“เสรีพิศุทธ์” ถอนตัวร่วมรัฐบาลเพื่อไทย รับน้อยใจ “ทักษิณ” ไม่เห็นหัว

เสรีรวมไทย 29 ส.ค.-“เสรีพิศุทธ์” ทิ้งบอมบ์ แถลงถอนตัวร่วมรัฐบาลเพื่อไทย รับน้อยใจ “ทักษิณ” ไม่เห็นหัว ทั้งที่รับปากตอบแทนบุญคุณเป็นพันครั้ง ประกาศเปิดศึกงัดหลักฐานแชทไลน์มัดตัว ยันเดินทางไปพบที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ 2 ครั้ง พร้อมให้ข้อมูล ป.ป.ช. เอาผิดกระบวนการอุ้ม “แม้ว”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีตสส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงจุดยืนของพรรคเสรีรวมไทย กรณีถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ว่า ขณะนี้พรรคเสรีรวมไทยทำหน้าที่พรรคร่วมรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว แม่ยังต้องการทำงานให้ประเทศ แต่เมื่อไม่มีโอกาสก็ขอไปทำงานด้านอื่นก็ได้ ที่ผ่านมานายเศรษฐา ทวีสิน ตั้วนักโทษมาเป็นรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันนักโทษมาตั้งรัฐมนตรีเอง จะอยู่ร่วมกันต่อไปได้อย่างไร จึงได้ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เมื่อวันที่ 27 ส.ค. และมีมติ 7 เสียง ต่อ 4 เสียง ให้ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และได้แจ้งน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ผ่านนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทยแล้วและจะเป็นอิสระต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้พรรคได้สร้างผลงานและปฏิบัติงานตามอุดมการณ์แนวนโยบายของพรรคอย่างเต็มที่และรักษาประโยชน์ประชาชนประเทศชาติ ทั้งนี้การอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ โดยมารยาทจะไม่สามารถวิจารณ์นโยบายของรัฐบาลได้ จะอึดอัด ทำอะไรต้องยอมให้เขาเหยียบตลอดเวลา พร้อมยอมรับน้อยใจ


“ผมโกหกใครไม่เป็น ผมน้อยใจ เห็นว่าวันที่ไปประชุมพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อคุณอุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกฯ พูดแดกดันว่าพรรคเสรีรวมไทยรับใช้เพื่อไทยมาทั้งชีวิตแล้ว เผื่อมีโอกาสร่วมงานกับรัฐบาลบ้าง เพราะมีปัญหาเช่น เรื่องตำรวจ ที่รองนายกฯ และรักษาการนายกรัฐมนตรี บอกจะขอดูแลงานตำรวจเอง แบบนี้จะมีปัญหา ทั้งที่ผมเคยเป็นผบ.ตร.มาก่อน เพราะการดูแลตำรวจไม่ใช่แค่การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจให้เป็นคนของตนเองเท่านั้น แต่ตำรวจต้องมีการปฏิรูปการทำงาน การบริหารจัดการ พรรคเพื่อไทยไม่เคยคิดทำงานให้ตำรวจเลย คิดแต่จะคุมการแต่งตั้งผบ.ตร. ทำให้ประชาชนขาดศรัทธาตำรวจ” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า สมัยที่ตนเป็น ผบ.ตร. มีความสนิทกับนายทักษิณ และครอบครัว มีนักการเมือง ทั้ง นายทักษิณ คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ มาขอเรื่องการแต่งตั้งผู้กำกับการ ตนให้ รวมถึงนายชวน หลีกภัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ มาขอตำแหน่งผู้การ ก็ให้หมด แต่ตนไม่เคยได้รับการตอบแทนจากคนเหล่านี้ ยกเว้นนายสุเทพ ช่วงที่นายทักษิณ อยู่ต่างประเทศ 17 ปี ตนเคยไปเยี่ยม 5 ครั้ง ช่วงหลังการเลือกตั้งปี 2562 ที่ตนได้เป็นประธานกมธ. ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยมีอะไร ขอตนหมด เช่น นางมนพร เจริญศรี เป็น สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ขอให้ช่วยเอานายศุภชัย โพธิ์สุ อดีตสส.นครพนม พรรคภูมิใจไทยออกไปให้หน่อย เพราะเป็นคู่แข่งในเขเลือกตั้ง ซึ่งตนช่วยโดยไม่ได้กลั่นแกล้ง เพราะนายศุภชัยครอบครอบที่ดินทั้งที่ไม่มีสิทธิ 1,000 ไร่จนถูกตัดสิทธิทางการเมือง หรือ กรณีที่นายประเสริฐ จันทรวงทอง ที่ขอให้ช่วยจัดการ นายวิรัช รัตนเศรษฐ พรคพลังประชารัฐที่กว้างขวางใน จ.นครราชสีมา ตนจัดการให้หมด ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ สส. อีกหลายคน แต่เป็นการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่เคยทำผิดให้เป็นถูก ทำให้พรรคเพื่อไทยได้ สส.เพิ่มขึ้น


“ผมช่วย สส.ของพรรคเพื่อไทยมาตลอด และรัฐมนตรีอีกหลายคน เมื่อเลือกตั้งเสร็จ ผมมีเสียงเดียว เอาไปเทียบกับพรรคหนึ่งเสียงได้อย่างไร เพราะรู้จักมา 51 ปี เมื่อเขาไม่รู้จักกันแบบนี้ จะให้ผมรู้จักหรอ ถอนตัวดีกว่า” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่านายทักษิณรับปากจะให้ตำแหน่งหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เล่ารายละเอียดว่ามีการพูดอยู่หลายครั้ง “พูดกับผมไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ว่าเป็นหนี้บุญคุณผม ขอให้ไปคิดดู คนที่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจจะมีรุ่นพี่ที่ดูแล นายทักษิณตั้งเป็นผู้การ ผู้บัญชาการทั้งหมด แต่ไม่ตั้งผมเลย พูดตลอดเวลาเป็นหนี้ผมเป็นพันครั้งต้องชดใช้ แต่พูดแล้วก็เฉย แม้กระทั่งตอนผมไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตำรวจ ก็พูดว่าต้องตอบแทนแต่ก็เฉย ไม่เป็นไร เพราะการจัดตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องของ น.ส.แพทองธาร จะเอา สส. หรือไม่เอา สส. ก็ได้ เป็นอำนาจนายกฯ แต่ลืมผมทุกที ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร อาจคิดว่าพรรคเสียงเดียว ไปเปรียบเทียบกับพรรคอื่นๆ ได้อย่างไร เพราะเข้ามาหวังประโยชน์ แต่ผมต้องการเข้ามาทำงาน หลังจากเกิดปัญหาขัดแย้งระหว่างผมกับนายทักษิณ นายทักษิณก็ไม่โทรมาหา พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้ว่าอะไร” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ ยังยืนยันว่าเคยไปเยี่ยมนายทักษิณ 2 ครั้ง ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ คือช่วงเดือน พ.ย.2566 และเดือน ก.พ.67 และมีหลักฐานยืนยันเป็นข้อความสนทนาในแชทไลน์ การพูดคุยระหว่างตัวแทนของนายทักษิณกับตน เพื่อนัดวันเวลาที่จะไปพบ ครั้งแรกนัดพบกันเดือน พ.ย.66 ครั้งที่สอง ตัวแทนของนายทักษิณ ได้ส่งแบบฟอร์มการขอให้ถอนคำฟ้องที่ตนฟ้องนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อป.ป.ช. มาให้ลงนาม พร้อมกับนัดเวลาอีกครั้งในวันที่4ก.พ.67 เวลา 10.00 น. ยืนยันว่ามีหลักฐานการไปพบนายทักษิณจริงๆ ส่วนตัวแทนนายทักษิณที่เจรจาทางแชทเป็นใคร ยังไม่ขอเปิดเผย รวมถึงอาการของนายทักษิณระหว่างที่ไปเยี่ยมที่ชั้น 14 มีอาการเป็นอย่างไรยังไม่ขอพูด ขอชี้แจงเป็นสเตป ยังไม่อยากปล่อยข้อมูลทั้งหมดว่าคุยอะไรกันบ้าง ขณะนี้ตนหันหลังให้นายทักษิณ ถือว่าหมดเวลาแล้ว


พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ที่บอกว่าตนจะไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ เป็นฝ่ายค้าน เป็นไปไม่ได้ เพราะตนไม่เอาคณะปฏิวัติ ส่วนจะรอสายตรงจากนายทักษิณติดต่อมาหรือไม่นั้น ไม่มี เขาทำลายพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ อย่างเก่งก็ทำให้เสรีรวมไทยสูญพันธุ์ แต่เราก็มีแค่หนึ่งเสียง การออกมาแถลงข่าววันนี้ ไม่ได้ต้องการสร้างมูลค่าให้ตัวเอง ที่ผ่านมาสมัยตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการเสนอเงิน 300 ล้านบาท และให้ตำแหน่งรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง แต่ตนไม่เอา

เมื่อถามว่าถ้าตอนนี้มีการต่อรองให้เก้าอี้รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงจะเอาหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ไปก็โง่สิ เดินมาขนาดนี้ มันก็รบกันท่าเดียว แน่นอนว่าขอตัดสัมพันธ์นายทักษิณ คบมา51ปีแล้ว ทำได้แค่นี้ จะคบต่อไปทำไม หลังจากนี้ให้รอดูป.ป.ช.จะเชิญตนไปให้ข้อมูลหรือไม่ ขอบอกเลยว่าจะต้องคิดคุกกันทั้งหมด ตั้งแต่พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ และแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

เมื่อถามว่าแสดงว่าจะต้องมีภาค 2 ให้ติดตามใช่หรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขอให้คอยดู

เมื่อถามว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เป็นร่างทรงนายทักษิณหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็รู้ ไม่เห็นต้องถาม ส่วนการกระทำของนายทักษิณ จะเข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ สื่อก็รู้เช่นกัน ขณะนี้นายทักษิณไม่ใช่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ไม่สามารถเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ เมื่อไม่ใช่สมาชิกพรรค จะไปแสดงตัวเชิญทุกพรรคร่วมรัฐบาลมาที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เมื่อคืนวันที่14ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้สนับสนุนน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯไม่ได้ ถือว่าครอบงำพรรค

เมื่อถามว่ามองอนาคตของพรรคเพื่อไทย และน.ส.แพทองธาร อย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า อยู่ได้ไม่ถึงปี สั้นกว่านายเศรษฐา จะตายด้วยเรื่องของนายทักษิณเอง รวมถึงเรื่องคดีของน.ส.แพทองธารด้วย แต่เราคงไม่ถึงขั้นไปยื่นร้องน.ส.แพทองธาร

เมื่อถามว่าประเมินว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเดินเกมแก้แค้นนายทักษิณ อย่างไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตอบว่า ต้องแก้แค้นเต็มที่ แต่พล.อ.ประวิตร คงสู้ไม่ได้ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคตระบัดสัตย์ หลังเลือกตั้งปี62 ก็ตระบัดสัตย์ไปร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำให้มีสส.ลดลงจาก52คนเหลือ25คนในปัจจุบัน ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยบอกถ้าพรรคแพ้การเลือกตั้งปี66จะเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต แต่ก็ไม่เลิก ตระบัดสัตย์หรือไม่ ทั้งที่พูดต่อที่สาธารณะ ถามว่าผิดจริยธรรมหรือไม่ ตนมองว่าผิด แต่ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องเป็นผู้ตัดสิน ดูแล้วพล.อ.ประยุทธ์ ยังมีสัจจะดีกว่านักการเมือง สำหรับบทบาทของพรรคเสรีรวมไทยต่อจากนี้ จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน สิ่งไหนที่รัฐบาลทำดีก็ไม่คัดค้าน ถ้าทำไม่ดีก็ค้าน และจะดำเนินการฟื้นฟูพรรคในการเลือกตั้งต่อไป ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเชิญให้ร่วมรัฐบาล ก็ไม่เข้าร่วมแล้ว

เมื่อถามว่าราคาที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องจ่ายในการเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้คืออะไร พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ก็จบแล้ว ใน กทม.ก็จบแล้ว.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย