“​ภูมิธรรม” เผย “อันวาร์” เสนอเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิง ไทยพร้อมรับหลักการ

ก.มหาดไทย 25 ก.ค-“​ภูมิธรรม” เผย “อันวาร์” เสนอเป็นตัวกลางเจรจาหยุดยิง ไทยพร้อมรับหลักการ แต่กัมพูชา ต้องแสดงความชัดเจน ที่ผ่านมายั่วยุ และเริ่มก่อน สื่อทั่วโลกก็ชี้ชัดเขมรเริ่มก่อน ประณาม “ฮุนเซน-ฮุนมาเนต” ต้องรับผิดชอบการกระทำที่เข้าข่ายอาชญากรสงคราม เผยเรียก รมว.กต. กลับไทยมาช่วยแก้ปัญหาชายแดน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าได้มีการพูดคุยกับตน และ ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา


โดยระบุว่า เมื่อวาน นายอันวาร์ ได้โทรศัพท์มาหาตน และได้พูดคุยกันจริงตามที่เป็นข่าว ขณะเดียวกัน นายอันวาร์ก็ได้โพสต์ข้อความและความเห็นต่างๆ ในฐานะประธานอาเซียน โดยพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการแก้ไขปัญหา เราจึงได้คุยกันในหลักการ และเห็นว่าควรจะหาทางยุติการปะทะและการเผชิญหน้ากัน ซึ่งโดยหลักการเราไม่ได้ขัดข้องอะไร แต่การที่จะให้หยุดยิงเมื่อไหร่ ต้องให้มีความชัดเจนจากทางกัมพูชา เพราะไทยได้พยายามทำการเจรจามาตลอดแต่ไม่เกิดผล และ สิ่งที่เกิดขึ้นก็เกิดการยิงเข้ามาในเขตแดนไทย ได้มีการตกลงกันไว้แล้วว่าห้ามนำอาวุธขึ้นไปยังปราสาทตาเมือนธม แต่กัมพูชานำกำลังขึ้นมาพร้อมอาวุธ เพราะฉะนั้นสถานการณ์ตอนนี้ เป็นสถานการณ์ที่เราต้องการความชัดเจน และความจริงใจในการทำ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่เกิดขึ้นคือกันยั่วยุของทหารกัมพูชา ที่ไม่มีวินัยเท่าไร จึงส่งผลให้เกิดผลกระทบมาโดยตลอด รัฐบาลและกองทัพจึงพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นในการแก้ไขปัญหา หากนายอันวาร์เสนอมาก็ต้องไปเคลียร์ให้ชัดเจน จนเรามั่นใจว่าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นจะไม่เกิดซ้ำซากอีก ถ้าชัดเจนเมื่อไรก็ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้เราให้ทหารเราตรึงกำลังไว้ เนื่องจากนายอันวาร์ได้โทรมาหาตนตอน เมื่อวานนี้ เวลา 18.00 น. แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเรารับไม่ได้ เพราะทางกัมพูชาได้เปิดแนวรบ 4 แนวใหญ่ ในเขตกองทัพภาคที่2 ในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพราะฉะนั้นเจตนาที่เกิดขึ้นเริ่มต้นจากการยิงเข้ามา และสิ่งที่สำคัญที่ต้องประณาม สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาอย่างรุนแรง ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เพราะยิงโดยไม่ได้มีเป้าหมายทางทหาร แต่มีเป้าหมายทางพลเรือน จะเห็นได้ว่ามีลูกหนึ่งลงที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน ที่ห่างจากตัวถังน้ำมันใหญ่ 40 เมตรเท่านั้น หากขยับมาแล้วโดนบริเวณถังน้ำมันจะเกิดระเบิดรุนแรง ไฟก็จะลุกท่วมในพื้นที่ของพลเรือน ซึ่งตรงนี้ผิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง และที่สำคัญโรงพยาบาลพนมดงรักได้ยิงเข้ามากลางโรงพยาบาล ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 20 กว่าคน และมีผู้บาดเจ็บสาหัสหลายคน

พร้อมย้ำว่าในสิ่งที่เจรจากับการปฏิบัติขณะนี้ขัดแย้งกัน โดยกัมพูชาได้มีการรุกราน แต่ไปประกาศว่าไทยเป็นผู้รุกราน แต่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้ดูข่าวจากสื่อมวลชนต่างประเทศกว่า 70 แห่ง ก็มีการนำเสนอข่าวไปในทิศทางเดียวกัน ยืนยันว่า กัมพูชาเป็นผู้ทำร้ายเราก่อน ซึ่งมีตัวอย่างข่าวอยู่เกือบทุกฉบับ ส่วนข้อมูลของทางฝั่งกัมพูชาก็มีปัญหา เพราะเป็นการพูดฝ่ายเดียว มีเจตจำนงที่จะรุกราน และละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ เนื่องจากมีการรุกรานและทำร้ายเป้าหมายที่เป็นพลเรือน ที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ค่อนข้างมากและชัดเจน


ขณะที่ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้ไปร่วมประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี ค.ศ. 2025 ที่สหรัฐฯ ได้รายงานความคืบหน้ามาแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศขณะนี้อยู่ที่นครนิวยอร์ก ตนจึงได้เรียกกลับมาด่วน เพื่อให้กลับมารับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบกับเลขาธิการองค์การสหประชาชาติแล้ว รวมถึงเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ซึ่งคิดว่าในรายละเอียดต่างๆ ที่ให้ไปมีการอธิบายหลักฐานให้เข้าใจอยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ก็ได้มีการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติวาระพิเศษ ซึ่งถือเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีด้วย ที่ประชุมจึงได้รับรองสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่มีเหตุยิงปะทะกัน จนกระทั่งยกระดับทางการทูตอย่างรุนแรงที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่ว่ากัมพูชาจะพูดอะไร ตนยังไม่เคยเห็นท่าทีของกัมพูชาที่รู้สึกว่าได้ก่อกรรมกระทำผิดรู้สึกว่าตัวเองผิดกฎระเบียบต่างๆ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบ

สำหรับการเรียกนายมาริษ กลับมาจะไม่ส่งผลถึงการเจรจากับ UNSC ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายมาริษ ได้พูดคุยโดยตรงอยู่ที่นู่น แต่ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับจากที่ประชุมเมื่อวานนี้ และตอนที่ตนเองคุยกับนายอันวาร์ กระทรวงการต่างประเทศ ก็ร่วมอยู่ด้วย และได้สั่งการแล้วว่าให้ดำเนินการทางการในการยื่นหนังสือซึ่งคิดว่าวันนี้ก็คงจะได้ดำเนินการ


ส่วนแสดงว่าที่สหรัฐอเมริกาให้ทูต UN ของไทยดำเนินการใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า กว่าจะส่งหรือเลื่อนไปนั้นก็ลำบาก ซึ่งก็ยังไม่เห็นเหตุการณ์ แต่นายมาริษ ก็ได้นำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยอย่างเป็นทางการแล้ว

ส่วนแบบนี้เรียกว่าเป็นอาชญากรทางสงครามหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็อยู่ที่ผู้มีอำนาจเกี่ยวข้อง ซึ่งดูแล้วตามมาตราต่างๆ ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระหว่างประเทศก็เข้าข่ายกันสร้างอาชญากรรมระหว่างประเทศ

เมื่อถามว่านายอันวาร์ พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาก่อนที่จะโทรมาหาตน ตนจึงแจ้งไปว่าหลักการโอเค แต่วิธีการที่จะจัดการ วันเวลาสถานที่ ต้องรอให้ทางฝั่งกัมพูชาแสดงให้เห็นชัดเจนเพราะไทยยึดหลักสันติวิธีมา และพยายามที่จะขอเจรจามาโดยตลอด แต่กัมพูชาไม่เคยจะสนใจ ไม่เคยเจรจา ปล่อยให้ทางการไทย ยื่นเงื่อนไขไปอย่างเดียว แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ แล้ววันนี้ก็เห็นภาพแล้วว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนายฮุนเซน นั่งอยู่ โดยใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ซึ่งเป็นแผนที่ละเอียดที่ไทยใช้มาตลอด ทั้งที่กัมพูชาพยายามพูดว่า ให้ยึดตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ดังนั้นสิ่งที่ “ฮุนเซน” พูดมา ตั้งแต่ต้น ตนจึงอยากให้สาธารณะชนดูว่า สิ่งที่ สมเด็จฮุนเซน พูด ได้พูดอะไรที่เป็นความเป็นจริงหรือมีอะไรที่พลิกผันบ้าง เช่นการนำคลิปเสียงไปเปิดแล้วโพสต์ใน Facebook ส่วนตัวของตัวเอง แต่เมื่อเกิดเรื่องขึ้นบอกว่ามีการ เอาไปให้คนอื่นและให้คนอื่นไปเผยแพร่ ตนไม่เชื่อถือ ลักษณะผู้นำอย่างไร สมเด็จฮุนเซน เชื่อถือได้หรือ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันฟ้องอยู่แล้วว่า “ถ้าคุณยึดมั่นในหลักการ ต้องยิงเข้าสู่เป้าหมายทางทหาร แต่กลับยิงจรวดที่มีลำกล้อง ติดกล้องจำนวนมากยิงเข้าใส่เลยเป้าหมายทางทหาร รูปธรรมชัดเจนว่า จากเหตุที่เกิดขึ้นที่โรงพยาบาลและเซเว่น ซึ่งอยู่ในเขตเมืองและเป็นที่อยู่ของพลเรือน ดังนั้นฮุน จะพูดอะไรก็พูดไป แต่ความเชื่อถือนั้นไม่มี” พร้อมย้ำว่า จากการติดตามสื่อต่างประเทศกว่า 70 แห่ง ก็ประณาม และได้รายงานว่ากัมพูชาเป็นคนเริ่มก่อน

นายภูมิธรรม​ ยังกล่าวถึงการอนุมัติเงินเยียวยาให้กับผู้ประสบเหตุพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย​ – กัมพูชา​ อย่างไร​ ว่า​ ไม่ติดปัญหาอะไร ซึ่งขณะนี้มีการพิจารณาแล้ว ในพื้นที่สำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการขยายวงเงิน จาก 20 ล้านบาท​ เป็น 50 ล้านบาท​ ส่วนพื้นที่ที่ประสบเหตุรุนแรงจะได้​ 100 ล้านบาท​ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา​ นายพีร​ะ​พันธุ์​ สาลี​รัฐ​วิภาค​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​พลังงานก็เป็นประธานการประชุม​คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณ​ภัย​ สำนักนายก​รัฐมนตรี​ ซึ่งเท่าที่ทราบเบื้องต้นแต่ยังไม่ได้มีมติออกมา​ จะขยายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น​ 1 ล้านบาท​ ส่วนผู้บาดเจ็บจะเยียวยาในเกณฑ์​ที่ลดหลั่นกันไปตามลำดับ​

นาย​ภูมิธรรม​ ยังกล่าวว่า ตนได้สั่งการให้ นางสาวธีรรัตน์​ สำเร็จวานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย​ ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดที่มีการอพยพกว่า 100,000 คน และให้พันตำรวจเอกทวี​ สอดส่อง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ​ เพื่อจะไม่ได้เป็นข้อกล่าวหาว่าเราลงพื้นที่เลือกตั้งซ่อม​ และกลายเป็นการหาเสียง​ พร้อมมอบหมายให้นายสรวงศ์​ เทียนทอง​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์​ พร้อมมอบหมายให้นางสาวจิราพร​ สินธุ​ไพร​ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์​ เพื่อเยี่ยมและให้กำลีงใจผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต​ พร้อมกับ ได้สั่งงานไปที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้นำรถบรรทุก​น้ำและอาหารพระราชทาน​ เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด

เมื่อถามว่ากรณีของงบประมาณท้องถิ่น จะต้องทำการยกเว้น​ เพื่อขอใช้งบฯ ในเหตุการณ์ดังกล่าวได้หรือไม่​ นาภูมิธรรม​กล่าวว่า​ ขณะนี้อยู่ในระหว่างพูดคุยของรัฐบาลและสำนักงบประมาณ​ ซึ่งแม้ว่าเราจะอยากให้งบฯท้องถิ่นโดยตรง​ แม้พิสูจน์​ว่างบฯ มีการกระจุกตัวหลายส่วน​ แต่จากที่คุยกับสำนักงบฯประมาณย้ำว่าหากสามารถแปลงงบประมาณมาได้​ ก็อยากดำเนินการ​ แต่หากไม่สามารถทำได้ก็ต้องมีการพูดคุยกัน และให้สำนักงบประมาณ​ดูแลไปตามความเหมาะสม​ แต่ตนขอดูในรายละเอียด​อีกครั้งก่อน​.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]