นายกฯ ย้ำมุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี 2030

กรุงเทพฯ 14 ก.พ.- นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาทุกมิติของประเทศไทย เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ย้ำ รัฐบาลให้ความสำคัญจะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนภายในปี 2030 หลัง UN จัดอันดับไทยเป็นที่ 1 ในอาเซียน 6 ปีซ้อน ตั้งเป้าขึ้นเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาในงาน JFCCT Prime Minister’s Address Luncheon 2025 ของหอการค้าร่วมต่างประเทศในประเทศไทย (Joint Foreign Chambers of Commerce in Thailand: JFCCT) ในหัวข้อ “Sustainable Thailand – Advancing with Reforms” โดยมี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ดร. นลินี ทวีสิน ประธานผู้แทนการค้าไทย นางวีเบ็คก้า ลิสซานด์ เลอร์ว็อก (Mrs. Vibeke Lyssand Leirvag) ประธาน JFCCT พร้อมด้วยคณะผู้แทน JFCCT จำนวน 36 คน คณะทูตานุทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ผู้บริหารภาคเอกชนจากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เข้าร่วมงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานในวันนี้ ซึ่งมีผู้นำภาคธุรกิจและผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกเข้าร่วมจำนวนมาก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนต่างประเทศต่ออนาคตทางเศรษฐกิจไทย พร้อมทั้งขอบคุณ JFCCT ที่ได้จัดงานนี้ขึ้น เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจไทย


นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงหัวข้องาน “Sustainable Thailand – Advancing with Reforms” ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาล เพื่อสร้างการเติบโตและยืดหยุ่นให้กับประเทศไทยในระยะยาว โดยนายกรัฐมนตรีเห็นว่า ความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนจะช่วยนำทางประเทศไทย ส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างความสำเร็จระยะยาวในเศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำหรับความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน นั้น รัฐบาลย้ำในการให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ ภายในปี ค.ศ. 2030 โดยดัชนี SDGs ปี ค.ศ. 2024 ไทยได้รับการจัดอันดับที่ 45 ของโลก อันดับที่ 3 ในเอเชีย และอันดับที่ 1 ในอาเซียน ติดต่อกัน 6 ปี (ค.ศ. 2019 – 2024)

นอกจากนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา ไทยได้รับเชิญให้เข้าสู่กระบวนการเพื่อเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การเป็นสมาชิก OECD โดยเป็นผลสำเร็จจากโครงการความร่วมมือต่าง ๆ กับ OECD เช่น การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และการสนับสนุนเชิงยุทธศาสตร์ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนและการเปลี่ยนผ่านของไทย ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยในการร่วมมือกับนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง วิสัยทัศน์ของประเทศไทยเพื่อเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและยืดหยุ่น ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นเปลี่ยนการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบดั้งเดิมให้เป็นการเติบโตที่ยั่งยืน โดยสนับสนุนการนำโมเดลเศรษฐกิจ Bio-Circular-Green (BCG) มาใช้ ซึ่งมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ นวัตกรรม และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลัก เช่น เกษตรกรรมและอาหาร การดูแลสุขภาพและเทคโนโลยีชีวภาพ พลังงานและวัสดุ การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โดยใช้จุดแข็งของไทยด้านความหลากหลายทางชีวภาพและเทคโนโลยี เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับโลก


สิ่งสำคัญของกลยุทธ์นี้คือ การส่งเสริมความรับผิดชอบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในด้านการผลิตและการบริโภค การลดขยะ และการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ซึ่งจะสนับสนุนไทยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 นอกจากนี้ ไทยมีแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan) ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อปี ค.ศ. 2018 และมีความก้าวหน้าภายใต้พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงมีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอย่างน้อยร้อยละ 50 ภายในปี ค.ศ. 2040 โดยความพยายามเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างอนาคตที่ดีและยั่งยืนสำหรับทุกคน

ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณและยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและครอบคลุม ซึ่งมุ่งเน้นที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเชื่อมั่นว่า แนวคิดและความคิดเห็นที่ได้มีการแลกเปลี่ยนในวันนี้จะเป็นแรงบันดาลใจและแนวทางในการขับเคลื่อนสู่สังคมที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น พร้อมเน้นย้ำการทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน มั่งคั่ง และครอบคลุมสำหรับทุกคน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี สวมสูทน้ำตาลปักลายดอกกุหลาบ ขณะที่ นางวีเบ็คก้า ลิสซานด์ เลอร์ว็อก ประธาน JFCCT มอบดอกกุหลาบสีชมพู เนื่องในวันวาเลนไทน์ ให้กับนายกรัฐมนตรี ด้วย .316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยกระดับห้าม จยย.-รถเข็น จากกัมพูชาเข้าไทย

สระแก้ว 23 มิ.ย.-ตอบโต้ทันควัน! ไทยสั่งห้ามรถเข็น-จยย.เขมร เข้ามาเด็ดขาด บรรยากาศด่านคลองลึกตึงเครียด เจรจาระดับเจ้าหน้าที่ หลังกัมพูชางดนำเข้าน้ำมันไทย เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนการเปิดด่านฝั่งกัมพูชา ในเวลา 09.00 น. ว่า มีตึงเครียดผิดปกติ โดยปกติจะมีแรงงานกัมพูชาจำนวนมากขี่รถจักรยานยนต์ รถพ่วงข้าง และรถชาลี มารอข้ามแดนเข้ามาทำงานในตลาดโรงเกลือ แต่เช้าวันนี้ภาพดังกล่าวหายไปอย่างสิ้นเชิง หลังทางฝั่งไทย “ยกระดับตอบโต้” ต่อมาตรการของกัมพูชาที่ประกาศงดรับน้ำมันและก๊าซจากไทย กองกำลังบูรพา ได้กำหนดมาตรการควบคุมพื้นที่เพิ่มเติม เพื่อรักษาความปลอดภัยสูงสุดบริเวณพื้นที่ชายแดน และการป้องกันลักลอบกระทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยไม่อนุญาตให้รถเข็นคนเดิน (ตั้งแต่ 2 ล้อขั้นไป), รถจักรยานยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนราชอาณาจักรกัมพูชา และรถจักรยานยนต์ ดัดแปลงทุกประเภท ของกัมพูชา เข้ามาในราชอาณาจักรไทย บริเวณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก, จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา บ้านหนองเอี๋ยน-สตึงบท, จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน, จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา และจุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ โดยให้หน่วยที่รับผิดชอบ บังคับใช้มาตรการดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. เวลา […]

ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระ-แม่ชี ขึ้นปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 23 มิ.ย.-มาแบบไหนอีก ทหารกัมพูชาพาชาวบ้าน พระสงฆ์ แม่ชีนับพัน ขึ้นปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ หลังจากมีคณะปั่นจักรยานไทยเข้าทำกิจกรรมที่ปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อย่างคึกคัก และมีชาวไทยจากหลายพื้นที่แห่เที่ยวให้กำลังใจทหารแนวหน้า หลังมีข่าวทั้ง 2 ฝ่ายประกาศปิดด่านเพิ่ม ขณะที่ฝั่งกัมพูชา ก็ตอบโต้ฝ่ายไทยอย่างไม่ลดละ มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.68) ตลอดทั้งวัน มีชาวบ้าน พระสงฆ์ และแม่ชี นับพันคนขึ้นมาเที่ยวบนตัวปราสาทตาเมือนธม พร้อมทำพิธีกราบไหว้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารไทยต้องคุมเข้มอย่างหนัก เพื่อไม่ให้ทำผิดเงื่อนไข ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เตรียมลงพื้นที่ให้กำลังใจกำลังพล และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.-715.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ วางขายโจ๋งครึ่ม

ทำเนียบ 23 มิ.ย.-รัฐบาลสั่งจับกุมอุปกรณ์เสพติดรูปแบบใหม่ ล่อใจเยาวชน ทำคล้ายยาดม ลูกอม วางขายโจ๋งครึ่ม ในแพลตฟอร์มออนไลน์ เตือนผู้ปกครองเข้าถึงเยาวชนง่าย อันรายถึงชีวิต นายอนกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้สั่งการ ในการจับกุมยาเสพติดและสารเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจไซเบอร์และส่วนราชการอื่นๆ ให้ดำเนินการจับกุมและปราบปรามให้เข้มข้นขึ้น โดยสถานการณ์และสถิติการใช้ยาเสพติดในไทย ปี 2568 แม้ภาครัฐจะดำเนินมาตรการปราบปรามและสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่าย รวมถึงบำบัดผู้ติดยาเสพอย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหายาเสพติดในประเทศไทยยังคงเป็นภัยเงียบที่สร้างปัญหาและทำลายเศรษฐกิจและประชาชน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและวัยแรงงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ นายอนุกูล กล่าวว่า จากข้อมูลผลการติดตาม เฝ้าระวังผลิตภัณฑ์อันตรายต่อสุขภาพของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้พบสารเสพติดพันธุ์ใหม่ กลายพันธุ์แปลงร่าง ปรับรูปแบบหน้าตาผลิตภัณฑ์ให้สวยงามน่ารักมากขึ้น โดยผลิตเลียนแบบลูกอม ปรุงรสชาติผลไม้ และออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความสวยงามสดใส มีดีไซน์คล้ายกล่องขนม ดูยากขึ้น จนแยกไม่ออกว่าเป็นผลิตภัณฑ์เสพติด หรือกล่องขนม ซึ่งมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตในไทย โดยวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในแพลตฟอร์มออนไลน์ ราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น สำหรับผลิตภัณฑ์อันตรายที่พบมีดังนี้1.บุหรี่ไฟฟ้าพันธุ์ใหม่ GEN 6ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ให้ดูเหมือนยาดมแท่งจนแยกไม่ออก มีการโฆษณาว่าคล้ายยาดม แต่มีส่วนผสมเป็นนิโคติน 3-5% โดยรู้จักในชื่อ พอดจมูก พอดยาดม สูบได้ทั้งทางจมูกและทางปาก […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เปิดประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ไร้ตัวแทนกัมพูชาร่วม

พัทยา 25 มิ.ย.-ไร้เงาตัวแทนกัมพูชา นายกฯ เปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเซียน ชมสาธิตวิธีการช่วยอากาศยานประสบภัยในทะเล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี และกล่าวเปิดการประชุมนานาชาติหน่วยยามฝั่งอาเชียน (ASEAN Coast Guard Forum 2025: ACF 2025) และการฝึกค้นหา และช่วยเหลืออากาศยานประสบภัยในทะเล และการแพทย์ฉุกเฉินในทะเล ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย มั่นคง มั่งคั่ง ในอาเซียน ณ โรงแรมฮิลตัน พัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยมีพลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือให้การต้อนรับ โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศผู้สังเกตการณ์ และพันธมิตรสำคัญที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้สู่เมืองพัทยา และแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสเข้าร่วมในพิธีเปิดเวทีความร่วมมืออันสำคัญของภูมิภาค ซึ่งเป็นเวทีที่หน่วยรักษาความปลอดภัยชายฝั่ง หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทางทะเล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศสมาชิกอาเซียน ได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนมุมมอง และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อยกระดับความมั่นคงทางทะเลร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความสำคัญของความมั่นคง และความปลอดภัยทางทะเล ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภูมิภาค เนื่องจากท้องทะเลไม่เพียงเป็นเส้นทางการค้าสำคัญ […]

ป.ป.ช.รับสอบคลิปเสียงนายกฯ ไม่กดดัน โฟกัสคลิปเสียงต้องแปลชัดเจน

ชลบุรี 25 มิ.ย.-เลขาฯ ป.ป.ช. เผย ป.ป.ช.รับสอบคลิปเสียง นายกฯ ไม่กดดัน ยังอยู่ขั้นตอนรับมาตรวจสอบ โฟกัสที่คลิปเสียง ต้องแปลข้อความชัดเจน เพราะเป็นสองภาษา เบื้องต้นไม่ต้องเชิญ “แพทองธาร” มาสอบ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวภายหลังเปิดโครงการสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักงาน ป.ป.ช. ที่จ.ชลบุรี ถึงคดีคลิปเสียง นส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรี กับนายฮุนเซน ว่า เรื่องนี้ มีการร้องมาที่ ป.ป.ช. ก็เป็นเรื่องปกติเมื่อมีการร้องในคดีสำคัญ สำนักงาน ป.ป.ช. ต้องสรุปรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการรับทราบ ซึ่งคดีสำคัญเมื่อ ที่ประชุมรับทราบแล้วก็จะกำหนดสิ่งที่ต้องดำเนินการเบื้องต้น ระยะเวลา เมื่อเสร็จต้องกลับมาพิจารณาในที่ประชุม จึงไม่ใช่ 10 วันส่งศาลตามที่เป็นข่าว ยังอยู่ในขั้นตอนรับมาตรวจสอบ ปกติ ถ้าอยู่ในอำนาจหน้าที่ก็รับมา เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ จึงมีมติต้องมารายงานให้กรรมการ ป.ป.ช.ทราบเป็นระยะ กรณีนี้ ร้องฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ถ้าประเด็นรายละเอียดต้องสอบน้อย ก็ใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้ามีรายละเอียดมากก็กำหนด 6 เดือน […]

ชาวกัมพูชากว่า 500 คน แห่กลับประเทศด่านช่องจอม จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 25 มิ.ย.-ชาวกัมพูชากว่า 500 คน ส่วนมากเป็นแรงงานและผู้ป่วย แห่กลับประเทศผ่านด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ หลังฝั่งกัมพูชาเปิดด่าน เวลา 10.00 น. โดยใช้เวลาเปิดเพียง 30 นาทีเท่านั้น บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เช้าวันนี้ทางฝั่งไทยได้เปิดประตูด่านตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. โดยดำเนินการตามมาตรการและคำสั่งจากกองทัพภาคที่2 อย่างเข้มงวด เพื่อดำเนินการตามมนุษยธรรมเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ผู้คนผ่านเข้าออกและขนส่งสินค้า แต่ก็มีปัญาหาจากฝั่งกัมพูชา ในวันนี้กลับปิดด่าน โดยทางฝั่งกัมพูชาอ้างต้องรอคำสั่งจากผู้ว่าอุดรมีชัยเท่านั้น ทำให้มีชาวกัมพูชาจำนวนมากมารอคิวเดินทางกลับ ส่วนมากจะเป็นแรงงานและผู้ป่วยมาหาหมอแล้วเดินทางกลับ ล่าสุด กัมพูชาเปิดประตูแล้วเมื่อเวลา 10.00 น. มีชาวกัมพูชากว่า 500 คน เดินทางกลับ ส่วนคนไทยกลับเข้ามามีน้อย ขณะเจ้าหน้าที่ทั้งไทยและกัมพูชา ตรวจคุมเข้ม โดยไม่ให้ชาวกัมพูชาผ่านเข้ามาและคนไทยไม่ให้ผ่านเข้ากัมพูชาเด็ดขาด รวมไปถึงรถขนส่งสินค้า แต่มีชาวกัมพูชาบางคนไม่เข้าใจ พยายามจะเข้ามาโดยอ้างเอกสารถูกต้อง เจ้าหน้าที่ทั้งไทยและกัมพูชา ได้มาทำความเข้าใจและให้เดินทางกลับ โดยทางกัมพูชาได้ปิดประตูด่านแล้วเวลา 10.30 น. ใช้เวลาเปิดเพียง 30 นาทีเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย

ทะลักด่านคลองลึก หลังอนุโลมเปิดด่านให้กลับภูมิลำเนา

สระแก้ว 24 มิ.ย. – วุ่นเล็กน้อย วันแรกปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว ชาวไทย-กัมพูชาที่ตกค้าง ต่างเร่งรีบเดินทางกลับให้ทันกำหนดเวลา 20.00 น. หลังอนุโลมเปิดด่านให้กลับภูมิลำเนา วันนี้วันเดียว ส่วนนักเรียน-นักศึกษา ยังคงผ่านแดนได้ตามปกติ.-สำนักข่าวไทย