รัฐสภา 30 ต.ค.-‘กมธ.ร่วมประชามติ’ ประชุมนัดแรก ถกนัวเก้าอี้่ประธาน สุดท้ายได้ ‘สว.ฉัตรวรรษ’ นั่งหัวโต๊ะ
การประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ…. เป็นนัดแรก ภายหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา มีมติส่งตัวแทนเข้าประชุมร่วมกัน เพื่อหาทางออกหลักเกณฑ์การทำประชามติในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะใช้เสียงข้างมากสองชั้น ตามที่ สว.เสนอ หรือใช้เสียงข้างมากปกติตามที่ สส.เสนอ ทั้งนี้ มีนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมชั่วคราว ก่อนที่จะได้เลือกประธาน กมธ.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับวาระแรกของการประชุมคือ การเลือก กมธ.ในตำแหน่งต่างๆ ซึ่งทั้ง สส. และ สว. ต่างแสดงความคิดเห็นเพื่อให้ฝ่ายของตนได้เป็นประธาน กมธ. โดยนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ได้เสนอพล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. เป็นประธานกมธ. เนื่องจากได้ทำหน้าที่ในการประชุม กมธ.ฝั่ง สว. มาตั้งแต่ต้น
ขณะที่ นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดว่าฝ่าย สส.มีความชอบธรรมากกว่า สว. เนื่องจากทุกคนก็เป็นผู้แทนประชาชน แต่กลไกระบบรัฐสภา ให้อำนาจสุดท้ายไว้ที่ สส. ไม่ได้ว่าเราต้องการแสดงอำนาจ แต่สุดท้ายประธานก็โหวตไม่ได้อยู่ดี เนื้อหาการแก้ไขอยู่ที่ตัวบท ซึ่งประธานโหวตไม่ได้ด้วยซ้ำไป ฉะนั้น ให้ สส.เป็นประธานน่าจะดีที่สุด
ด้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า ข้อโต้แย้งของเหตุผลที่ว่า พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ได้รับเลือกเป็นประธาน กมธ.ฝั่ง สว. แต่หากจะได้มาเป็นประธาน กมธ.ร่วมฯ ก็แปลว่าหากประธาน กมธ.ฝั่ง สส. มานั่งในที่นี้ก็ต้องได้เป็นประธาน กมธ.ร่วมฯ เช่นเดียวกัน ส่วนที่อ้างว่าเมื่อได้เป็นประธาน กมธ.ฝั่ง สว. แล้วได้รับฟังความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ตนก็เชื่อมั่นเช่นนั้น แต่ความจริงหากจะใช้ปัจจัยนั้น คนที่ได้รับฟังความเห็นหลากหลายที่สุดคือคนที่อยู่ใน กมธ.ทั้งฝั่ง สส.และสว. เช่น นายนิกร จำนง เป็นต้น
ต่อมาภายหลังนายพริษฐ์ เปิดเผยผลการประชุมว่า วันนี้มีการพิจารณาเพียงวาระเดียว คือการเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก เลือก พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ สว. เป็นประธาน กมธ.ฯ ขณะที่ สส.ได้รองประธาน กมธ.คนที่ 1 คือนายประยุทธ์ ทั้งนี้ นายวุฒิชาติ ได้เป็นโฆษก กมธ. โดยจะมีการประชุมนัดหน้าในเวลา 13.00 น. วันที่ 6 พฤศจิกายน.-319.-สำนักข่าวไทย