“คุณหญิง สุดารัตน์” ชี้แก้ PM 2.5 ควรมีแผนงานยั่งยืน

กทม. 25 ม.ค. – “คุณหญิง สุดารัตน์” ชี้แก้ PM 2.5 ควรมีแผนงานยั่งยืน ไม่ใช่แก้เฉพาะหน้า และบังคับใช้กฎหมายจริงจัง เพื่อลดควันดำ ลดการเผาซากพืช แหล่งก่อฝุ่นพิษ พร้อมหนุนพลังงานสะอาด เพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างเป็นรูปธรรม


คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี กระทบพี่น้องประชาชน 45 จังหวัด กว่า 38 ล้านคน โดย World Bank รายงานว่ามีคนไทยเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากปัญหาฝุ่นพิษกว่าปีละ 50,000 คน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจเดือนละหลายพันล้านบาท ยังไม่รวมถึงผลกระทบในมิติของการท่องเที่ยวและการรักษาพยาบาล

จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกระดับปัญหานี้เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมดำเนินมาตรการแก้ไขอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ไม่ใช่ออกเพียงมาตรการระยะสั้นที่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติที่ค่าฝุ่นสูงเท่านั้น แต่ต้องมีแผนแก้ไขระยะยาว ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น การลดระดับฝุ่นภายใน 2-3 ปี


คุณหญิง สุดารัตน์ เห็นว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก และผู้สูงอายุ หลายคนมีอาการเลือดกำเดาไหล ผื่นคัน และเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็งปอด และโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง จึงขอให้รัฐบาลเร่งทำงานและวางแผนงานในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างยั่งยืนดังต่อไปนี้

1.รัฐบาลต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น การลดควันดำจากยานพาหนะ การควบคุมการปล่อยมลพิษจากการก่อสร้าง และการเผาซากพืช ทั้งพื้นราบและบนภูเขา โดยเสนอให้สนับสนุนเครื่องมือทางการเกษตร เช่น เครื่องตัดอ้อย เพื่อช่วยลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม

2.ขอให้รัฐบาลเร่งการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการควบคุมการเผาไหม โดยดูตัวอย่างโมเดลจากประเทศสิงคโปร์ ที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดกับบริษัทต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการเผาป่า


3.เพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและต่างจังหวัด เพื่อให้ต้นไม้สามารถช่วยดูดซับมลพิษและฟอกอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลควรจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างสวนสาธารณะ และปลูกต้นไม้ในพื้นที่ว่างเปล่า โดยเฉพาะในเขตชุมชนที่มีความหนาแน่นสูง นอกจากนี้ยังเสนอให้ส่งเสริมการปลูกต้นไม้ในครัวเรือน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหา

4.รัฐบาลต้องส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และสนับสนุนประชาชนให้หันมาใช้พลังงานสะอาดอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การออกเงินสนับสนุนหรือให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยลดมลพิษในระยะยาว ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน และเร่งพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่สะดวก ปลอดภัย และครอบคลุม เพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล

จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อสุขภาพของคนไทย และเพื่อเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว พร้อมระบุว่าการเพิกเฉยต่อปัญหานี้เท่ากับการปล่อยให้เด็กๆ และประชาชนสะสมโรคร้ายที่ส่งผลเสียต่อชีวิตและอนาคตของพวกคนไทยทุกคน.-315-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สั่งย้ายครูแบทแมน

สั่งเด้ง “ครูแบทแมน” ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน

กัน จอมพลัง บุก ก.ศึกษาธิการ ร้องเอาผิดครูชายสวมหน้ากากแบทแมน ถ่ายคลิปไม่เหมาะสมในโรงเรียน จ.อุทัยธานี ล่าสุดสั่งย้าย “ผอ.โรงเรียน-ครูแบทแมน” เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ด้าน “สส.ชาดา-กัน จอมพลัง” ลงพื้นที่ ขีดเส้นตายสอบเอาผิด

แม่อดีตครูสาว ยังติดใจสาเหตุ หลังพบศพในรถลานจอด รพ.

“น้องกิ๊ฟ” อดีตครูหายตัวไปเกือบ 1 เดือน พบอีกทีเป็นร่างไร้วิญญาณในรถยนต์บนลานจอดของโรงพยาบาล ญาติยังติดใจสาเหตุวอนตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิด ไขข้อสงสัย

สั่งจำคุก “อัจฉริยะ” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีละเมิดอำนาจศาล

ศาลอาญาสั่งจำคุก “อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์” 2 เดือน ไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล เผยแพร่เอกสารสรุปย่อคำพิพากษาต่อสื่อมวลชนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น-ใต้ฝนลดลง

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย

เคลื่อน 18 ศพเหยื่อบัสมรณะ ถึงบ้านเกิด ญาติร่ำไห้อาลัย

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเคลื่อนร่างผู้เสียชีวิต 18 ราย จากเหตุรถบัสพลิกคว่ำ ถึงวัดป่าวิเวกธรรมคุณ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติที่รอรับศพ

สำรวจจุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ

ทีมข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุรถบัสมรณะ 18 ศพ พบว่ารถคันดังกล่าวฝ่าฝืนคำสั่งไม่ยอมจอดพักรถและลงชื่อก่อนจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร ทำให้รถเกิดเบรกแตกไหลลงเขาจนเกิดโศกนาฏกรรม

นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ถกปราบบุหรี่ไฟฟ้า

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก “รมต.จิราพร-ผบ.ตร.” ประชุมปราบปราม “บุหรี่ไฟฟ้า” ขีดเส้น 30 วัน ดำเนินการให้เด็ดขาด สั่งเข้มห้ามขายใกล้สถานศึกษา ต้องจัดการผู้นำเข้า