‘มาริษ’ ยํ้า รบ.ตัดสินใจปมอุยกูร์ บนพื้นฐานประโยชน์ชาติ

รัฐสภา 24 มี.ค.- ‘มาริษ’ ยํ้า รบ.ตัดสินใจปมอุยกูร์ บนพื้นฐาน ผลประโยชน์ของชาติ ยัน ไม่ได้ถูกบีบ-เลือกข้าง เชื่อ ยังเจราจาประเทศใน UN ได้ ด้าน ‘ทวี’ บอก ผิดหวัง ไม่คิดจะได้ฟังคำด้อยค่าจาก ‘กัณวีร์’ เผย เคยเห็นวิดีโอจากผู้ที่ส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว มีความสมัครใจยินยอม ชี้ หากอยากดู ให้ทำหนังสือถึง สมช.


นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกรณีการส่งตัวชาวอุยกูร์กับประเทศจีนว่า โลกมีความผันผวนไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันภูมิรัฐศาสตร์ ดังนั้น ตนขอยืนยันว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในการตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และต้องการแก้ไขปัญหาที่หมักหมมในการดูแลชนกลุ่มนี้มาเป็นเวลา 11 ปี

นายมาริษ กล่าวว่า ตนทราบดีว่าการตัดสินใจแก้ปัญหาบนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศไทย อาจจะไม่เป็นที่พึงพอใจของประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะมหาอํานาจที่แข่งขันกัน แต่ขอยืนยันว่า นายกฯ และ ครม.ทุกคน ตั้งใจที่จะแก้ปัญหา


นายมาริษ ยังชี้แจงถึงพื้นฐานในการแก้ปัญหาครั้งนี้ว่า 1.เป็นการใช้อำนาจอธิปไตยและสิทธิของประเทศไทย 2.เป็นไปตามกฏหมายภายในของประเทศไทย 3.ไม่ขัดต่อหลักการกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน

นายมาริษ กล่าวว่า เราไม่ได้เลือกข้าง หรือถูกใครบีบ แต่รัฐบาลตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานการแก้ปัญหาให้ประชาชน ตนก็ฟังเสียงประชาชนเช่นกัน ทราบว่าส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับรัฐบาล ตนและรัฐบาลมีหน้าที่ชี้แจงด้วยเหตุและผล ทั้งนี้ ในส่วนที่หลายประเทศมีปฏิกิริยาไม่เห็นด้วยต่อเรื่องนี้ ขอยํ้าว่าเราตัดสินใจบนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศเป็นสําคัญ และเคารพต่อหลักการสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ ตนยังเชื่อว่าประเทศในสหประชาชาติ ยังสามารถเจรจาพูดคุยได้บนพื้นฐานเหตุและผลอย่างเท่าเทียมกันในทุกเรื่อง

จากนั้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวชี้แจง โดยขอพูดในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ว่า ตนเข้าใจดีในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีคุณค่า มีความสำคัญ ในตลอดชีวิตของตนที่ผ่านมา ตนยึดถือสิ่งนี้ และสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาของประเทศยาวนานมากว่า 11 ปี คือชาวอุยกูร์ที่อยู่ในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ซึ่งตนจำได้ว่ามีการหยิบยกเรื่องกรมคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ว่าห้องกักที่ ตม.มีสภาพทำผิดกฎหมาย มาตรา 6 และในครั้งนั้นมีการตั้งกรรมการ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเข้ามา และหลายคนในนั้นก็ได้เข้าไปดูในห้องกักของ ตม. จนส่งเรื่องมาถึงคณะกรรมการ ได้ข้อสรุปว่า ไม่ต่างจากสัตว์ที่อยู่ในห้องกัก ที่มีคนจำนวนกว่าพันคน และมีคนตายมาแล้ว 4 คน เป็นสิ่งที่เราต้องหาทางออก


โดยคณะกรรมการ มีข้อเสนอดังนี้ 1.ขอให้ส่งกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยสมัครใจ 2.ให้ส่งไปยังประเทศใหญ่ๆ ในตะวันตก 3.ส่งไปที่ประเทศคนกลาง และ 4.มีการขยายพื้นที่แห่งใหม่ และมีข้อสรุปอีกว่า การอยู่ในสภาพปัจจุบัน เข้าข่ายกระทำผิดมาตรา 6 มาโดยตลอด ตนตระหนักดีว่า มีเพื่อนสมาชิกหลายคน เหมือนด้วยค่าประเทศปลายทางที่จะรับไป ทั้งที่ก็เป็นหนึ่งในห้าประเทศที่มีอำนาจยับยั้งของสหประชาชาติ

ส่วนเรื่องความสมัครใจและต้องได้รับการยินยอมนั้น ตนและสภาความมั่นคงแห่งชาติ ได้มีกระบวนการนำวิดีโอจากบุคคลที่เคยส่งไปแล้วกว่า 10 คน มีบันทึกเรื่องความสมัครใจและความยินยอม ซึ่งตนได้เห็นด้วยตัวเอง และตนก็ได้ถามกับ สมช.อีกว่า หากจะขอดู จะดูได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นเอกสารที่อยู่ในชั้นความลับ อย่างไรก็ตาม อยากขอให้นายกัณวีร์ทำเรื่องเข้า สมช. ตามพระราชบัญญัตข้อมูลข่าวสาร เพื่อที่จะได้เห็น แต่ตนยืนยันว่า ตามกฎหมายแล้ว เขาอยู่ในสภาพที่ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มา 10 ปี มีการเสียชีวิต และเจ็บป่วยขณะการสอบสวน จนไม่รู้สภาพการส่งมอบมรดกของการกักขังไปอีกนานเท่าไหร่ เนื่องจากที่ผ่านมา อาจจะเป็น เพราะการที่ไม่กล้าตัดสินใจ ย้ำว่า การส่งกลับ เราคำนึงถึงมาตรา 13

สำหรับสิ่งที่นายกัณวีร์ ระบุว่า เคยทำงานอยู่สำนักงานใหญ่ข้าหลวงผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาตินั้น แต่ชาวอุยกูร์ไม่มีหนังสือจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ เพื่อรับรองสถานะว่าเป็นผู้ลี้ภัย ย้ำว่า ไม่ว่าเราจะถูกกดดันด้วยประเทศมหาอำนาจที่กดดันด้วยการค้า แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคน ที่จะทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถยืนอยู่ได้ ตนคิดว่า ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ย่อมมีความสำคัญ ตนเองมีความเสียใจที่ผู้อภิปรายขึ้นมาใช้คำพูดเหมือนด้อยค่าคนที่มีโอกาสชีวิตดีขึ้น ด้อยค่าจีนที่เป็นหนึ่งในสหประชาชาติ เป็นเรื่องที่รู้สึกเสียใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีคำพูดลักษณะนี้ออกมาจากคนที่ผมมีความรักต่อเขา .-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย