“ศิริกัญญา” มั่นใจคุณสมบัติ “รักชนก” นั่ง รองประธานงบฯ

รัฐสภา 11 มิ.ย.- “ศิริกัญญา” เผย วงถกงบฯ 69 เชิญ 4 หน่วยงานแจง ยอมรับ จีดีพีปีหน้าตก 1.6% กังวลจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า คาดปี 70 สัดส่วนหนี้สาธารณะทะลุเพดาน 70% ยังตั้งเป้าปรับลด 5 หมื่นล้าน มั่นใจคุณสมบัติ “รักชนก” นั่ง รองประธานงบฯ


นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 กล่าวว่า การประชุมกรรมาธิการงบประมาณในวันนี้ มีการเชิญ 4 หน่วยงานหลัก ที่จัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 มารายงานภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เศรษฐกิจในปี 2568 และ 2569 จะตกต่ำลง และเป็นที่น่ากังวลโดยเฉพาะในปี 2568 นี้ แม้จะมีการรายงานการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจหรือ GDP ไม่เท่ากัน แต่ GDP จะอยู่ระหว่างร้อยละ 1-2 เท่านั้น

ขณะที่ปี 2569 ก็จะตกต่ำลงไปอีก GDP อยู่ที่ร้อยละ 1.6 ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล และส่งผลต่องบประมาณ ประเด็นแรก คือการประมาณการรายได้ที่จะเข้าภาครัฐ ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้น หาก GDp ตกต่ำ ในปี 2569 รายได้ของรัฐจะหายไปถึงราว 60,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2 ของการประมาณการรายได้ จึงเป็นที่น่ากังวลว่าหากไม่สามารถหารายได้เข้ารัฐ ก็จะหมายความว่า รายจ่ายในปี 2569 นี้ ก็จะใช้จ่ายได้อย่างไม่เต็มที่ ตามที่มีการตั้งงบประมาณปี 2569 ไว้ที่ 3.78 ล้านล้านบาท เพราะหากจะมีการกู้เงินเพิ่ม ก็จะกู้ได้ไม่มาก เนื่องจากรัฐบาลได้มีการตั้งงบขาดดุลเกือบที่จะเต็มเพดานไว้อยู่แล้ว หรือจะกู้เพิ่มได้เพียงราว 17,000 ล้านบาท


ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีการพูดคุยกับกระทรวงการคลัง ว่าจะมีทางออกอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้ามาโดยตลอด ซึ่งกระทรวงการคลังก็เสนอ 2 แนวทางในการใช้งบปี 68 และ 69 คือ 1.จะมีการจัดเก็บภาษีน้ำมัน ซึ่งก่อนหน้านี้มีการจัดเก็บเพิ่มไป 1 บาท แต่ยังไม่ได้กระทบกับราคาน้ำมันที่ประชาชนจะต้องควักเงินจ่าย แต่หากจัดเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มขึ้น 1 บาท รัฐก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อเดือน 2.จะมีการรื้อโครงสร้างของภาษีรถยนต์ในอนาคต ด้วยการปฏิรูปภาษีทั้งระบบ

แต่ทั้งนี้ ส่วนตัวยังมีข้อกังวล เพราะยังไม่ได้มีการลงรายละเอียดที่ชัดเจนว่าจะมีเม็ดเงินจากส่วนไหน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่าเมื่อมีปัญหาเหล่านี้ กระทรวงการคลังก็จะใช้วิธีการไปเอาเงินปันผลจากรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำมาเพิ่มรายได้ภาครัฐ ซึ่งบางหน่วยงานอาจไม่ได้มีผลประกอบการที่ดี นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับสัดส่วนดอกเบี้ยที่ไม่ได้มีการตั้งไว้ ตามที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น ซึ่งทางสำนักงบประมาณก็ได้ให้ความเห็นว่า ต้องรอลุ้นว่าดอกเบี้ยนโยบายจะมีการลดหรือไม่ จนส่งผลให้ดอกเบี้ยพันธบัตรของรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายลดลงหรือไม่อย่างไร ดังนั้นจึงเป็นข้อกังวลในอนาคตว่า ถ้าเงินไม่เพียงพออาจจะใช้งบกลางหรือเงินคงคลังมาชำระดอกเบี้ยเหมือนปี 2567 หรือไม่

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังได้หารือกับกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ซึ่งจากข้อมูล เมื่อ GDP ตกต่ำ ก็จะทำให้สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จะไปถึงร้อยละ 70 เร็วมากขึ้น โดยในปลายปีงบประมาณ 2569 ช่วงเดือนกันยายน 2569 หนี้สาธารณะต่อ GDP ก็จะขึ้นไปถึงร้อยละ 69 ซึ่งเร็วกว่าที่เคยวางแผนเอาไว้ เนื่องจาก GDP โตได้ไม่มาก เท่ากับว่าในปี 2570 จำเป็นต้องมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไปอย่างแน่นอน ซึ่งทางกระทรวงการคลังก็ไม่ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ ดังนั้น เท่ากับว่าประเทศไทยจะต้องมีมติจากนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เพื่อที่จะขยายเพดานหนี้สาธารณะในปี 2570 นี้ ซึ่งส่วนตัวไม่แน่ใจว่ารัฐบาลไหนจะได้ใช้หนี้สาธารณะร้อยละ 70 ดังกล่าว หากมีการยุบสภาเร็วกว่านี้ ก็อาจจะไม่ใช่รัฐบาลนี้ที่จะรับภาระ


นางสาวศิริกัญญา กล่าวถึงสถานการณ์ภาวะเงินฝืด เนื่องจากตลาดเงียบเหงากำลังซื้อประชาชนอ่อนตัวลง ทางแบงค์ชาติ ชี้แจงว่าสถานการณ์ยังไม่เข้าสู่ช่วงเงินฝืด ซึ่งเงินเฟ้อติดลบเป็นหย่อมๆ จึงไม่เข้าเกณฑ์ภาวะเงินฝืด แต่ยอมรับว่าจะต้องมีการจับตาเรื่องกำลังซื้อที่อ่อนแอลง เพราะกำลังซื้อลงตลาดเงียบเหงา รายได้ของประชาชนลดลง

นางสาวศิริกัญญา กล่าวถึงกรณีที่กรรมาธิการมีมติไม่ให้ไลฟ์สด การประชุมกรรมาธิการ ว่า เข้าใจสถานการณ์ เพราะมีกรรมาธิการบางคนชี้แจงว่าตารางถ่ายทอดของทีวีรัฐสภาถูกล็อกไว้แล้ว จึงเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาคือถ่ายทอดสดผ่านยูทูป

ส่วนการพิจารณาของกรรมาธิการนั้นยอมรับว่าล่าช้าจากกำหนดการไปเพียง 1 สัปดาห์ แต่เชื่อว่ากติกามีความยืดหยุ่นในการพิจารณาได้ เพื่อทำงานให้มีประสิทธิภาพ ไม่ได้เป็นกังวลในกรอบและระยะเวลา 105 วัน ที่จะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด นับแต่สภาผู้แทนราษฎร รับร่างมา

สำหรับการตั้งเป้าการปรับลดงบประมาณ 50,000 ล้านบาท นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า สาเหตุการตั้งเป้าเนื่องจากรายได้เก็บไม่เข้าเป้า จึงเห็นว่ารายจ่ายจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ จึงควรตัดสินใจตั้งเป้าการตัดตั้งแต่วันนี้ หากไม่ได้ก็จะไปพิจารณาในวาระที่2 ต่อในที่ประชุมสภา หรือหากไม่ได้จริงๆก็จะทำรายงานเสนอต่อประชาชนว่าฝ่ายค้านพยายามปรับลดงบงบประมาณที่ไม่จำเป็น หรืองบประมาณในโครงการที่สุ่มเสี่ยงทุจริตแล้ว แต่ยังแพ้กรรมการเสียงข้างมาก

นางสาวศิริกัญญา ยังชี้แจงว่าครั้งนี้พรรคประชาชน ส่งนางสาวรัชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชนนั่งรองประธานกรรมาธิการงบประมาณคนที่ 18 ด้วย เห็นว่าปีที่แล้วกรรมาธิการสัดส่วนฝ่ายค้านมีโอกาสนั่งทำหน้าที่รองประธานและได้ขึ้นบัลลังก์ทำหน้าที่ประธานคือ วุฒิพงษ์ นามบุตร จากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งการเสนอครั้งนี้ก็เป็นโอกาสที่ฝ่ายค้านจะสามารถเดินเกมอะไรบางอย่างได้ ในเวลาที่กรรมาธิการซีกรัฐบาลไม่ได้มาทำงานตามปกติ และยืนยันคุณสมบัติความเหมาะสมของนางสาวรัชนกในการปฎิบัติหน้าที่รองประธานกรรมาธิการงบประมาณฯ.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]