลงข่าวเพื่ออัพเดตความคืบหน้าการประชุม
นายนิกรเดช ยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชา ออกแถลงการณ์กล่าวหาว่ากองทัพไทยสร้างความเสียหายให้ตัวปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลก เป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ โดยกฎหมายคุ้มครองแหล่งวัฒนธรรมภายใต้กรอบยูเนสโก้ กระทรวงการต่างประเทศขอชี้แจงว่าการปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาในวันที่ 24 ก.ค. ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน บริเวณห้วยตามาเรีย และภูมะเขือ ซึ่งพื้นที่ห่างจากปราสาทพระวิหาร 2 กิโลเมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดกระทบไปถึงตัวปราสาท โดยหลังจากนี้ฝ่ายไทยจะมีหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการ
ทั้งนี้ ตนขอส่งกำลังใจให้ประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนทุกท่าน และขอให้มั่นใจว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมปกป้องอธิปไตยของประเทศ ปกป้องสวัสดิภาพของประชาชนที่อยู่ตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบอย่างสุดความสามารถ
พร้อมฝากประชาชนว่าความขัดแย้งและการปะทะที่เกิดขึ้น เป็นปัญหาระหว่างรัฐบาลและกองทัพของทั้ง 2 ประเทศ ไม่ใช่ปัญหาระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ จึงขอให้แยก 2 เรื่องนี้ออกจากกัน ไทยและกัมพูชาก็ยังเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ร่วมกันต่อไป
เมื่อถามว่ากัมพูชาพยายามดันเรื่องให้ไปถึง UNSC และศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง นายนิกรเดช กล่าวว่า ในกรณีของ UNSC เราไปตรงนั้น เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงแสดงจุดยืนของประเทศไทย กัมพูชาก็ต้องการที่จะไปเพื่อชี้แจง และฟ้อง UNSC ในเรื่องต่างๆ ซึ่งจะเป็นความจริงหรือไม่เป็นความจริงอย่างไร ก็ต้องติดตาม แต่ตนมั่นใจว่าในส่วนของไทยเป็นความจริง
ส่วนเรื่องศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เกี่ยวข้องกัน หากถามว่าไทยพร้อมที่จะดูแลหรือไม่ เราพร้อมทั้ง 2 เวที
“ใน UNSC เราก็มีสิทธิ์ชี้แจงเท่าๆกับกัมพูชา เรายึดมั่นในข้อเท็จจริง เราเป็นผู้ถูกโจมตีก่อน เราดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตย ดังนั้น ไม่มีอะไรน่ากังวล ส่วนของศาลโลก เราไม่รับอำนาจของศาลโลก แต่เราไม่ได้นิ่งนอนใจ เรามีความพร้อม มีการพูดคุยกับนักกฎหมายระหว่างประเทศ ที่เป็นที่ปรึกษาของเรา และมีการเตรียมตัวโดยกรมสนธิสัญญาอย่างละเอียดถี่ถ้วน และมีความมั่นใจเต็มที่” นายนิกรเดช กล่าว.312 -สำนักข่าวไทย