ทำเนียบ 25 ก.ค.- รัฐบาลส่ง 4 รัฐมนตรีลงพื้นที่ 4 จังหวัด ดูแลประชาชน รับมือสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา พร้อมเตรียมเที่ยวบินรับคนไทยในกัมพูชา จัดชุดดูแลความปลอดภัย 24 ชม.
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเน้นย้ำให้ลงพื้นที่อย่างเร่งด่วน ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน ด้วยการบูรณาการระหว่างหน่วยงานในระดับพื้นที่และส่วนกลาง
รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
นายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับการอำนวยความสะดวกแก่คนไทยในกัมพูชาที่ได้รับผลกระทบและประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ประชุมทางไกลร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้แทนจากสายการบินพาณิชย์สัญชาติไทย 7 สายการบิน ได้แก่ การบินไทย ไทยแอร์เอเชีย ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ บางกอกแอร์เวย์ส ไทยเวียตเจ็ท นกแอร์ และไทยไลอ้อนแอร์ ทุกสายการบินแสดงความพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจัดเที่ยวบินพิเศษในกรณีจำเป็น เพื่อรับคนไทยกลับประเทศอย่างปลอดภัย ซึ่งถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุด โดยคำนึงถึงสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
“คณะรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจะลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมประชาชน รับฟังปัญหา และติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งประสานความช่วยเหลือในทุกมิติ ทั้งด้านความปลอดภัย การดูแลผู้ได้รับผลกระทบ และการฟื้นฟูในระยะต่อไป” นายจิรายุ กล่าว
ทั้งนี้ ขอให้คนไทยในกัมพูชาติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และหากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ โทร. +855 77 888 114 สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองเสียมราฐ โทร. +855 86 608 999 และ Call Center กรมการกงสุล โทร. +66 2572 8442 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง -สำนักข่าวไทย