“อนุทิน” ขอบคุณนายกฯ ให้ความสำคัญปกครองท้องถิ่น

รีรัมย์ 3 เม.ย. – “อนุทิน” ลั่นมหาดไทยยุคผมต้องไม่แบ่งพรรคแบ่งพวก เปรียบเป็นนักกอล์ฟเล่นสุดตัว ไม่ซ้ำลูกพรรคแพ้เลือกตั้ง ลั่นอนุมัติลูกเดียว เหตุผู้ว่าฯ ทำงานแทนประชาชน​ ขอบคุณนายกฯ ให้ความสำคัญปกครองท้องถิ่น


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่น” ในโครงการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านการบริหารราชการระหว่างภูมิภาคและท้องถิ่นเพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง มาร่วมรับฟังในครั้งนี้

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า กระทรวงมหาดไทยต้องการให้การทำงานบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งภาคข้าราชการประจำและภาคการเมืองทุกคน ทำการบริหารจังหวัด เราต้องการให้นโยบายต่างๆ ของรัฐบาล และนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดถูกหล่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้มากที่สุด หลายคนเพิ่งผ่านการเลือกตั้งนายก อบจ. ตนขอแสดงความยินดีที่วันนี้มาครบทุก 76 จังหวัด เป็นนิมิตหมายที่ดี เมื่อเช้านายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติพวกเราทุกคนมาทำพิธีเปิดการประชุม นี่คือภาพยืนยันว่า “รัฐบาลเราขับเคลื่อนประเทศจะมีพรรคการเมืองไม่ได้ เราเป็นรัฐบาล เราเป็นคนที่ประชาชนเลือกมา ถ้าคิดว่าเป็นงานของมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ได้อยู่พรรคเดียวกับนายกรัฐมนตรี หากคิดแบบนี้ผิดตั้งแต่แรก เป็นรัฐบาลจะแบ่งพรรคแบ่งพวกไม่ได้ ทำงานต้องมีสปิริต ตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถ้าคิดในแง่การเมืองนิดเดียว ผมต้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรี” นี่คือโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะได้เจอได้เห็นหน้ากับผู้บริหารฝ่ายปกครองท้องถิ่นและผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ


นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายก อบจ. ที่เป็นมือไม้สำคัญในการช่วยนำนโยบายของรัฐบาลไปบริหาร ผ่านการบริหารระบบราชการ เรื่องของบ้านเมืองและประชาชนไม่มีพรรคการเมือง มีแต่รัฐบาลเดียวกันที่จะคอยสนับสนุนและให้ความร่วมมือ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ตนอยู่กระทรวงมหาดไทยโชคดีที่มีพื้นฐานทางการเมืองระดับหนึ่ง ทำให้คุ้นเคยกับพรรคการเมือง และสมัยรัฐบาลที่แล้วตนอยู่กระทรวงสาธารณสุข เปรียบเหมือนมหาดไทยทางการแพทย์ที่ดูแลทุกจังหวัด มีโอกาสสัมผัสกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายก อบจ. ถึงแม้ว่าบางคนเป็นมือใหม่ป้ายแดงแต่ก็พวกกัน 76 จังหวัดถือว่าเป็นพวกเดียวกันหมด เราเป็นมืออาชีพเพียงพอ บางจังหวัดเป็นสายงานของอีกกลุ่มหนึ่งพรรคการเมืองหนึ่ง แต่วันนี้การทำงานไม่มีเรื่องของแบ่งแยก การให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายก อบจ. อยู่ร่วมกัน ความล้มเหลวเกิดขึ้นไม่ได้จะต้องมีความสำเร็จและประสิทธิภาพ เป้าหมายเราทุกคนคือประชาชนต้องได้รับประโยชน์สูงสุด ต้องอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ต้องมีเงิน มีอาชีพ มีโอกาส นี่คือเจตนารมย์ของคำว่า บำบัดทุกข์บำรุงสุข เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข นี่คือเป้าหมายของพวกเราทุกคน อีกไม่กี่เดือนก็ครบสองปีที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย “เป็นรัฐมนตรีเดินทางต่างประเทศไม่ได้ก็เดินทางในประเทศให้เยอะที่สุด ไม่ต้องอยู่บ้านเฉยๆ ทำให้คุ้นเคยและรู้จักนายก อบจ. แต่ละคนมากขึ้น”

นายอนุทิน​ กล่าวว่า​ การมาที่จังหวัดบุรีรัมย์ ต้องการให้เกิดแรงบันดาลใจให้กับนายก อบจ.ทั้งหลายที่ต้องการพัฒนาให้พื้นที่ ทุกอย่างต้องเกิดจากประสบการณ์ ความกล้า ความท้าทาย และการติดตามอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาเมืองก็จะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งต้องพัฒนาให้ทุกจังหวัดเป็นเมืองน่าเที่ยว ไม่ใช่เมืองหลักเมืองรองอีกต่อไป ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายก อบจ. จะต้องช่วยกันหาเอกลักษณ์ให้จังหวัด ให้เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา


นายอนุทิน กล่าวถึงนโยบายของกระทรวงมหาดไทยในยุคตนเอง ว่า 1.การปราบปรามผู้มีอิทธิพล รวมทั้งหนี้นอกระบบให้ใช้กลไกของรัฐเข้าไปช่วยเหลือ “ผู้ว่าฯและนายก อบจ. คือผู้มีอิทธิพลตัวจริงแต่เป็นผู้มีอิทธิพลที่สร้างความดีให้กับประชาชน ท่านจับมือกันเมื่อไหร่โจรหมดเมือง ไม่มีใครสามารถทานพลังของผู้ว่าราชการจังหวัดได้ และผนวกกับความร่วมมือของนายก อบจ.” ถ้าตนเป็นผู้ว่าฯ จะความคิดของคนเหล่านั้นให้นำอิทธิพลมาใช้ประโยชน์

2.ยาเสพติด เราเป็นศัตรูกับผู้มีอิทธิพล ต่อต้าน ทำลาย ปราบปรามอย่างมีประสิทธิภาพที่ติดต้องพึ่งองค์กรปกครองท้องถิ่นที่รู้ความเคลื่อนไหวในชุมชน สิ่งที่ตนเชื่อคือ ทำพร้อมกัน ทำอย่างต่อเนื่อง ปัญหาปราบปรามยาเสพติดจะได้รับการจัดการเช่นเดียวกับปัญหาของผู้มีอิทธิพล

3.สร้างอาชีพ เปิดโอกาสให้คนมีรายได้ ช่วยผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ของประชาชนมีประสิทธิภาพและราคาดี ดังนั้นทุกจังหวัดจะต้องมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลเรื่องเศรษฐกิจ ในการประสานงานกับประชาชน เพื่อให้เกิดความเติบโตทางเศรษฐกิจ

4.ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและสร้างความเข้มแข็ง ของเศรษฐกิจฐานราก ทุกจังหวัดต้องมีแรงดึงดูดให้คนมาท่องเที่ยว และผู้ว่าฯ ทุกคนได้รับการจัดสรรงบประมาณในการดูแลจังหวัด

“ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของทุกคน ไม่ใช่เฉพาะนายก อบจ. หรือจังหวัดที่มี สส.พรรคภูมิใจไทย ไม่ต้องกังวลผมแยกเป็น และผมชอบการแข่งขัน“นายอนุทิน​ กล่าว

โดยช่วงหนึ่ง นายอนุทิน​ ได้เปรียบการทำงานเหมือนการตีกอล์ฟ เมื่อมีการแข่งขันเลือกตั้งทั่วไป​ ท่านอยู่พรรคไหน​ เราอยู่พรรคไหนก็แข่งขันกัน​ เหมือนตีกอล์ฟ​ ตนคิดอย่างนี้จริงๆ เวลาลูกพรรคภูมิใจไทยแพ้เลือกตั้ง ตนไม่เคยว่าเขาเลย​ ใครแพ้มา​ ตนบอกโอ้ยคุณนี้สมควรแพ้​ ไม่มี​ ไม่เคยซ้ำเติมเขา ถ้าเขาแพ้บอกว่าเขาทำงานไม่พอ​ เที่ยวหน้าต้องเอาให้หนักกว่านี้​ ไม่มีซ้ำ เพราะซ้ำเท่ากับว่าตัวเองแต่ถามว่าทำดีที่สุดแล้วหรือยัง เหมือนตีกอล์ฟซัดเข้าไปเต็มๆ ไม่เคยออมมือ ที่แพ้เพราะหลุมนั้นตีไม่ดีสู้เขาไม่ได้​ ตนมีความคิดแบบนี้จริงๆ จึงอยากให้ท่านทั้งหลาย​ อย่าปล่อยโอกาส​ พวกเราทุกคน​ล้วนแล้วแต่มีความสัมพันธ์และความผูกพัน มีความรักรอยยิ้มให้กันกระทรวงมหาดไทย

นายอนุทิน​ ยังระบุอีกว่า​ วันที่อนุทินเป็นรัฐมนตรี จะกี่เดือน​ กี่ปีก็แล้วแต่​ ไม่สำคัญมันสำคัญที่ มท.​1 เรียกปลัดว่าพี่ เรียกอธิบดีว่าพี่ เรียกผู้ว่าฯและนายก อบจ.ว่าพี่ และท่านเหล่านั้นก็เรียกตนว่าพี่เหมือนกัน หลัก วปอ.เรียกกันว่าพี่ทั้งหมด​ ทั้งรัก​ ทั้งผูกพัน​ ทั้งเกรงใจ สิ่งเหล่านี้เมดอินไทยแลนด์หมดฝรั่งไม่มี คนจีนก็ไม่มี​ มีแต่ประเทศไทย มีกุศโลบายที่ดีมาก​ เมื่อเรียกว่าพี่กัน บางทีอัดกันแรงๆก็ลดลงมาหน่อย​ แต่พอคุยไปคุยมาแล้วมันเกิด ความผูกพันก็จะเกิดขึ้น แล้วความร่วมมือจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร

นายอนุทิน​ ยังยืนยันว่า​ ไม่มีวันที่จะใช้อำนาจที่มีอยู่ ไปทำให้คนที่เรารู้สึกชอบ​ ไม่ชอบ​ ได้ดีได้เสีย ผมเป็นคนที่เคารพในแนวทางที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจว่า ทุกคนที่ทำงานเป็นคนที่ฝีมือมีน้ำใจมีความเข้าใจประชาชนแบบทุ่มเททุกคน ถือว่าเราจะต้องทำงานด้วยกันได้อย่างมีคุณภาพ​ และย้ำว่าจะอนุมัติอนุมัติอนุมัติไม่ใช่อนุมัติให้ท่านแต่อนุมัติให้กับประชาชน ถ้า ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็เป็นประชาชนของผมเหมือนกัน เพราะถ้าผมบอกว่าไม่อนุมัติ ประชาชนจะยอมหรือ เป็นไปไม่ได้ดังนั้น​ จึงขอให้มั่นใจ งบประมาณมหาดไทย 4 แสนกว่าล้าน วันหนึ่งผมก็เคยมีเงินอยู่แสนกว่าบาทก็เคยหมุนเงินได้​ วันนี้กระทรวงมหาดไทยก็มีคนหมุนเงินเก่งไว้คนนึงเช่นกัน ทำได้หมด​ ขอให้มั่นใจ​ แล้วเรามาหาวิธีในการทำงานร่วมกัน.-319​ -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย