“ศิริกัญญา” มั่นใจคุณสมบัติ “รักชนก” นั่ง รองประธานงบฯ

รัฐสภา 11 มิ.ย.- “ศิริกัญญา” เผย วงถกงบฯ 69 เชิญ 4 หน่วยงานแจง ยอมรับ จีดีพีปีหน้าตก 1.6% กังวลจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า คาดปี 70 สัดส่วนหนี้สาธารณะทะลุเพดาน 70% ยังตั้งเป้าปรับลด 5 หมื่นล้าน มั่นใจคุณสมบัติ “รักชนก” นั่ง รองประธานงบฯ


นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 กล่าวว่า การประชุมกรรมาธิการงบประมาณในวันนี้ มีการเชิญ 4 หน่วยงานหลัก ที่จัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 มารายงานภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกิจในปี 2568 และ 2569 จะตกต่ำลง และเป็นที่น่ากังวลโดยเฉพาะในปี 2568 นี้ แม้จะมีการรายงานการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจหรือ GDP ไม่เท่ากัน แต่ GDP จะอยู่ระหว่างร้อยละ 1-2 เท่านั้น

ขณะที่ปี 2569 ก็จะตกต่ำลงไปอีก GDP อยู่ที่ร้อยละ 1.6 ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล และส่งผลต่องบประมาณ ประเด็นแรก คือการประมาณการรายได้ที่จะเข้าภาครัฐ ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้น หาก GDp ตกต่ำ ในปี 2569 รายได้ของรัฐจะหายไปถึงราว 60,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2 ของการประมาณการรายได้ จึงเป็นที่น่ากังวลว่าหากไม่สามารถหารายได้เข้ารัฐ ก็จะหมายความว่า รายจ่ายในปี 2569 นี้ ก็จะใช้จ่ายได้อย่างไม่เต็มที่ ตามที่มีการตั้งงบประมาณปี 2569 ไว้ที่ 3.78 ล้านล้านบาท เพราะหากจะมีการกู้เงินเพิ่ม ก็จะกู้ได้ไม่มาก เนื่องจากรัฐบาลได้มีการตั้งงบขาดดุลเกือบที่จะเต็มเพดานไว้อยู่แล้ว หรือจะกู้เพิ่มได้เพียงราว 17,000 ล้านบาท


ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีการพูดคุยกับกระทรวงการคลัง ว่าจะมีทางออกอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้ามาโดยตลอด ซึ่งกระทรวงการคลังก็เสนอ 2 แนวทางในการใช้งบปี 68 และ 69 คือ 1.จะมีการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการจัดเก็บเพิ่มไป 1 บาท แต่ยังไม่ได้กระทบกับราคาน้ำมันที่ประชาชนจะต้องควักเงินจ่าย แต่หากจัดเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มขึ้น 1 บาท รัฐก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อเดือน 2.จะมีการรื้อโครงสร้างของภาษีรถยนต์ในอนาคต ด้วยการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ

แต่ทั้งนี้ ส่วนตัวยังมีข้อกังวล เพราะยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะมีเม็ดเงินจากส่วนไหน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าเมื่อมีปัญหาเหล่านี้ กระทรวงการคลังก็จะใช้วิธีการไปเอาเงินปันผลจากรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำมาเพิ่มรายได้ภาครัฐ ซึ่งบางหน่วยงานอาจไม่ได้มีผลประกอบการที่ดี นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับสัดส่วนดอกเบี้ยที่ไม่ได้มีการตั้งไว้ ตามที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งทางสำนักงบประมาณก็ได้ให้ความเห็นว่า ต้องรอลุ้นว่าดอกเบี้ยนโยบายจะมีการลดหรือไม่ จนส่งผลให้ดอกเบี้ยพันธบัตรของรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายลดลงหรือไม่อย่างไร ดังนั้นจึงเป็นข้อกังวลในอนาคตว่า ถ้าเงินไม่เพียงพออาจจะใช้งบกลางหรือเงินคงคลังมาชำระดอกเบี้ยเหมือนปี 2567 หรือไม่

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้หารือกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ซึ่งจากข้อมูล เมื่อ GDP ตกต่ำ ก็จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จะไปถึงร้อยละ 70 เร็วมากขึ้น โดยในปลายปีงบประมาณ 2569 ช่วงเดือนกันยายน 2569 หนี้สาธารณะต่อ GDP ก็จะขึ้นไปถึงร้อยละ 69 ซึ่งเร็วกว่าที่เคยวางแผนเอาไว้ เนื่องจาก GDP โตได้ไม่มาก เท่ากับว่าในปี 2570 จำเป็นต้องมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไปอย่างแน่นอน ซึ่งทางกระทรวงการคลังก็ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ ดังนั้น เท่ากับว่าประเทศไทยจะต้องมีมติจากนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เพื่อที่จะขยายเพดานหนี้สาธารณะในปี 2570 นี้ ซึ่งส่วนตัวไม่แน่ใจว่ารัฐบาลไหนจะได้ใช้หนี้สาธารณะร้อยละ 70 ดังกล่าว หากมีการยุบสภาเร็วกว่านี้ ก็อาจจะไม่ใช่รัฐบาลนี้ที่จะรับภาระ


นางสาวศิริกัญญา กล่าวถึงสถานการณ์ภาวะเงินฝืด เนื่องจากตลาดเงียบเหงากำลังซื้อประชาชนอ่อนตัวลง ทางแบงค์ชาติ ชี้แจงว่าสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ช่วงเงินฝืด ซึ่งเงินเฟ้อติดลบเป็นหย่อมๆ จึงไม่เข้าเกณฑ์ภาวะเงินฝืด แต่ยอมรับว่าจะต้องมีการจับตาเรื่องกำลังซื้อที่อ่อนแอลง เพราะกำลังซื้อลงตลาดเงียบเหงา รายได้ของประชาชนลดลง

นางสาวศิริกัญญา กล่าวถึงกรณีที่กรรมาธิการมีมติไม่ให้ไลฟ์สด การประชุมกรรมาธิการ ว่า เข้าใจสถานการณ์ เพราะมีกรรมาธิการบางคนชี้แจงว่าตารางถ่ายทอดของทีวีรัฐสภาถูกล็อกไว้แล้ว จึงเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาคือถ่ายทอดสดผ่านยูทูป

ส่วนการพิจารณาของกรรมาธิการนั้นยอมรับว่าล่าช้าจากกำหนดการไปเพียง 1 สัปดาห์ แต่เชื่อว่ากติกามีความยืดหยุ่นในการพิจารณาได้ เพื่อทำงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่ได้เป็นกังวลในกรอบและระยะเวลา 105 วัน ที่จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด นับแต่สภาผู้แทนราษฎร รับร่างมา

สำหรับการตั้งเป้าการปรับลดงบประมาณ 50,000 ล้านบาท นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า สาเหตุการตั้งเป้าเนื่องจากรายได้เก็บไม่เข้าเป้า จึงเห็นว่ารายจ่ายจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ จึงควรตัดสินใจตั้งเป้าการตัดตั้งแต่วันนี้ หากไม่ได้ก็จะไปพิจารณาในวาระที่2 ต่อในที่ประชุมสภา หรือหากไม่ได้จริงๆก็จะทำรายงานเสนอต่อประชาชนว่าฝ่ายค้านพยายามปรับลดงบงบประมาณที่ไม่จำเป็น หรืองบประมาณในโครงการที่สุ่มเสี่ยงทุจริตแล้ว แต่ยังแพ้กรรมการเสียงข้างมาก

นางสาวศิริกัญญา ยังชี้แจงว่าครั้งนี้พรรคประชาชน ส่งนางสาวรัชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชนนั่งรองประธานกรรมาธิการงบประมาณคนที่ 18 ด้วย เห็นว่าปีที่แล้วกรรมาธิการสัดส่วนฝ่ายค้านมีโอกาสนั่งทำหน้าที่รองประธานและได้ขึ้นบัลลังก์ทำหน้าที่ประธานคือ วุฒิพงษ์ นามบุตร จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการเสนอครั้งนี้ก็เป็นโอกาสที่ฝ่ายค้านจะสามารถเดินเกมอะไรบางอย่างได้ ในเวลาที่กรรมาธิการซีกรัฐบาลไม่ได้มาทำงานตามปกติ และยืนยันคุณสมบัติความเหมาะสมของนางสาวรัชนกในการปฎิบัติหน้าที่รองประธานกรรมาธิการงบประมาณฯ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

ทบ.ยันไม่พบทหารกัมพูชาปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต

กทม. 15 มิ.ย.-กองทัพบก ยืนยันไม่พบทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ ปิดทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต ขอฟังข่าวสารจากทางราชการเท่านั้น จากกรณีเพจแจ้งข่าวศรีสะเกษ เผยแพร่ข่าวทหารกัมพูชา พร้อมอาวุธครบมือ ปิดถนนทางขึ้นสามเหลี่ยมมรกต บริเวณช่องบก ห้ามไม่ให้ทหารไทยขึ้นไปซ่อมแซมถนน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา เป็นครั้งที่ 2 เมื่อเวลา 12.45 น. ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในพื้นที่ พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว โดยขอให้ฟังข้อมูลข่าวสารจากทางราชการเป็นหลัก หรือสามารถสอบถามกองทัพบกได้เป็นกรณีไป พร้อมระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวมีการทำถนนไว้ส่งกำลังบำรุง แต่อยู่ในเขตเราทั้งหมด ซึ่งทางกัมพูชาเข้าใจ.-313.-สำนักข่าวไทย

“อนุทิน”​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรฯ

อุดรธานี ​15 มิ.ย.​- “อนุทิน”​ โหมโรง​ ยกคณะ สส.​-​ขรก.มหาดไทย​ เยือนอุดรธานี​ เปิดตัว​ “อดิศักดิ์​” ไทยสร้างไทย บอก​ “นู๋หนู​-​ดู๋ดี๋”​ ซี้กัน​ อวยเป็น สส.คุณภาพ​ ภูมิใจไทย​ ภูมิใจแทน​ รอบหน้าขอชาวอุดรฯ​ เลือกเป็น สส.ภท.​ โอดแทนชาวบ้าน​ ซัด​ห่วย 3 ปี งบโยธาแค่​ 700 ล้าน​ บอกถ้าเลือกภูมิใจไทยซัดไปแล้ว​ 3,000 ล้าน​ เหน็บ​ถนน 4 เลน ใครทำให้กุดอย่าไปเลือก นายอนุทิน​ ชาญ​วี​รกูล​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ พร้อมด้วยนายอรรษิษฐ์​ สัมพันธรัตน์​ ปลัดกระทรวงมหาดไทย​ และผู้บริหารระดับสูง​ ลงพื้นที่เทศบาลตำบลจำปี​ อำเภอศรีธาตุ​ จังหวัดอุดรธานี​ เพื่อพบปะประชาชน ที่โรงเรียนศรีธาตุพิทยาคม​ โดยมี​นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี​ พรรคไทยสร้างไทย​ ให้การต้อนรับ โดยนายอนุทิน​ ได้รับฟังการรายงานความคืบหน้าการ​แก้ไขปัญหา​ในพื้นที่ ก่อนจะขึ้นเวทีพร้อมกับ […]

จับตาประชุม JBC วันที่ 2 หลังกัมพูชายื่นศาลโลก

กัมพูชา 15 มิ.ย.-ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา วันที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว ที่กรุงพนมเปญ หลังวานนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยมีการประชุมวงเล็กก่อน จากนั้นอาจมีการแถลงร่วมกัน ต้องจับตาว่าวันนี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ รวมถึงท่าทีของแต่ละฝ่าย หลังกัมพูชายื่นศาลโลก.-สำนักข่าวไทย