วังนันทอุทยาน 19 พ.ค.- กองทัพเรือจัดงานวันอาภากร น้อมรำลึก พระกรุณาคุณองค์บิดาของทหารเรือไทย ประจำปี 2568
พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวางพวงมาลา ณ พระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ พระอนุสาวรีย์ฯ หน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร โดยมี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพเรือ ราชสกุลอาภากร สมาคมภริยาทหารเรือ ตลอดจนผู้แทนหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ร่วมพิธี
ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้อ่านคำประกาศพระเกียรติคุณแด่ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระปรีชาสามารถของพระองค์ จากนั้น ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนราชสกุลอาภากร ผู้แทนสมาคมภริยาทหารเรือ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองทัพเรือในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนผู้แทนหน่วยราชการนอกกองทัพเรือ ร่วมวางพวงมาลา


พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 ทรงเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาโหมด ในปีพุทธศักราช 2436 เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือ ณ ประเทศอังกฤษอันเป็นประเทศต้นแบบของการทหารเรือ พระองค์ท่านจึงนับเป็นพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์แรก ที่ได้ศึกษาวิชา การทหารเรือในต่างประเทศ ณ เวลานั้น กิจการทหารเรือในด้านต่าง ๆ ยังมิได้มีรากฐานมั่นคงและนายทหารเรือที่เป็นคนไทยที่มีความรู้วิชาการทหารเรือมีจำนวนน้อย ต้องว่าจ้างชาวต่างประเทศมาปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยต่าง ๆ ของกรมทหารเรือ เมื่อพระองค์ทรงสำเร็จการศึกษา ในปีพุทธศักราช 2443 ทรงเข้ารับราชการในกระทรวงทหารเรือ ด้วยพระปณิธานอันตั้งมั่นที่จะปฏิรูป และพัฒนาการทหารเรือให้มีรากฐานที่มั่นคง เข้มแข็ง และเป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการ
กรมทหารเรือ พระองค์ได้ทรงจัดระเบียบราชการกรมทหารเรือขึ้นใหม่ ส่งผลให้การปฏิบัติงานไม่ซ้ำซ้อนและการปกครองบังคับบัญชา มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทรงจัดทำโครงการป้องกันประเทศทางทะเลอันประกอบด้วยความต้องการกำลังรบทางเรือ และแนวคิดในการใช้กำลังทางเรือ ซึ่งถือเป็นแผนการทัพฉบับแรกของกรมทหารเรือ ทรงปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาของโรงเรียนนายเรือ ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น และได้ทรงนำนักเรียนนายเรือ ออกฝึกภาคต่างประเทศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยเรือหลวงมกุฎราชกุมาร ซึ่งใช้กำลังพลประจำเรือที่เป็นคนไทยทั้งหมด เมื่อครั้งทรงดำรงตำแหน่งเสนาธิการทหารเรือ พระองค์ทรงเห็นการณ์ไกลว่าบริเวณอ่าวไทยตอนบนนั้น จุดยุทธศาสตร์ทางทะเลมที่ดีที่สุด คือ บริเวณอ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จึงทรงขอพระราชทานที่ดิน ที่อำเภอสัตหีบ จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อใช้เป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยกำลังรบที่สำคัญของกองทัพเรือจนปัจจุบัน
นอกจากพระปรีชาสามารถด้านการทหารเรือแล้ว พระองค์ทรงศึกษาค้นคว้าตำราแพทย์แผนไทยตำรับยาแผนโบราณ และรวบรวมลงในสมุดข่อยด้วยลายพระหัตถ์พร้อมกับเขียนรูปลงสีด้วยพระองค์เอง และทรงให้การรักษาราษฎรที่เจ็บป่วยโดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ จนพระเกียรติคุณนาม “หมอพร” เป็นที่รู้จักไปทั่วทุกสารทิศอีกทั้งทรงมีพระปรีชาสามารถด้านศิลปะ ทรงเขียนภาพลายไทยที่งามวิจิตรดังปรากฏในผนังโบสถ์วัดปากคลองมะขามเฒ่า จังหวัดชัยนาท และทรงพระนิพนธ์บนเพลงทหารเรือที่มีเนื้อหาปลุกใจให้เข้มแข็ง เป็นการปลูกฝังนายทหารเรือให้มีความรักชาติ รักแผ่นดิน และมีความสามัคคี อันเป็นเอกลักษณ์ที่ดีงามของทหารเรือ ซึ่งยังคงขับร้อง
กันอย่างแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน-313 .-สำนักข่าวไทย