รัฐสภา 24 ก.ค.- “โรม” ย้ำ สถานการณ์ชายแดนต้องทำให้นานาอารยประเทศทราบ เหตุ ‘กัมพูชา’ ต้องการเล่นบทเหยื่อ เพื่อลากขึ้นศาลโลก-ทำไทยเสียหาย ยัน ไม่ใช่ห้ามตอบโต้ แต่เราต้องบรรลุเป้าหมายชนะภาพรวมทั้งหมด-ไม่ทำให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องการ เผย กมธ.มั่นคงฯ เตรียมออกหนังสือเรียก ‘นายกฯ-ภูมิธรรม-มาริษ’ ใหม่ ประชุม 31 ก.ค.นี้ หลังที่ประชุมมีมติ ไม่ให้ผู้ถูกมอบหมายชี้แจงแทน
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยภายหลังการประชุมในวันนี้ วาระพิจารณากรณีความขัดแย้ง ไทย-กัมพูชา และกรณีคลิปสนทนาของนายกรัฐมนตรีและฮุน เซน จากกรณีใช้อำนาจเรียกบุคคลให้มาแถลงข้อเท็จจริง หรือแสดงความเห็นต่อคณะกรรมาธิการฯ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการของรัฐสภาคณะกรรมาธิการฯ กว่า 10 รายชื่อ ว่า ที่ประชุมมีมติให้บุคคลอื่นที่เข้าชี้แจงแทน ไม่มีอำนาจในการชี้แจงแทน จึงเหลือเพียง 3 หน่วยงานที่สามารถให้ข้อมูลกับคณะกรรมาธิการฯ ได้ และหลังจากนี้ จะมีการออกหนังสือเรียกอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้มีการมาชี้แจงในการประชุมครั้งถัดไป วันที่ 31 กรกฎาคมนี้
เมื่อถามถึงปฏิบัติการที่ฝ่ายกัมพูชาดูจะพุ่งเป้าไปในพื้นที่ชุมชนและพลเรือน นายรังสิมันต์ ระบุว่า เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม เราต้องเก็บรวบรวมข้อมูลหลักฐานทั้งหมด ไม่ใช่แค่เรื่องการมุ่งเป้าไปที่พลเรือน แต่รวมถึงการที่เขาใช้เขาพระวิหารเป็นเกราะกำบังด้วย สิ่งสำคัญในวันนี้ เราต้องทำให้นานาอารยประเทศทราบ ให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนในระยะยาว อาจจะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะมีมาตรการเยียวยาหรือการดำเนินการต่อไปอย่างไร เบื้องต้น ข้อมูลทั้งหมด ต้องเร็ว และมีการนำเสนออย่างชัดเจน เพื่อให้ประเทศอื่นได้เห็นในสิ่งที่เราเห็น
เมื่อถามถึงกรณีที่นายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ยื่นต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNSC) ขอให้นำกรณีการปะทะกันทางทหารและข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาที่ผ่านมา บรรจุเป็นวาระ พร้อมระบุ ฝ่ายทหารไทยเป็นฝ่ายที่เริ่มยิงก่อน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ด้านหนึ่งเมื่อตนทราบว่า เขามีการเตรียมการไปยื่น ตนไม่ได้ตกใจ เพราะตนย้ำมาเสมอว่า สิ่งที่เขาต้องการ คือการใช้กลไกระหว่างประเทศในการเล่นงานเรา และการที่เขาจะบรรลุเป้าหมายได้ เขาต้องทำตัวเป็นเหยื่อ และต้องบอกว่าไทยรังแกโจมตีเขาก่อน ซึ่งมันไม่เป็นความจริง
ดังนั้น เราจะพบว่า กรณีที่เกิดขึ้นปุ๊บ แล้วเขาพร้อมยื่นทันที ราวกับมีการเตรียมการในการยื่นเรื่องมาล่วงหน้าแล้วหลายวันหลายเดือน จากการที่กัมพูชามาด้วยท่าทีแบบนี้ เท่าที่ตนมีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงทุกระดับ ทุกคนรู้ว่าฝ่ายกัมพูชาต้องการอะไร เล่นเกมแบบไหน แต่เราต้องยอมรับว่า เขาไม่ได้สนใจว่า ชีวิตมนุษย์ หรือชาวบ้านตามแนวชายแดนจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เขาต้องการคือ เขาจะสามารถใช้กลไกในการดำเนินข้อพิพาทเรื่องนี้ ขึ้นสู่ศาลโลกได้หรือไม่ และทำให้ประเทศไทยเสียหายในสายตาประเทศอื่น
และหากพูดกันตรงไปตรงมา สมเด็จฮุน เซนอายุเยอะแล้ว เขาคงคิดว่านี่คือมรดกที่เขาอยากจะแสดงต่อทุกคน ให้เห็นว่าเขาเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง แต่บางทีหากเราทำเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจน เราอาจจะเห็นทรราช ผ่านการกระทำของเหตุการณ์ในวันนี้ได้ ดังนั้น ประเทศไทยต้องรวบรวมข้อมูล ตนยืนยันว่า ไม่ใช่เราห้ามการตอบโต้ เราต้องตอบโต้ ปกป้องผืนแผ่นดินไทย แต่ด้วยวิธีการ เราต้องบรรลุเป้าหมายในการชนะภาพรวมทั้งหมด และต้องไม่ทำให้กัมพูชาได้ในสิ่งที่ต้องการ ทำให้โลกอยู่ข้างไทยไม่ใช่กัมพูชา
เมื่อถามถึงการโจมตีทางโซเชียลมีเดีย นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร ต้องยอมรับว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญในการรับมือ คือเราต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของข้อมูลข่าวสารที่เขามีปฏิบัติการออกมา คงต้องช่วยกัน รวมถึงเรื่องพิกัดต่างๆ ก็ต้องระมัดระวังให้ดี เพราะเป็นห่วงว่าจะไปเปิดเผยพิกัด และทำให้เขาอาจจะมีการปรับในการยิงใหม่ กระทบถึงชีวิตของผู้ปฏิบัติในแนวหน้า ไม่ว่าจะเป็นพลเรือน หรือทหาร.-312 -สำนักข่าวไทย