“รักชนก” บอกนายกฯ เกรงใจทุนเทา จนแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้

รัฐสภา 25 มี.ค.- “รักชนก” บอกนายกฯ เกรงใจทุนเทา จนแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้ ทวงถามความคืบหน้า พ.ร.ก.ร่วมรับผิดชอบ บอกถ้า “ประเสริฐ” นั่ง รมว.ดีอี มา 2 ปีแล้วงานไม่คืบ ก็ควรปรับออก

นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน อภิปรายถึงปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่ยังมีความจำเป็นจะต้องถูกทำลาย ทั้งทุนต่างชาติสีเทาและทุนไทยเทา ซึ่งร่วมมือกันบ่อนทำลายประเทศ โดยปัญหานี้เกิดจากการที่นายกรัฐมนตรีจงใจ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง และกลุ่มทุน จงใจปล่อยให้เกิดการทจริตในระบบราชการ มองการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นจนทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีแนวทางการจัดการ ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะจบลงอย่างไร


นางสาวรักชนก ย้ำว่า ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากการที่เรามีนายกรัฐมนตรี ชื่อแพทองธาร ชินวัตร ทั้งๆ ที่ประเทศควรจะได้ตัวเลือกที่ดีกว่านี้ โดยความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน สะท้อนผ่านสถิติและตัวเลข ที่ปรากฏจากมูลค่าความเสียหายการหลอกลวงของแก็งสแกมเมอร์ และคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งข้อมูลใน 3-4 ที่ผ่านมานั้น คือ 80,000 ล้านบาท และตัวเลขนี้ก็อาจจะไม่ได้สะท้อนถึงความเสียหายที่แท้จริง เพราะยังคงมีคนที่ไม่ได้เข้ามาแจ้งข้อมูลด้วย ซึ่งอาจทำให้มูลค่าสูงถึงปีละ 100,000 ล้านบาท

ทั้งที่รัฐบาลเพื่อไทยเคยตั้งเป้าหมายอยากขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยอยากให้ประเทศเราเป็นฮับการท่องเที่ยว ดิจิทัล การบิน ขนส่ง แต่ตอนนี้สิ่งที่เราได้คือฮับของคนที่ทำทีว่า เป็นนักท่องเที่ยว แต่ที่จริงแล้ว เข้ามาทำธุรกิจสีเทา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ขนาดนายกรัฐมนตรีเองก็เคยเจอปัญหาเรื่องนี้เองกับตัวแล้ว


“นายกฯ พูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยว่า เกือบหลงเชื่อ พร้อมเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เหมือนเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้น เป็นอีเวนท์ชีวิตที่เอามาเล่าสนุกได้ แต่ถ้านายกฯ ลองคิดสักนิดว่า สิ่งที่ตัวเองเจอสะท้อนอะไร จะพบว่า คนที่ถูกห้อมล้อมด้วยการรักษาความปลอดภัยระดับนี้ มิจฉาชีพยังติดต่อได้ การปลอมเป็นผู้นำมาหลอก แปลว่าเขารู้ว่าเขากำลังคุยกับใคร ต้องค้นหาต้นตอว่าข้อมูลหลุดมาจากแหล่งไหน ถ้าเข้าถึงได้แม้กระทั่งนายกฯ ยังเกือบไม่รอด แล้วตาสีตาสาผู้เฒ่าผู้แก่ประชาชนธรรมดาที่ไม่ทันเกม ไม่ทันเทคโนโลยี พวกเขาจะเหลือหรือ“

นางสาวรักชนก กล่าวอีกว่า สิ่งที่ประชาชนอยากรู้คือขั้นตอนการแก้ไขปัญหา ไม่ได้อยากรู้ว่านายกรัฐมนตรีมีความตื่นเต้นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน เพราะถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วทำได้แค่นี้ เราไม่ต้องมีนายกรัฐมนตรีก็ได้

นางสาวรักชนก กล่าวถึงต้นน้ำของแก็งคอลเซ็นเตอร์อีกว่า การดำรงอยู่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ต้องอาศัยทรัพยากรจากไทยในการเกื้อหนุน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต อิฐหินปูนดิน น้ำมัน และคน ซึ่งในแต่ละกระบวนการ นายกรัฐมนตรีเอง เป็นคนที่มีอำนาจสั่งการสูงสุด แต่กลับปล่อยปละละเลยจนเละตุ้มเป๊ะไปหมด ซึ่งขณะนี้ยังมีถึง 18 จุดในชายแดน 3 ประเทศ ที่ยังคงใช้งานได้อยู่ จากนั้นได้ไล่เรียงเหตุการณ์ตัดไฟ ซึ่งมีรองนายกฯรัฐมนตรีสองคนเกี่ยวกันไปกันมาเป็นปี และตัวนายกรัฐมนตรีเองก็แทบจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เลย จนกระทั่งผู้ช่วยของรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนเดินทางมา จึงมีการดำเนินการ ทำให้สถานการณ์นี้ กลายเป็นสิ่งน่าเศร้า เนื่องจากต้องไปหวังว่า ทางการจีนจะกดดันให้รัฐบาลไทยมาทำหน้าที่ของตัวเองหรือไม่


นางสาวรักชนก ยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปจีน ซึ่งเดินทางไปก่อนหน้านั้น 1 วัน ตนเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าไม่ต้องมีการไปพบประธานาธิบดีจีน การตัดไฟโดยรัฐบาลไทย จะไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะภายหลังจากกลับมา นายกรัฐมนตรีระบุแค่ว่า ประธานประธานาธิบดีจีน ชอบกินทุเรียน และเรากำลังจะได้แพนด้าสองตัว

อย่างไรก็ตาม การตัดไฟเป็นเพียงก้าวแรก เพราะมีการตัดไปแค่ 5-6 จุด จากจำนวนทั้งหมด และจุดที่ตัดไปนั้น ก็มีเพียงแค่ฝั่งเมียนมา แต่ฝั่งที่มีการหลอกคนไทยเป็นหลักคือฝั่งกัมพูชา และน่าแปลกใจมากว่า การจัดการฝั่งกัมพูชา ควรจะง่ายกว่าจุดอื่นๆ เพราะดูเหมือนบุพการีของนายกประเทศไทย กับบุพการีของนายกกัมพูชา จะใกล้ชิดสนิทสนมกันเหลือเกิน ขนาดว่าออกจากชั้น 14 มาวันแรก ก็มาเยี่ยมก่อนใคร

”คุณทักษิณออกมาบอกเองว่า ลูกก็สนิทกัน พ่อก็สนิทกัน แล้วคนไทยได้อะไร สนิทกันแล้วประเทศไทยเราได้อะไรบ้าง เขาเคยอำนวยความสะดวกให้เราบ้างไหม ในพื้นที่ที่เป็นตึกสแกมเมอร์สร้างใหม่ล้ำสันปันน้ำประเทศไทยเราด้วยซ้ำ และกลายเป็นว่าความร่วมมือที่เราได้จากฝั่งกัมพูชามีน้อยมาก นายกฯ อย่าทำให้คนเขานินทาว่า ปราบเมียนมาอย่างหนัก แต่ไม่ทำอะไรที่ฝั่งกัมพูชาเลย เพราะนายกฯ เกรงใจเพื่อนสนิทพ่อ แต่เขาไม่เคยเกรงใจอะไรเราเลย”

นางสาวรัชนก กล่าวถึงกรณีท่าข้ามว่า จนถึงขณะนี้ ก็ยังไม่มีใครออกมาบอกว่า คนที่ต้องเป็นผู้ตัดสินใจคือใคร โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดตาก ที่มีความมั่นคงแข็งแรง และยั่งยืนยงขนาดนี้ ไม่ได้ถูกสร้างด้วยไม้ ซีเมนต์ หรือคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่ถูกสร้างด้วยเงินจากส่วยที่โปะเข้าไป เพื่อปิดหู ปิดตา ปิดปากเจ้าหน้าที่รัฐ ให้มองไม่เห็นสิ่งผิดกฎหมายจึงยังอยู่ได้จนจนถึงทุกวันนี้ เป็นเคล็ดลับที่ทำให้ตำรวจที่เส้นสายดีๆ ใครๆ ก็อยากไปทำงานที่แม่สอด

และตนขอตั้งคำถามว่า เครื่องบินที่บินไปแม่สอด ทั้งลำเป็นคนจีนหมดเลย ไปทำอะไรกัน เพราะการท่องเที่ยวในแม่สอด ก็ไม่ได้บูมขนาดนั้น แถมเมื่อไปถึงแล้ว ยังข้ามไปที่ประเทศเมียนมาไม่ได้ เพราะด่านผ่านแดนที่ถูกกฎหมาย อนุญาตให้เฉพาะคนไทยและเมียนมาเท่านั้น ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่เราจะต้องมีมาตรการในการจำกัดพื้นที่ฟรีวีซ่า โดยการห้ามนักท่องเที่ยวเข้าจังหวัดที่มีความเสี่ยง อย่างพื้นที่ชายแดนที่มีปัญหาคอลเซ็นเตอร์แบบนี้ ซึ่งต้องมารอดูกันว่า สุดท้ายนายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในเวลาอีกกี่เดือน

นางสาวรัชนก ยังกล่าวถึงปัญหาการค้ามนุษย์ว่า มีคนจำนวนมาก กลายเป็นแรงงานทาส ป้อนเข้าไปอยู่ในกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเน้นย้ำว่า กระบวนการทั้งหมดที่กล่าวมานี้ แค่เริ่มก้าวแรกที่ต้นน้ำ ก็ยังยากลำบาก หากเรามีนายกรัฐมนตรีที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร

ปัญหากลางน้ำต่อมา คือการจัดการการเข้าถึงตัวเหยื่อ อย่างเช่นกรณีซิมม้า ซึ่งมักมีการจ้างคนมาลงทะเบียน โดยค่ายมือถือเองก็รู้ว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีวิธีการหาซิมม้าแบบไหน แต่นั่นไม่ใช่หน้าที่ที่เขาต้องมาพิทักษ์ผลประโยชน์ของประชาชน พร้อมตั้งคำถามว่า แม้จะมีข่าวจับซิมเถื่อนให้เห็นอยู่เนืองๆ แต่มีแนวโน้มจะลดลงหรือไม่ เพราะจับไปค่ายมือถือก็ออกซิมใหม่มาขาย จับไปเยอะๆ ก็ดี เขาจะได้ยิ่งขายซิมใหม่ ยิ่งมีกำไรเพิ่ม และพระราชกำหนดที่จะให้ค่ายมือถือร่วมรับผิดชอบอยู่ที่ไหน ตอนนี้ค่ายมือถือเอง ยังมีการเพิ่มแพ็คเกจประกันภัยไซเบอร์แล้ว กลายเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่เกิดจากความล้มเหลวของรัฐบาลอย่างแท้จริง ตลอดจนกรณีบัญชีม้า ซึ่งยังไม่มีการสั่งขยายผลสาวไปถึงตัวใหญ่ และตรวจไปที่คริปโตแต่อย่างใด เนื่องจากเรารู้กันอยู่แล้วว่า การฟอกเงินส่วนใหญ่มักจะฟอกผ่าน P2P จึงทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่าการที่ไม่จัดการปัญหานี้ นอกจากจะจงใจไม่ควบคุม ปล่อยให้อะไรเทาๆ อยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

จากปัญหาที่กล่าวมาทั้งหมด “ท่านนายกฯ ลองสะกิดท่านประเสริฐหน่อยไหม นั่งแช่เก้าอี้เป็นรัฐมนตรีดีอีมา 2 ปี พรก.ยังไม่คลอด ถ้าพูดกันตามหลัก 2 ปีงานไม่คืบ ต้องปรับออกแล้ว แต่สุดท้ายคงไม่เกิดขึ้น เพราะท่านประเสริฐเป็น โควตาทุนกลุ่มไหน ใครก็รู้”

สิ่งที่สำคัญที่สุดในกระบวนการกลางน้ำ คือเรื่องข้อมูลรั่วไหล ซึ่งเห็นได้ชัดว่า นายกรัฐมนตรีทำให้กระบวนการทุกอย่างติดขัดไปหมด เพราะจะแก้เรื่องไหน ก็ติดประโยชน์ของกลุ่มทุนทั้งนั้น

ปัญหาปลายน้ำ จึงควรมีการปราบปรามทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบไบโอแมทริกซ์ เพื่อสกัดกั้นอาชญากร การจับกุมไทยเทา ที่อำนวยความสะดวกให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กวาดล้างออกหมายจับเจ้าของบ่อนการพนัน อย่างหม่องชิดตู ที่เป็นคนสำคัญ รวมถึงตือ คอสโม่ ด้วย ถ้าเรื่องแค่นี้ นายกรัฐมนตรียังทำไม่สำเร็จ ท่านไม่ต้องมีหน้าไปว่าใครเรื่องภาวะผู้นำเลย ว่าต้องมีภาวะผู้นำก่อน ถึงค่อยมาว่าคนอื่น เพราะตัวนายกรัฐมนตรีเองก็ไม่มี

ดังนั้น หากรัฐบาลไม่แก้ไขปัญหาที่ต้นตอแบบถอนรากถอนโคน ไม่กล้าแตะต้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุน เพราะไม่ว่าจะทุนกลุ่มไหน ก็เคยร่วมโต๊ะอาหารกับพ่อนายกรัฐมนตรีทั้งนั้น ไม่กล้าจัดการไทยเทา เพราะจะหันไปทางไหน ก็เป็นลูกของใครสักคนของพ่อนายกฯ แม้กระทั่งระบบปกป้องประเทศ ก็ไม่อนุญาตให้จัดทำ การคอร์รัปชั่นที่มีในทุกระดับ แต่นายกฯ ทำเป็นมองไม่เห็น ทำให้ประเทศเรากลายเป็นดินแดนสวรรค์ของมิจฉาชีพ ที่ปัญหาทุกอย่างติดขัดทุกส่วนเช่นนี้ แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแพทองธาร ชินวัตร ที่ไร้ความสามารถ”.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]

บ้านดอนตัน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังจมน้ำ

น่าน 18 ก.ค. – “บ้านดอนตัน” จ.น่าน กว่า 100 หลังคาเรือน ยังคงจมน้ำ น้ำใจหลั่งไหลเข้าช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย รวมทั้งเยาวชนฝีพายเรือแข่งอำเภอท่าวังผา ขนน้ำดื่มลงเรือแจกจ่ายช่วยชาวบ้าน สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.น่าน ยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ชาวบ้านกว่าร้อยหลังคาเรือนยังอาศัยอยู่ท่ามกลางน้ำท่วมขัง ระดับน้ำในพื้นที่สูงกว่า 1 เมตร ประชาชนต้องย้ายสิ่งของขึ้นชั้น 2 เพื่อความปลอดภัย ส่วนผู้อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียว ต้องอพยพไปพักอยู่กับญาติในพื้นที่ใกล้เคียง หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชนและจิตอาสา ระดมกำลังเข้าช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยจัดส่งอาหาร น้ำดื่มและสิ่งของจำเป็น โดยเฉพาะเยาวชนฝีพายเรือแข่งจากบ้านสบหนอง อำเภอท่าวังผา นำเรือออกให้ความช่วยเหลือในการขนส่งน้ำดื่มและอาหารไปยังบ้านที่ถูกน้ำล้อม เพื่อส่งต่อถึงผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้าน ผู้ใหญ่บ้านดอนตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและ มีแนวโน้มลดลง แต่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและอยู่ติดแม่น้ำยังคงมีน้ำท่วมสูง โดยเฉพาะในพื้นที่การเกษตรที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งไร่ข้าวโพดและลำไย รวมกว่า 2,000 ไร่ ถูกน้ำท่วมเสียหายทั้งหมด ขณะที่หมู่บ้านใกล้เคียงในพื้นที่ ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ได้แก่ […]