พรรคเพื่อไทย 13 พ.ค.- “แพทองธาร” แสดงวิสัยทัศน์ โครงการ Pheu Thai YPP หวังสร้างคนรุ่นใหม่สนใจ-เข้าใจ ทำการเมืองอย่างตรงไปตรงมา เชื่อจะเป็นพลังสำคัญดันเพื่อไทยและประเทศเดินหน้าอย่างเข้มแข็ง
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แสดงวิสัยทัศน์ในงานเปิดโครงการ Young Professionals Program หรือ Pheu Thai YPP ซึ่งเป็นหลักสูตรฝึกอบรมปั้นคนรุ่นใหม่ให้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสร้างการเติบโตของพรรคและการมีส่วนร่วมระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชนโดยมีนักเรียน นักศึกษา ภาคประชาชนเข้าร่วม
โดยนางสาวแพทองธาร ได้กล่าวทักทายสมาชิกพรรคเพื่อไทย รวมถึงสมาชิกในอนาคต ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตนมีความรัก ความผูกพัน พร้อมกับความหวังดีให้พรรคมาตลอด ซึ่งจากการที่ได้ลงไปทุกภาคส่วน ทั้งการทำงานของ สส. ได้เรียนรู้ว่าการดูพื้นที่เป็นอย่างไรจากผู้ใหญ่ในพรรคที่เคารพนับถือ รวมถึง สส. รุ่นใหม่ที่ทำพื้นที่
นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวว่า ตอนตนอยู่ในพรรคก่อนมาเป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เป็นหัวหน้าครอบครังเพื่อไทย จนเป็นหัวหน้าพรรคก็ได้ทำงานหลายอย่าง ก่อนจัดตั้งรัฐบาลจนจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ ประสบการณ์ที่ผ่านมาได้เห็นอะไรมากมาย อยากพัฒนาพรรคให้ไปข้างหน้า เพื่อให้ทันโลกในยุคปัจจุบัน
นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า คนรุ่นเราบางทีก็ไม่สนใจการเมือง ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเป็นความชอบส่วนบุคคล แต่พรรคเรามีความน่ารักและความโชคดีหลายอย่าง เรามีด้อมเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกกับสส.หญิงของพรรค เช่น พี่อิ่ม (นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย) พี่น้ำ (นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี )หรือสส.คนอื่นๆที่มีแฟนคลับ นี่เป็นสิ่งที่เราได้ Connect กับคนรุ่นใหม่ผ่านความชอบ ความนิยมแบบใหม่
“ที่ผ่านมาตนได้ทำงานกับเพื่อไทยอคาเดมี่ ซึ่งเป็นทีมที่ตั้งขึ้นมาและมีความเข้มแข็งอย่างมาก ในการเตรียมข้อมูลเรื่องความพร้อมของ สส. ที่จะขึ้นไปอภิปรายให้สัมภาษณ์กับสื่อรวมถึงการเป็นวิทยากร เป็นฝ่ายหาข้อมูลความพร้อมให้สส.และเรียบเรียงไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อส่งต่อและสื่อสารกับประชาชน และทุกวันนี้ก็ยังสนับสนุนข้อมูลให้กับรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ซึ่งเราพยายามหาข้อมูลและสิ่งที่ถูกต้องอธิบายให้กับประชาชน”นางสาวแพทองธาร ระบุ
นางสาวแพทองธาร กล่าวด้วยว่า วันนี้เราต้องการเปิดพื้นที่ใหม่ๆ ตนพูดอยู่เสมอว่าการที่เรามีคนที่มีประสบการณ์มาก จะเรียกว่าเป็นรุ่นเก่าไม่ได้ เขาอาจจะเก่าในเรื่องของกาลเวลาแต่เขาเก๋ามาโดยตลอด ซึ่งตนก็ยกหูถามรุ่นเก๋ามาโดยตลอด และได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อหน้าที่การงาน แต่พลังของคนรุ่นใหม่ที่นั่งอยู่ตรงนี้ ซึ่งยังไม่มีตำแหน่งทางการเมืองก็เป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคตแน่นอน เพราะการมีความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มีการเปิดรับมากขึ้นจะทำให้มีการยอมรับและถูกพิจารณามากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนตั้งใจอยากจะผลักดันต่อ
“เมื่อตนเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ก็จะไม่ยอมปล่อยคำตรงนี้ไปอย่างน่าเสียดาย อยากจะผลักดันคนที่มีอายุน้อยเข้าใกล้ เข้าใจและสนใจการเมืองมากขึ้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่าพรรคเพื่อไทยมีประวัติมายาวนาน ตั้งแต่รุ่นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ก่อตั้ง มีคนที่อยู่ตั้งแต่สมัยนั้นมาจนถึงทุกวันนี้ที่ยังทำงานอย่างแข็งขันและสนับสนุนกันมาตลอด ซึ่งการที่เขาอยู่มานานขนาดนี้ เพราะมีความเชื่อบางอย่างที่ตรงกัน และเชื่อว่าโอกาสว่าจะสามารถพัฒนาประเทศได้ และมีนโยบายมากมายที่พรรคเพื่อไทยทำแล้วมีทั้งประสบความสำเร็จและไม่สำเร็จแต่ก็อยากผลักดันให้เกิดขึ้นให้ได้
“สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องการจะทำต่อ เราไม่ได้ต้องการจะสร้างผู้นำ แต่ต้องการจะสร้างคนใหม่ๆ ที่เป็นทีมแห่งอนาคต เป็นคนที่พร้อมจะทำอนาคตที่สดใส พร้อมจะลงมือร่วมกันพัฒนาประเทศให้ไปข้างหน้าได้ วันนี้การที่จะทำให้รุ่นใหม่และรุ่นที่ทำงานอยู่ในปัจจุบันต่อเนื่องกันได้ ต้องอาศัยพลังทุกคนร่วมกันพัฒนาองค์กรเพื่อไทยให้ไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งขึ้น ให้พรรคเพื่อไทยเข้าใจในทุกอายุเพิ่มมากขึ้น เพราะเราจะเป็นพรรคที่เปิดกว้างพรรคที่ยอมรับความคิดเห็น ยอมรับในทุกภาคส่วน ทุกอายุ เพราะเราถือว่าคนทุกช่วงวัย มีประสบการณ์แตกต่างกัน และอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นพื้นที่แห่งโอกาสให้คนทุกรุ่นทุกวัย”
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า โครงการนี้ จะคัดคนที่ตรงเป้าที่เราอยากพัฒนา โดยช่วงแรกจะโฟกัสในพื้นที่
กรุงเทพมหานคร และในอนาคตจะเปิดรับเพิ่มขึ้น เพื่อพัฒนาโครงการให้เกิดความเข้มแข็ง เป็นการเตรียมคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจการเมืองอย่างถูกต้อง ไม่อยากให้เข้าใจว่าการเมืองเป็นเรื่องเล่นๆ หรือเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องตรงไปตรงมา จริงๆการเมืองควรจะตรงไปตรงมามากกว่านี้ และสามารถหาความรู้จากการเมืองได้ นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจและอยากเห็นคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมกันในพรรคเพื่อไทย นี่เป็นความตั้งใจส.ส. และทีมงานพร้อมจะร่วมมือและทำงานกับคนรุ่นใหม่เพื่อพัฒนาพรรคของเราให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เข้าถึงทุกกลุ่มทุกวัยมากยิ่งขึ้นและตนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการเข้ามาในโครงการนี้ จะไม่ใช่แค่สร้างผู้นำ แต่จะทำสังคมให้เข้มแข็ง และเป็นพลังใหม่ๆ ที่จะทำให้ประเทศของเรามีความหวัง ก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งต่อไปในอนาคตแน่นอน .-316 -สำนักข่าวไทย