“​ภูมิธรรม” เผย “อันวาร์” เสนอเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิง ไทยพร้อมรับหลักการ

ก.มหาดไทย 25 ก.ค-“​ภูมิธรรม” เผย “อันวาร์” เสนอเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิง ไทยพร้อมรับหลักการ แต่กัมพูชา ต้องแสดงความชัดเจน ที่ผ่านมายั่วยุ และเริ่มก่อน สื่อทั่วโลกก็ชี้ชัดเขมรเริ่มก่อน ประณาม “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” ต้องรับผิดชอบการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรสงคราม เผยเรียก รมว.กต. กลับไทยมาช่วยแก้ปัญหาชายแดน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าได้มีการพูดคุยกับตน และ ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา


โดยระบุว่า เมื่อวาน นายอันวาร์ ได้โทรศัพท์มาหาตน และได้พูดคุยกันจริงตามที่เป็นข่าว ขณะเดียวกัน นายอันวาร์ก็ได้โพสต์ข้อความและความเห็นต่างๆ ในฐานะประธานอาเซียน โดยพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหา เราจึงได้คุยกันในหลักการ และเห็นว่าควรจะหาทางยุติการปะทะและการเผชิญหน้ากัน ซึ่งโดยหลักการเราไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่การที่จะให้หยุดยิงเมื่อไหร่ ต้องให้มีความชัดเจนจากทางกัมพูชา เพราะไทยได้พยายามทำการเจรจามาตลอดแต่ไม่เกิดผล และ สิ่งที่เกิดขึ้นก็เกิดการยิงเข้ามาในเขตแดนไทย ได้มีการตกลงกันไว้แล้วว่าห้ามนำอาวุธขึ้นไปยังปราสาทตาเมือนธม แต่กัมพูชานำกำลังขึ้นมาพร้อมอาวุธ เพราะฉะนั้นสถานการณ์ตอนนี้ เป็นสถานการณ์ที่เราต้องการความชัดเจน และความจริงใจในการทำ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นคือกันยั่วยุของทหารกัมพูชา ที่ไม่มีวินัยเท่าไร จึงส่งผลให้เกิดผลกระทบมาโดยตลอด รัฐบาลและกองทัพจึงพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหา หากนายอันวาร์เสนอมาก็ต้องไปเคลียร์ให้ชัดเจน จนเรามั่นใจว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดซ้ำซากอีก ถ้าชัดเจนเมื่อไรก็ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้เราให้ทหารเราตรึงกำลังไว้ เนื่องจากนายอันวาร์ได้โทรมาหาตนตอน เมื่อวานนี้ เวลา 18.00 น. แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเรารับไม่ได้ เพราะทางกัมพูชาได้เปิดแนวรบ 4 แนวใหญ่ ในเขตกองทัพภาคที่2 ในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพราะฉะนั้นเจตนาที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากการยิงเข้ามา และสิ่งที่สำคัญที่ต้องประณาม สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะยิงโดยไม่ได้มีเป้าหมายทางทหาร แต่มีเป้าหมายทางพลเรือน จะเห็นได้ว่ามีลูกหนึ่งลงที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ที่ห่างจากตัวถังน้ำมันใหญ่ 40 เมตรเท่านั้น หากขยับมาแล้วโดนบริเวณถังน้ำมันจะเกิดระเบิดรุนแรง ไฟก็จะลุกท่วมในพื้นที่ของพลเรือน ซึ่งตรงนี้ผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง และที่สำคัญโรงพยาบาลพนมดงรักได้ยิงเข้ามากลางโรงพยาบาล ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 20 กว่าคน และมีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายคน

พร้อมย้ำว่าในสิ่งที่เจรจากับการปฏิบัติขณะนี้ขัดแย้งกัน โดยกัมพูชาได้มีการรุกราน แต่ไปประกาศว่าไทยเป็นผู้รุกราน แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ดูข่าวจากสื่อมวลชนต่างประเทศกว่า 70 แห่ง ก็มีการนำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน ยืนยันว่า กัมพูชาเป็นผู้ทำร้ายเราก่อน ซึ่งมีตัวอย่างข่าวอยู่เกือบทุกฉบับ ส่วนข้อมูลของทางฝั่งกัมพูชาก็มีปัญหา เพราะเป็นการพูดฝ่ายเดียว มีเจตจำนงที่จะรุกราน และละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ เนื่องจากมีการรุกรานและทำร้ายเป้าหมายที่เป็นพลเรือน ที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ค่อนข้างมากและชัดเจน


ขณะที่ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้ไปร่วมประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 ที่สหรัฐฯ ได้รายงานความคืบหน้ามาแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขณะนี้อยู่ที่นครนิวยอร์ก ตนจึงได้เรียกกลับมาด่วน เพื่อให้กลับมารับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบกับเลขาธิการองค์การสหประชาชาติแล้ว รวมถึงเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ซึ่งคิดว่าในรายละเอียดต่างๆ ที่ให้ไปมีการอธิบายหลักฐานให้เข้าใจอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ก็ได้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติวาระพิเศษ ซึ่งถือเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย ที่ประชุมจึงได้รับรองสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่มีเหตุยิงปะทะกัน จนกระทั่งยกระดับทางการทูตอย่างรุนแรงที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากัมพูชาจะพูดอะไร ตนยังไม่เคยเห็นท่าทีของกัมพูชาที่รู้สึกว่าได้ก่อกรรมกระทำผิดรู้สึกว่าตัวเองผิดกฎระเบียบต่างๆ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบ

สำหรับการเรียกนายมาริษ กลับมาจะไม่ส่งผลถึงการเจรจากับ UNSC ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายมาริษ ได้พูดคุยโดยตรงอยู่ที่นู่น แต่ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับจากที่ประชุมเมื่อวานนี้ และตอนที่ตนเองคุยกับนายอันวาร์ กระทรวงการต่างประเทศ ก็ร่วมอยู่ด้วย และได้สั่งการแล้วว่าให้ดำเนินการทางการในการยื่นหนังสือซึ่งคิดว่าวันนี้ก็คงจะได้ดำเนินการ


ส่วนแสดงว่าที่สหรัฐอเมริกาให้ทูต UN ของไทยดำเนินการใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า กว่าจะส่งหรือเลื่อนไปนั้นก็ลำบาก ซึ่งก็ยังไม่เห็นเหตุการณ์ แต่นายมาริษ ก็ได้นำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยอย่างเป็นทางการแล้ว

ส่วนแบบนี้เรียกว่าเป็นอาชญากรทางสงครามหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็อยู่ที่ผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง ซึ่งดูแล้วตามมาตราต่างๆ ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระหว่างประเทศก็เข้าข่ายกันสร้างอาชญากรรมระหว่างประเทศ

เมื่อถามว่านายอันวาร์ พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก่อนที่จะโทรมาหาตน ตนจึงแจ้งไปว่าหลักการโอเค แต่วิธีการที่จะจัดการ วันเวลาสถานที่ ต้องรอให้ทางฝั่งกัมพูชาแสดงให้เห็นชัดเจนเพราะไทยยึดหลักสันติวิธีมา และพยายามที่จะขอเจรจามาโดยตลอด แต่กัมพูชาไม่เคยจะสนใจ ไม่เคยเจรจา ปล่อยให้ทางการไทย ยื่นเงื่อนไขไปอย่างเดียว แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ แล้ววันนี้ก็เห็นภาพแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายฮุนเซน นั่งอยู่ โดยใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ซึ่งเป็นแผนที่ละเอียดที่ไทยใช้มาตลอด ทั้งที่กัมพูชาพยายามพูดว่า ให้ยึดตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ดังนั้นสิ่งที่ “ฮุนเซน” พูดมา ตั้งแต่ต้น ตนจึงอยากให้สาธารณะชนดูว่า สิ่งที่ สมเด็จฮุนเซน พูด ได้พูดอะไรที่เป็นความเป็นจริงหรือมีอะไรที่พลิกผันบ้าง เช่นการนำคลิปเสียงไปเปิดแล้วโพสต์ใน Facebook ส่วนตัวของตัวเอง แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นบอกว่ามีการ เอาไปให้คนอื่นและให้คนอื่นไปเผยแพร่ ตนไม่เชื่อถือ ลักษณะผู้นำอย่างไร สมเด็จฮุนเซน เชื่อถือได้หรือ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันฟ้องอยู่แล้วว่า “ถ้าคุณยึดมั่นในหลักการ ต้องยิงเข้าสู่เป้าหมายทางทหาร แต่กลับยิงจรวดที่มีลำกล้อง ติดกล้องจำนวนมากยิงเข้าใส่เลยเป้าหมายทางทหาร รูปธรรมชัดเจนว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลและเซเว่น ซึ่งอยู่ในเขตเมืองและเป็นที่อยู่ของพลเรือน ดังนั้นฮุน จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ความเชื่อถือนั้นไม่มี” พร้อมย้ำว่า จากการติดตามสื่อต่างประเทศกว่า 70 แห่ง ก็ประณาม และได้รายงานว่ากัมพูชาเป็นคนเริ่มก่อน

นายภูมิธรรม​ ยังกล่าวถึงการอนุมัติเงินเยียวยาให้กับผู้ประสบเหตุพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย​ – กัมพูชา​ อย่างไร​ ว่า​ ไม่ติดปัญหาอะไร ซึ่งขณะนี้มีการพิจารณาแล้ว ในพื้นที่สำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการขยายวงเงิน จาก 20 ล้านบาท​ เป็น 50 ล้านบาท​ ส่วนพื้นที่ที่ประสบเหตุรุนแรงจะได้​ 100 ล้านบาท​ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา​ นายพีร​ะ​พันธุ์​ สาลี​รัฐ​วิภาค​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​พลังงานก็เป็นประธานการประชุม​คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณ​ภัย​ สำนักนายก​รัฐมนตรี​ ซึ่งเท่าที่ทราบเบื้องต้นแต่ยังไม่ได้มีมติออกมา​ จะขยายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น​ 1 ล้านบาท​ ส่วนผู้บาดเจ็บจะเยียวยาในเกณฑ์​ที่ลดหลั่นกันไปตามลำดับ​

นาย​ภูมิธรรม​ ยังกล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ นางสาวธีรรัตน์​ สำเร็จวานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย​ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดที่มีการอพยพกว่า 100,000 คน และให้พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ​ เพื่อจะไม่ได้เป็นข้อกล่าวหาว่าเราลงพื้นที่เลือกตั้งซ่อม​ และกลายเป็นการหาเสียง​ พร้อมมอบหมายให้นายสรวงศ์​ เทียนทอง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์​ พร้อมมอบหมายให้นางสาวจิราพร​ สินธุ​ไพร​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์​ เพื่อเยี่ยมและให้กำลีงใจผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต​ พร้อมกับ ได้สั่งงานไปที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้นำรถบรรทุก​น้ำและอาหารพระราชทาน​ เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่ากรณีของงบประมาณท้องถิ่น จะต้องทำการยกเว้น​ เพื่อขอใช้งบฯ ในเหตุการณ์ดังกล่าวได้หรือไม่​ นาภูมิธรรม​กล่าวว่า​ ขณะนี้อยู่ในระหว่างพูดคุยของรัฐบาลและสำนักงบประมาณ​ ซึ่งแม้ว่าเราจะอยากให้งบฯท้องถิ่นโดยตรง​ แม้พิสูจน์​ว่างบฯ มีการกระจุกตัวหลายส่วน​ แต่จากที่คุยกับสำนักงบฯประมาณย้ำว่าหากสามารถแปลงงบประมาณมาได้​ ก็อยากดำเนินการ​ แต่หากไม่สามารถทำได้ก็ต้องมีการพูดคุยกัน และให้สำนักงบประมาณ​ดูแลไปตามความเหมาะสม​ แต่ตนขอดูในรายละเอียด​อีกครั้งก่อน​.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]