สภาฯ เถียงเรื่องส่งตัว สส.ดำเนินคดี

รัฐสภา 11 ก.ย.- สภาฯ เถียงเรื่องส่งตัว สส. ดำเนินคดี “รอมฎอน” ลุกจี้ “วันนอร์” ส่ง “พิศาล เพื่อไทย” ขึ้นศาลปมตากใบ โอดใกล้หมดอายุความ ด้านประธานแจงไม่มีอำนาจ ชี้ตามรัฐธรรมนูญ สส.มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง หวั่นสมาชิกถูกกลั่นแกล้ง


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ช่วงวาระการหารือ นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ขอหารือต่อประธานว่า ตนต้องหารือโดยตรงหนังสือของประชาชนที่ยื่นต่อประธานสภา เพราะถ้าเรานับจากวันนี้ไปถึง 25 ต.ค. จะครบรอบเหตุการณ์ตากใบ ซึ่งจะสิ้นสุดอายุความคดีอาญาด้วย เหลืออีก 44 วันเท่านั้น ซึ่งจำเลยหนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนสมาชิกของเราคือ พลเอกพิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ตนทราบว่าภรรยาของผู้เสียชีวิต ได้ทำหนังสือถึงประธาน ผ่านนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส พรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย สภาผู้แทนราษฎรแล้ว ไม่ทราบว่าท่านประธานได้รับหนังสือแล้วหรือยัง ซึ่งวันพรุ่งนี้จะมีการเปิดคำให้การจำเลยครั้งแรก โดยญาติของผู้เสียชีวิตอยากให้ประธานให้ความยุติธรรม และให้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ขอให้อนุญาตพลเอกพิศาลเดินทางไปศาล จึงอยากปรึกษาว่าแนวทางปฏิบัติเป็นอย่างไร

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เรามีรัฐธรรมนูญมาตรา 125 ระหว่างสมัยประชุม ห้ามให้จับคุมขังหรือหมายเรียกตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ไปทำการสอบสวนได้เพราะฉะนั้น ถือเป็นเอกสิทธิ์ที่สมาชิกรัฐสภาได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ แต่วิธีปฏิบัติที่เราทำกันมาคือในกรณีที่ศาลมีความจำเป็นขอสอบสวนหรือตำรวจขอดำเนินคดีในสมัยประชุม ก็ขอมาที่ประธาน ซึ่งประธานไม่ได้มีอำนาจ สภาจะเป็นผู้พิจารณาว่าจะสมควรอนุญาตหรือไม่ หรือเจ้าตัวเป็นคนขอเข้าสู่กระบวนการเพื่อไม่ให้คดียืดเยื้อ ก็มาขอที่สภาทุกครั้ง แต่ที่ผ่านมาสภามักจะให้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 125 คือจะลงมติไม่อนุญาต


“ผมก็อยากจะเรียนกับรอมฎอนและประชาชนว่า มิได้หมายความว่าสภาของเรา ทั้ง 2 สภาจะไม่เห็นใจเจ้าหน้าที่ดำเนินคดี แต่สภาเห็นว่าเชื่อพิทักษ์เอกสิทธิ์ของสมาชิก เราเกรงว่าสมาชิกฝ่ายค้านหรือไม่ได้อยู่กับฝ่ายรัฐบาล จะถูกกลั่นแกล้งไปพร้อมกับคดีอาญา แล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปสอบสวน จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยเฉพาะดาวสภาทั้งหลาย แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้น เพราะรัฐบาลมีอำนาจที่จะให้ตำรวจเรียกไปไต่สวนหรือคุมขังได้ ยิ่งตอนนี้ยิ่งยุ่งใหญ่เลย ถ้าไปคุมขังนี่ เพราะถ้าพลาดจะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สภาก็มองในแง่นี้” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า มีหลายคดีที่เจ้าตัวขอไปดำเนินคดีเอง แต่สภาก็ไม่ให้ เพราะถ้าให้กรณีนี้แล้ว กรณีอื่นก็จะต้องให้ เท่าที่ตนจำได้ 40 กว่าปีในสภานี้ ก็เป็นอย่างนี้ สมัยก่อนการเมืองมันดุเดือดกว่านี้ ซึ่งหากตำรวจระบุว่าคดีจะหมดอายุความก็จะนำมาพิจารณา พร้อมย้ำว่าประธานไม่มีสิทธิ์ อยู่ที่สภาจะอนุญาต

นายรอมฎอน จึงอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 125 ให้ฟัง ก่อนระบุว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ปี 2560 ไม่ทราบว่าที่ประธานชี้แจงเป็นของฉบับไหน ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์จะชี้แจงอีกรอบ ย้ำว่าเป็นข้อเท็จจริง ศาลยังไม่มีหนังสือขอไปดำเนินคดี รวมถึงเจ้าตัว ถ้าจะขอต้องมาขอที่สภา แต่ตอนนี้ยังไม่มีมาทั้ง 2 ฉบับ


ทำให้นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ขอลุกขึ้นกล่าวว่า วันนี้ศาลอาญามีนัดพิจารณาเรื่องตน ซึ่งเป็นจำเลยกรณีเป็นผู้บงการให้เกิดเหตุการณ์ที่พัทยา กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในวรรคสุดท้ายที่โต้กัน ศาลจะพิจารณาคดีนั้นในสมัยประชุมก็ได้ วันนี้ตนก็ไม่ได้ไป ส่งทนายไปแทน แต่หากศาลขอมาโดยประเพณีแล้วสภาเราไม่ให้โดยกรณีใดๆทั้งสิ้น

“วันนี้ตัวผมความเป็นจริงต้องไปที่ศาลอาญา ซึ่งทุกคนไม่ควรไปนะครับ ไม่จำเป็นอย่าไปสั่งเด็ดขาด ถ้ามีธุระก็ไปกินกาแฟที่ร้าน จึงขอเสนอทั้ง 2 ท่าน ให้กำลังใจทุกคน ไม่ไปเด็ดขาด ที่นี่คือฝ่ายนิติบัญญัติ” นายอดิศร กล่าว

นายกมลศักดิ์ จึงลุกกล่าวว่า ตนเข้าใจตามที่ประธานชี้แจงและเข้าใจนายรอมฎอน ตามรัฐธรรมนูญ ทุกคนเป็นห่วง เรื่องนี้ประเด็นไม่ต่างจากคดีอื่นๆ ซึ่งจะครบกำหนดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ประเด็นอยู่ที่ว่าคดีนี้การนับอายุความต้องนับ 20 ปีจากการได้ตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยไปศาล หมายความว่าถ้าพรุ่งนี้ ผู้ที่เป็น สส. ใช้เอกสิทธิ์ไม่ไปศาลก็เป็นเรื่องของสภา ตนเข้าใจว่าประธานไม่มีอำนาจ เพราะเป็นเรื่องของสภา ตนว่าเรื่องนี้ ขึ้นอยู่กับสามัญสำนึกของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าปิดสมัยสามารถเดินทางไปศาลได้ อยากทำความเข้าใจกับเพื่อนสมาชิกว่าเรื่องนี้จะขาดอายุความในวันที่ 25 ต.ค. และไม่ได้เป็นอำนาจของสภาฯท่านเดียว แต่เป็นเรื่องของทั้งสภาฯ

ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวตัดจบว่า เรื่องนี้ให้ประธานบรรจุ แต่กรณีนี้ไม่มีเรื่องที่มาถึงประธานให้บรรจุ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ห่วงใยเรื่องสิทธิของพี่น้องประชาชน.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]