“อังคณา” ห่วง “40 อุยกูร์” ถูกส่งกลับจีน วอนเปิดให้เยี่ยม

ฐสภา 28 ก.พ.- “อังคณา” ห่วง “40 อุยกูร์” ที่ถูกส่งกลับจีน วอนเปิดให้เยี่ยม เผยเคยส่งหนังสือถึงกมธ.วุฒิสภา ขอไปประเทศที่ 3 ไม่ขอกลับ ยันรัฐบาลพูดไม่จริง เพราะมีประเทศที่สามรับ พร้อมตั้งข้อสงสัย นายกฯ ไปจีนมีข้อตกลงอะไรหรือไม่ หลังกลับมามีการส่งกลับทันที ชี้มีเงื่อนงำ ปิดเทปดำที่กระจก – จนท.ตม.ที่ดูแลผูลี้ภัยถูกให้ออกจากสำนักงานวันส่งตัว


นางอังคณา นีลไพจิตร สมาชิกวุฒิสภาในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิ เสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงย้ำว่ากรรมาธิการฯมีความกังวลและห่วงใยต่อการส่งชาวอุยกูร์ 40 คนกลับจีน ซึ่งที่ผ่านมา กรรมาธิการฯได้รับหนังสือจากชาวอุยกูร์ เมื่อปลายปี 2567 เพื่อส่งให้ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ที่ระบุว่าไม่ประสงค์จะกลับประเทศจีน ขณะที่กรรมาธิการฯ ทำหนังสือถึงสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเพื่อขอเข้าเยี่ยม 3 ครั้งแต่ถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยม และเชิญกรรมาธิการฯไปพบที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแจ้งวัฒนะแทน หลังจากนั้นกรรมาธิการฯ จึงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเข้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรมเข้าให้ข้อมูล ซึ่งทุกหน่วยงานต่างยืนยันว่าจะไม่มีการส่งชาวอุยกูร์กลับประเทศต้นทาง

นางอังคณา กล่าวว่านอกจากนี้ตนได้โทรศัพท์คุยกับเลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติด้วยตัวเองก็ยืนยันว่าไม่มีคำสั่งให้ส่ง แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กรรมาธิการฯ รู้สึกว่าการที่รัฐบาลแถลงว่าอุยกูร์สมัครใจกลับ เป็นการปกปิดข้อเท็จจริง และคิดว่าไม่มีใครเชื่อ เพราะสิ่งที่ได้รับมาตลอดไม่ได้เป็นแบบนั้น และตอนเป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเคยไปเยี่ยมผู้ลี้ภัยเหล่านี้หลายครั้ง ทุกคนแจ้งความจำนงอย่างเดียวคือ ต้องการไปตั้งรกรากถิ่นฐานในประเทศที่สาม และตอนที่หน่วยงานรัฐมาชี้แจง ก็มีหลายประเทศยินดีที่จะรับอุยกูรเหล่านี้ไปตั้งรกราก แต่สิ่งที่รัฐบาลแถลงว่าไม่มีประเทศไหนรับ ขอเรียนตรงตรงว่าไม่เป็นความจริง ตนจึงมีความห่วงใยและกังวลอย่างมากว่าสิ่งเหล่านี้จะกระทบต่อความน่าเชื่อของประเทศในเวทีโลกด้วย ทำให้เห็นว่าประเทศไทยไม่เป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับคนที่ต้องการลี้ภัย หรือเพื่อต้องการแสวงหาที่พักพิงต่อไป ก็หวังว่ารัฐบาลจะชี้แจงข้อเท็จจริง และนำความจริงมาเปิดเผย เพราะภาพที่เห็ ดูจากสีหน้าของชาวอุยกูร์ เหล่านั้นไม่ยินดีที่จะกลับไป และครอบครัวของคนเหล่านั้รก็อยู่ที่ปากีสถานอยู่แล้ว แต่ผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้กลับถูกส่งไปจีน ซึ่งมีสถานที่เรียกว่าค่ายอบรม ที่ไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมได้ จึงถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง


สำหรับกรณีที่ มีภาพเลขาธิการสมช. ไปรอรับตามที่สถานทูตจีนโพสต์ภาพนั้น นางอังคณา กล่าวว่าสิ่งที่มาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการฯเป็นการพูดไม่จริงทั้งหมดเพราะสิ่งที่เราได้รับมา ต่างจากที่หน่วยงานรัฐได้ข้อมูลและวานนี้ (27 ก.พ) ตนได้โทรศัพท์ไปประสานกับหลายหน่วยงาน ทั้งระดับรัฐมนตรีจำนวนมากแต่ไม่มีใครรับสายเลย และทราบว่าเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติไปรอรับที่จีนแล้ว และทราบว่าตั้งแต่เวลา 02.00 น. ของวันที่ 27 ก.พ. เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่เป็นผู้ดูแลผู้ลี้ภัย ถูกสั่งให้ออกนอกสำนักงาน และวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าหน่วยงานใดที่เป็นคนที่มารับอุยกูร์ทั้ง 40 คนออกไป และการปิดเทปดำที่กระจก ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้ว่าข้างในมีปฏิกิริยาอย่างไร หรือเกิดอะไรขึ้น ซึ่งโดยปกติจะเห็นว่าอุยกูร์ จะพยายามส่งเสียง มีส่งสัญญาณออกมา แต่การติดเทปดำเพื่อไม่ให้โอกาสคนที่อยู่ในรถได้ส่งเสียง หรือร้องขอความช่วยเหลือเลย ซึ่งตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครรับได้และ ตนไม่ทราบว่ารัฐบาลไทย ไปรับปากอะไรกับรัฐบาลจีนไว้ แต่ไม่ควรนำสิทธิของคนบริสุทธิ์มาแลกเปลี่ยน

นางอังคณา กล่าวด้วยว่าที่ผ่านมารัฐบาลพยายามมาโดยตลอดที่จะนำผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้กลับ และคิดว่าการที่นายกรัฐมนตรีไปพบกับประธานาธิบดีของจีน น่าจะเป็นการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีการพูดคุยอะไรกัน แต่คิดว่าน่าจะมีอะไรที่แลกเปลี่ยนเป็นการขอให้ส่งอุยกูร์ กลับ และเมื่อนายกรัฐมนตรีกลับมาคนเหล่านี้ก็ถูกส่งตัวกลับไป ซึ่งเท่าที่ทราบ มี 1 ใน 40 คน เป็นผู้ป่วยติดเตียงตอนอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งก็หวังว่าจะได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรมและจะไม่ถูกส่งกลับไปด้วย

ส่วนการที่รัฐบาลยืนยันว่า แต่ว่าไม่มีประเทศที่สามรับอุยกูร์นั้น นางอังคณายืนยันว่า ในวันที่หน่วยงานต่างๆ มาชี้แจง ตนก็บอกไปแล้วว่ถ้าอยากจะรู้ว่าประเทศไหนพร้อมจะรับ เรายินดีที่จะบอก แต่ขออนุญาตไม่เปิดเผย และถ้ารัฐบาลมีเจตนาดีในการคุ้มครองบุคคลกลุ่มนี้ท างกรรมาธิการก็พร้อมที่จะติดต่อประเทศที่สาม เพื่อให้คนกลุ่มนี้ไปตั้งรกราก


พร้อมย้ำว่สการส่งกลับอุยกูร์ ส่งผลใหเมีแถลงการณ์จากหลายหน่วยงาน ทั้งจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ และรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาก็ออกแถลงการณ์ โดยใช้คำค่อนข้างรุนแรงว่าเป็นการกระทำที่ร้ายแรงที่สุด และการที่คนกลุ่มนี้อยู่มา 11 ปี เป็นเหตุผลที่ไทยควรจะผ่อนปรน ให้บุคคลเหล่านี้ได้ออกมาอยู่ข้างนอก หรือ เดินทางไปประเทศที่สาม ไม่ใช่ส่งกลับประเทศต้นทาง ซึ่งตนคิดว่าน่าจะได้รับอันตรายและส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีหรือสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีอิสระมีศักดิ์ศรีเหมือนบุคคลทั่วไป และขณะนี้มีอุยกูร์ที่ลี้ภัยไปอยู่ในต่างประเทศทั่วโลก จึงกังวลว่าน่าจะมีการประท้วงหน่วยงานของรัฐบาลไทย

นางอังคณา กล่าวว่าตอนที่ตนเป็นกรรมการสิทธิ์ฯ เคยไปเยี่ยมบุคคลเหล่านี้หลายครั้งจำหน้าได้ ดังนั้น หากเปิดโอกาสให้ไปเยี่ยม และสามารถเปิดโอกาสให้พูดคุยได้โดยไม่มีการดักฟัง หรือสอดแนม ก็คิดว่าตรงนี้น่าจะเป็นประโยชน์ และตนก็เรียกร้อง ว่ารัฐบาลจีนควรเปิดโอกาส อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติด้านการควบคุมตัวโดยพนักงานเข้าไปตรวจสอบ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน ที่ ถูกควบคุมในสถานที่เรียกว่าค่ายอบรมการศึกษา จึงเรียกร้องว่ารัฐบาลจีนควรเชิญผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติเข้าไปในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ต้องใจกว้างที่จะให้ผู้เชี่ยวชาญสหประชาชาติ ไม่ว่าจะเป็นคณะทำงานการบังคับสูญหาย โดยไม่สมัครใจหรือคณะทำงานด้านการควบคุมตามอำเภอใจได้เข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ ของผู้ที่ถูกกักในประเทศไทย และตรวจสอบสถานการณ์ของคนที่ถูกควบคุมตัวโดยพละการรวมถึงการบังคับสูญหายในประเทศไทยซึ่งเชื่อว่าการเข้ามาของหน่วยงานระดับประเทศและระดับโลก จะทำให้ไทยได้รับ ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงกระบวนการคุ้มครองสิทธิ์ ให้ได้มากขึ้น. 312 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]

ยิงกำนันเล้น

ออกหมายจับ “ไอ้ ด.” มือปืนขาเป๋ ยิงถล่มกำนันเล้น ตร.ไล่ล่ากระชั้นชิด

ตรัง 8 ส.ค. – ออกหมายจับ ไอ้ ด. มือปืนขาเป๋ ยิง M16 ถล่มดับกำนันเล้น จ.ตรัง เผยปมสังหารจากคนเคยช่วยเหลือกลับขัดแย้ง-ขู่ฆ่า ผู้การตรังเผยแกะรอยเบาะแสไล่ล่าเป็นประโยชน์ ติดตามตัวแบบหายใจรดต้นคอ ลั่นต้องจับให้ได้ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ว่า จากกรณีคนร้ายชายในชุดดำสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ใช้อาวุธสงคราม M16 ยิงถล่มนายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนันตำบลนาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด จนเสียชีวิต กระสุนเจาะประตูรถฝั่งคนขับพรุน 15 นัด ปลอกกระสุนขนาด 5.56 ตกกระจายเกลื่อน เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าบ้านของนายบัณฑิต พื้นที่หมู่ 9 ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่นายบัณฑิตเดินทางกลับจากงานเลี้ยงงานแต่งงาน […]

“บุ๋ม ปนัดดา” พร้อมชน “มาลี”

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – ฮือฮาและเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับการแต่งตั้ง “ดร.บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” นั่งโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา ด้าน “บุ๋ม” เปิดใจ เป็นคนชัดเจน ตรงไปตรงมา พร้อมชน “มาลี” ลั่นไม่กลัวเฟคนิวส์.-สำนักข่าวไทย