“โรม” ประณามรัฐบาลกัมพูชา เหตุปะทะเดือดไทย-กัมพูชา

รัฐสภา 24 ก.ค.-“โรม” ประณามรัฐบาลกัมพูชา เหตุปะทะเดือดชายแดนไทย-กัมพูชา ไทยต้องแจ้งนานาประเทศทราบ ห่วงประชาชน กลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบ ชี้ “ฮุนเซน” อายุเยอะ คาดใช้แผนยั่วไปโฆษณาว่าชนะไทย รัฐบาลต้องรักษาศักดิ์ศรีประเทศ ด้วยการตอบโต้ตามเหตุจำเป็น

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่ล่าสุดเกิดการใช้อาวุธและการประทะกันแล้วว่าอยากใช้โอกาสนี้ในการประณามรัฐบาลกัมพูชา คิดว่าพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นการยั่วยุการใช้ความรุนแรงการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา โดยใช้ระเบิดในลักษณะที่เป็นกับดักซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่ควรมีการใช้อีกแล้วคิดว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าวที่ยอมรับไม่ได้ดังนั้นประเทศไทยก็คงต้องประณามการกระทำของรัฐบาลกัมพูชาที่ดำเนินการให้เรื่องนี้เกิดขึ้นซึ่งตนเชื่อว่าการที่รัฐบาลกัมพูชาจะต้องมีส่วนรู้เห็น การกระทำนี้อย่างแน่นอน มองว่ากัมพูชาควรที่จะเข้าใจกว่าหลายประเทศด้วยซ้ำว่าความร้ายแรงเน้นเรื่องกับดักระเบิดเป็นอย่างไรว่าชาวบ้านและ คนกัมพูชาได้รับความสูญเสียในเรื่องกับดักระเบิดนี้มาเป็นเวลานานกัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบเรื่องนี้มากที่สุดแต่กลับใช้พฤติกรรมนี้ กับฝ่ายไทยดังนั้นต้องยอมรับว่าการที่จะพูดคุยเจรจาเรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายฝ่ายไทยคงต้อง มีการตอบโต้เรื่องนี้ อย่างเหมาะสม
คิดว่าเบื้องต้น ที่ฝ่ายไทยสามารถดำเนินได้หลังจากที่ได้ชี้แจงต่อทูตทหารต่อหลายประเทศ ที่สามารถทำได้ทันทีคือการสังเกตสถานการณ์โดยเชิญทูตจากประเทศต่างๆร่วมสังเกตการณ์ด้วย เรื่องนี้โลกต้องเห็น และมีข้อมูลที่เพียบพร้อมว่ากัมพูชามีความก้าวร้าวที่จะยั่วยุเพื่อให้สถานการณ์บานปลาย และกระทรวงการต่างประเทศต้องทำงาน เชิงรุกกว่านี้การไปรอเดือนธันวาคมเพื่อหารือในอนุสัญญาออตตาวา เป็นสิ่งที่ช้าเกินไปและมากไปกว่านั้นในสิ่งที่เป็นรูปธรรมคือควรนำเรื่องนี้นำเสนอต่อ UNGA ที่เป็นเวทีสำคัญของสหประชาชาติเพื่อให้ทั่วโลกได้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ


นายรังสิมันต์ กล่าวว่าวันนี้มีการยิงปืนใหญ่แล้วสถานการณ์บานปลายสิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดคือพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบสิ่งนี้ต้องเตรียมความพร้อมเบื้องต้นทราบว่ามีการซักซ้อมในพื้นที่ ที่เชื่อว่ามีความพร้อมแต่ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายไปนานแค่ไหนดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเตรียมความเป็นไปได้เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนทั่วไปและผู้บริสุทธิ์ไม่สมควรได้รับผลกระทบ ต้องหาวิธีรองรับให้มากที่สุดโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยติดเตียง และเด็กที่ต้องหามาตรการรองรับต้องฝากไปถึงรัฐบาลเมื่อมีการขัดกันทางอาวุธเกิดขึ้น กลุ่มเปราะบางประชาชนทั่วไปเค้าควรจะได้รับความปลอดภัย

นายรังสิมันต์ กล่าวว่าการประชุมคณะกรรมาธิการวันนี้เป็นการ ใช้อำนาจเรียกนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายหรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี และนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แต่เข้าใจว่าบุคคลเหล่านี้ติดภารกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น พลเอก ณัฐพล ที่ติดภารกิจเรื่องการแก้ไขสถานการณ์ และบางท่านที่ไม่เกี่ยวต้องฟังคำอธิบายว่าที่ไม่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการด้วยสาเหตุอะไรโดยเฉพาะนางสาวแพทองธาร ชินวัตรที่เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงที่ต้องยอมรับว่าวันนี้เรื่องคลิปเสียงทำให้ระดับรัฐบาลและรัฐบาลคุยกันไม่ได้วันนี้ต้องยอมรับว่าผู้นำสองคนอาจมีปัญหาส่วนตัว หรือขัดกันระหว่างผลประโยชน์หรือไม่แต่นำไปสู่การทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งในครั้งนี้ดังนั้นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่มีทีท่าที่จะหาทางออกได้จึงต้องยอมรับว่าวันนี้บุคคลเหล่านี้ต้องรับผิดชอบ ว่าที่นางสาวแพทองธาน ได้ออกมาพูดก่อนหน้านี้มีประเด็นการชี้แจงต่ออธิการอย่างไร


นอกจากนี้นายรังสิมันต์ ยังฝากไปถึงกระทรวงการต่างประเทศว่า ถ้ากระทรวงการต่างประเทศทำหน้าที่ของตนได้ดีเชื่อว่าจะลดโอกาสความขัดแย้งลงมาได้ซึ่งอาจไม่การันตีร้อยเปอร์เซ็นต์แต่น้อยที่สุดคือถ้ามีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพการใช้อาวุธก็อาจจะลดความสำคัญ ลงมาส่วนตัวคิดว่าไทยควรตอบโต้ในสิ่งที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่อยากให้ลุกลามบานปลายไปจนถึงการสูญเสีย

เมื่อถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะที่กองทัพออกมากล่าวว่าสถานการณ์ เจรจาไม่ได้แล้ว นั้นนายรังสิมันต์ กล่าวว่า เบื้องต้นการเชิญนักการทูต ไปดูสถานการณ์ในพื้นที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเมื่อกำกับกัมพูชาไม่ได้ไม่เป็นไรแต่เราคุยกับโลกได้ ดังนั้นการพูดคุยกับต่างประเทศให้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีความจำเป็นและต้องไล่สถานการณ์จากเบาหาหนักพร้อมกับการหาวิธีรองรับไม่ให้พลเรือนได้รับผลกระทบ และสุดท้ายสถานการณ์จะไปไปถึงไหน คงตอบไม่ได้ว่ากัมพูชาจะยั่วยุและใช้ความรุนแรงไปถึงเมื่อไหร่แต่ดูแล้วท่าทีของสมเด็จฯ ฮุนเซนต์พร้อมทำทุกอย่าง จึงต้องยอมรับว่าการพูดคุยกับสมเด็จฯ ฮุนเซนต์ ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่การคุยกับโลกและประเทศต่างๆเป็นเรื่องที่สำคัญสูงสุด

เมื่อที่ผ่านมากัมพูชาเริ่มการยั่วยุก่อน ส่วนนี้จะเข้าทางของกัมพูชาหรือไม่นายรังสิมันต์กล่าว คงเป็นไปไม่ได้ที่ไทยจะไม่ตอบโต้อะไรเลย ต้องยอมรับตรงไปตรงมาว่ากัมพูชาต้องการอะไร กัมพูชาต้องการ พาไทยไปศาลโลก ประเด็นสำคัญคือเมื่อทหารได้รับบาดเจ็บต้องใช้โอกาสนี้ในการแสดงความเสียใจต่อผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวส่วนนี้ไทยคงต้องตอบโต้ต่อไปและต้องยืนยันกับโลกว่าไทยไม่ได้รังแกกัมพูชาแต่กัมพูชามีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวไม่เหมาะสมละเมิดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ


ส่วนมาตรการคอลเซ็นเตอร์รัฐบาลต้องกระตุ้นมากกว่านี้ คงต้องเอาทุกทางเท่าที่จะทำได้ และต้องตอบโต้ภัยคุกคามที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าสิ่งที่กัมพูชาทำอีกนิดจะกลายเป็นการก่อการร้ายแล้วเป็นพฤติกรรมที่แย่มากคงต้องประณามในสิ่งที่เกิดขึ้น ต้องอาศัยยาหลายตัวไม่มีตัวไหนที่จะหยุดยั้งความบ้าคลั่งของผู้นำกัมพูชาได้

“ฮุนเซน เขาอายุเยอะแล้วเค้าคิดว่าการใช้วิธีแบบนี้ พูดง่ายๆคือเขาต้องการ ไปโฆษณาชวนเชื่อว่าเห็นไหมว่าเขาชนะประเทศไทยการที่เขามีวิธีคิดแบบนี้จึงพยายามทำทุกทางโดยที่ไม่สนใจว่าความสูญเสียจะเป็นอย่างไรเมื่อเราเท่าทันสถานการณ์รู้ว่ากัมพูชาต้องการอะไรแท็กทริกนี้สิ่งสำคัญคือถ้าทำให้ทั่วโลกเข้าใจว่ากัมพูชามีพฤติกรรมอย่างไรอย่างไรมีปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์อย่างไรคิดว่าเราจะแสวงหาพันธมิตรจำนวนมากในการทำให้กัมพูชาเห็นว่าวิธีการที่กัมพูชาทำมันไม่ได้อะไร”

นายรังสิมันต์ ยังฝากไปถึงรัฐบาลอีกว่า เราต้องคิดว่าเราจะชนะสงครามอย่างไร แน่นอนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่ใช่สงคราม แต่การจะเอาชนะอย่างไร ไม่ใช่เฉพาะเรื่องศึกในศึกหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องเห็นถึงภาพรวมว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกัมพูชาจะไม่ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ขณะเดียวกันไทยก็ต้องรักษาศักดิ์ศรีของประเทศการตอบโต้ตามความจำเป็นและเหมาะสม.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ-นำร่างผู้เสียชีวิตออกจากพื้นที่

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – เจ้าหน้าที่ EOD เก็บกู้ระเบิดในร้านสะดวกซื้อ ปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยนำร่างผู้เสียชีวิต 5 ราย ออกจากพื้นที่แล้ว ความคืบหน้าเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา พื้นที่ชายแดน เขาพระวิหาร อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ วันนี้ (25 ก.ค.) กระสุนปืนของฝั่งกัมพูชาตกมาที่ฝั่งไทย ค่าย ตชด.224 ประมาณ 3 ลูก ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ EOD ที่ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้ระเบิดตั้งแต่ช่วงเช้า ต้องออกจากที่เกิดเหตุด่วน ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยยังทำการเก็บกู้ระเบิดที่หลงเหลือยังไม่แล้วเสร็จ เพราะกระสุนของทางกัมพูชายิงมาใกล้กับจุดเกิดเหตุ จึงทำการอพยพชั่วคราว ก่อนจะดำเนินการเก็บกู้ระเบิดอีกครั้ง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เข้าเก็บร่างผู้เสียชีวิตภายในร้านสะดวกซื้อ พบผู้เสียชีวิต 5 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รอง มทภ.2 เยี่ยมปลอบขวัญ ปชช. เชื่อสถานการณ์จบใน 3-7 วัน

ศรีสะเกษ 25 ก.ค. – รองแม่ทัพภาค 2 ลงพื้นที่ปลอบขวัญประชาชนที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ เชื่อว่าสถานการณ์จะจบภายใน 3-7 วัน พลตรีนรธิป โพยนอก รองแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางมายังที่ศูนย์อพยพ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีประชาชนมาลงทะเบียนพักมากที่สุดกว่า 5,000 คน โดยรองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าติดปัญหาได้หรือไม่ เช่น เรื่องห้องน้ำอาหาร และที่นอน เป็นต้น จากนั้นได้เดินทักทายจับมือให้กำลังใจกับประชาชนโดยระบุขออย่ากังวลกับทรัพย์สินและบ้านเรือน ส่วนบ้านเรือนที่เสียหายเมื่อสถานการณ์คลี่คลายจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยซ่อมแซม ส่วนคำถามที่ว่าประชาชนจะสามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ตามปกติเมื่อไหร่นั้น รองแม่ทัพภาคที่ 2 เชื่อว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลายภายใน 3-7 วันนี้ รองแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ปราศรัยกับประชาชนถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะทรงรับผู้บาดเจ็บจากเหตุสู้รบในครั้งนี้ไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทั้งหมด รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือนต่างๆ ที่เสียหายด้วย.-สำนักข่าวไทย

ทูตไทยจ่อแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค.นี้

นิวยอร์ก 25 ก.ค.-ทูตไทยเตรียมแถลงข้อเท็จจริง UNSC ประชุมฉุกเฉิน 25 ก.ค. ส่งหนังสือแจงนานาชาติ ก่อนเตรียมแจงในที่ประชุม ยันกัมพูชาวางทุ่นระเบิดและเปิดฉากยิงใส่ฐานทหารไทยที่ตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ของไทยก่อน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา วานนี้ (24 ก.ค.)โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทุ่นระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย ทั้งนี้ UNSC จะจัดให้มีการประชุมฉุกเฉินแบบที่เรียกว่า private meeting ซึ่งเป็นการประชุมปิดที่ใช้เวลาราว […]

องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่ จนท.-ประชาชนได้รับผลกระทบชายแดน

อุบลราชธานี 25 ก.ค.-พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี นำสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี ได้เดินไปยังพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และจุดที่ 2 จังหวัดอุบลราชธานี และขณะนี้องคมนตรีได้เชิญสิ่งของพระราชทานในจุดที่ 1 จ.อุบลราชธานี แก่เจ้าหน้าที่จำนวน 200 ชุด มอบแก่ประชาชน 75 ชุด จากนั้นจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในศูนย์อพยพและจะเดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนบรรยากาศเช้านี้ที่ช่องบ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เป็นจุดปะทะ ชาวบ้านได้อพยพมาอยู่ในหลุมหลบภัย เนื่องจากมีเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง ผู้นำชุมชนจึงได้ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในจุดที่ปลอดภัย จากนั้นยังมีรายงานจากรองโฆษกกองทัพบกว่า สถานการณ์ในวันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า เริ่มมีการปะทะตั้งแต่เวลาประมาณ 04.00 น. ในพื้นที่ช่องบก และภูมะเขือ จ.อุบลราชธานี รวมถึงในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยฝ่ายกัมพูชาได้ระดมยิงด้วยอาวุธหนัก ปืนใหญ่สนาม และจรวด BM-21 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนถึง 08.00 น. […]