ศบ.ทก. ย้ำไทยมุ่งมั่นเจรจาเพื่อสร้างความสงบสุข

ทำเนียบ 23 มิ.ย.- ศบ.ทก. เผยพบความตึงเครียดแนวชายแดนอย่างมีนัย หลังมีการกระทำยั่วยุ ย้ำไทย มุ่งมั่นการเจรจาเพื่อสร้างความสงบสุข ไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชา แต่พร้อมหาแรงงานประเทศอื่นทดแทนได้


นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ) ประจำวันนี้ ( 23 มิ.ย.) ว่า รัฐบาลยังคงยืนยันว่าไม่มีการปิดด่าน หรือ จุดผ่านแดนถาวร ทุกด่านยังคงเปิดทำการปกติ แต่จำกัดให้บุคคลที่มีเหตุจำเป็น และจำกัดวันเวลาในการเข้า-ออก เป็นการดำเนินการตามมาตรการขั้นที่ 1 และ 2 ที่มีทั้งหมด 4 ขั้น ฝ่ายไทยจะเฝ้าติดตามสถานการณือย่างใกล้ชิด และพิจารณาความจำเป็นการเพิ่มความเข้มข้นของการใช้มาตราการต่างๆ โดยให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด ส่วนการที่กองทัพภาคที่ 2 มีคำสั่งปรับมาตราการควบคุมจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องสายตระกู จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งไม่ถือเป็นการปิดด่านที่เป็นจุดฝ่านแดนถาวร หรือแม้แต่จุดผ่านแดนชั่วคราว ซึ่งจุดผ่อนปรนทางการค้าเป็นจุดในมิติทางเศรษฐกิจ ถือเป็นช่องทางที่รัฐบาลเปิดผ่อนปรนให้มีการค้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับท้องถิ่น และช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านในด้านมนุษยธรรม การปรับมาตรการควบคุมที่จุดผ่อนปรนแห่งนี้ เป็นมาตรการที่หน่วยทหารในพื้นที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการ จากการประเมินภาพรวมสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ และเป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดในปัจจุบัน

ตามนโยบายของรัฐบาลในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ และการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น การหลอกลวงออนไลน์ การลักลอบขนส่งผิดผิดกฎหมาย การลักพาตัว ภายใต้นโยบาย Seal -Stop -Save เพื่อดูแลความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายอำนาจในการควบคุมทุกประเภทให้แก่หน่วยทหารในพื้นที่ และเป็นการดำเนินการตลอดแนวชายแดนฝั่งตะวันออกของไทยทั้งหมด ที่ผ่านมารัฐบาลไทยจริงจังกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือออนไลน์สแกม ทางการไทยได้มุ่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวในฝั่งตะวันตกของประเทศ โดยได้เป็นเจ้าภาพการประชุม 3 ฝ่าย ระหว่างไทย – เมียนมา – จีน เพื่อประสานงานการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์เมื่อเดือน ก.พ.68 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ พบการกระทำผิดน้อยลง และเหยื่อจำนวนมากได้รับความช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าปัญหาออนไลน์สแกมได้เปลี่ยนพื้นที่มาเป็นฝั่งตะวันออกของประเทศมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ


ซึ่งรัฐบาลไทยไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ โดยได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และดำเนินการปราบปรามผู้กระทำผิด และที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติด และอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ (UNODC รวมทั้งผ่านการจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจต่อต้านอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะออนไลน์สแกม ถือเป็นความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนบริเวณชายแดน ซึ่งฝ่ายไทยจะได้พิจารณามาตรการที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ต่อไป และบ่ายวันนี้นายกรัฐมนตรีได้ประชุมในเรื่องดังกล่าว และ ไทยอาสาเป็นศูนย์กลางการปราบปราม ด้วยระงับอินเทอร์เนตและการระงับสินเค้าที่เอื้อต่อกลุ่มอาชญากรรมช้ามชาติ

ส่วนนโยบายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานกัมพูชา รัฐบาลไทยจะดูแลสวัสดิการของแรงงานกัมพูชาตามกฏหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และขอยืนยันว่าไทยไม่มีนโยบายผลักดันแรงงานกัมพูชาออกนอกราชอาณาจักร แต่จะให้เป็นไปตามความสมัครใจของแรงงาน หากแรงงานตัดสินใจเดินทางกลับประเทศย่อมเป็นสิทธิ และเสรีภาพของแรงงานเอง โดยทางการไทยได้เตรียมแผนรองรับสำหรับภาคเอกชนไว้แล้ว ด้วยการสำรองแรงงานจากประเทศอื่นเข้ามาทดแทน เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ขอย้ำว่าแรงงานกัมพูชายังสามารถทำงานในไทยได้ตามปกติ

นายนิกรเดช ยังกล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยได้ปฏิบัติตามเอ็มโอยู 2543 อย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหาที่ว่าฝ่ายไทยละเมิดเอ็มโอยู 2543 ตามที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ อย่างไรก็ดีหากฝ่ายใดเห็นว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งละเมิดเอ็มโอยู 2543 สามารถใช้กลไกทวิภาคีในการเจรจาแก้ปัญหาได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความเข้าใจร่วมกัน และลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ฝ่ายไทยยังมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อลดความตึงเครียดของสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ผ่านกลไกทวิภาคี ขณะเดียวกันจะเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินมาตรการเพื่อปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบทางอ้อมต่อประชาชนทั้งสองฝ่าย ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติเป็นประเด็นที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยประเทศใดประเทศหนึ่ง เพียงลำพัง ที่ผ่านมามีการหารือแก้ไขปัญหานี้ในกรอบความร่วมมือระดับอนุภูมิภาค ดังนั้นฝ่ายไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากัมพูชาจะยังคงให้ความร่วมมือในการต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ เพื่อแสดงความรับผิดชอบร่วมกันต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ


ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ รองโฆษกกองทัพไทย ในฐานะโฆษก ศบ.ทก. กล่าวว่า สถานการณ์ตามแนวชายแดนในห้วงเวลานี้ได้ทวีตึงเครียดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากวิกฤติการณ์ล่าสุดของกำลังทหารกัมพูชาและการกระทำของบุคคลบางกลุ่มในพื้นที่ชายแดน ซึ่งได้ล่วงล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย ทั้งในลักษณะการเดินลาดตระเวน การติดอาวุธ การดัดแปลงที่มั่นทางทหาร และการกระทำที่สื่อถึงความพยายามในการยั่วยุ โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย รวมถึงปิดจุดผ่านแดนฝ่ายเดียวโดยไม่มีการหารือล่วงหน้า ประเทศไทยตระหนักถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ และยืนยันอย่างหนักแน่นว่า ฝ่ายไทยยึดหลักสันติวิธีมาโดยตลอด และมีความมุ่งมั่นที่จะคลี่คลายปัญหาทั้งหมดโดยกระบวนการเจรจาแบบทวิภาคี บนพื้นฐานของความเคารพต่ออธิปไตยและความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ไทยยังมองพี่น้องกัมพูชาเป็นมิตรเสมอมา เราเข้าใจและแยกแยะได้อย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมที่สร้างความตึงเครียดในขณะนี้เป็นผลมาจากนโยบายหรือคำสั่งของผู้นำระดับสูงบางคน มิได้สะท้อนเจตจำนงของประชาชนโดยรวม จากสถานกาณ์เสี่ยงต่อกระทบกระทั่งจนบานปลาย รัฐบาลไทยโดย ศบ.ทก.ได้ตัดสินใจมาตรการควบคุมเพิ่มเติมในบางพื้นที่บริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองกำลังป้องกันชายแดนครอบคลุม 7 จังหวัด อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทรบุรี และตราด ทั้งนี้ เพื่อให้สามารถดูแลความสงบเรียบร้อย และคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที รวมทั้งมุ่งป้องกันและปราบปรามกระบวนการอาชญากรรมข้ามชาติในพื้นที่ชายแดน รวมถึงเครือข่ายหลอกลวงประชาชนผ่านระบบคอลเซ็นเตอร์ การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การลักลอบขนแรงงานผิดกฎหมายและยาเสพติด

พล.ร.ต.สุรสันต์ ยังกล่าวว่า รัฐบาลไทยได้รับทราบว่า รัฐบาลกัมพูชาประกาศงดซื้อน้ำมันจากประเทศไทย ซึ่งส่งผลต่อความเป็นอยู่ของประชาชนชาวกัมพูชาในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ประเทศไทยไม่ได้มีนโยบายห้ามขายน้ำมันให้กับกัมพูชาแต่อย่างใด ประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการแสดงความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ และจากบางสื่อมวลชนเท่านั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงหรือนโยบายจากรัฐบาลไทย จึงขอชี้แจงไปยังชาวกัมพูชา ว่าความเดือดร้อนที่ประสบอยู่ขณะนี้ไม่ได้เกิดจากมาตรการของฝ่ายไทย แต่เป็นผลจากการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาเอง ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาดูแลความปลอดภัย ปกป้องคุ้มครองชุมชนไทยในกัมพูชา ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักไมตรี มองประชาชนกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่มีสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมร่วมกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความจริงใจของฝ่ายไทยจะนำไปสู่การเจรจาและคืนความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนโดยเร็ว ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า ทุกการดำเนินการของฝ่ายไทยอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและยึดหลักแห่งสันติ สติ และความรอบคอบ ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง แต่ยืนหยัดปกป้องศักดิ์ศรีของชาติอย่างสง่างาม ขอบคุณคนไทยที่ติดตามสถานการณ์ด้วยความห่วงใย และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการร่วมมือกันรักษาความสงบ รัฐบาลยืนหยัดเคียงข้างประชาชน และจะไม่ยอมให้สถานการณ์ใดๆ บั่นทอนความมั่นคงและศักดิ์ศรีของแผ่นดินไทย -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 16 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เลย หนองคาย จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวและเวียดนามตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร […]

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]