พรรคชาติไทยพัฒนา 21 ส.ค. – “นิกร” ชี้มติ กก.บห.-พรรค มอบอำนาจเต็มให้หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เป็นผู้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการเข้าร่วมงานทางการเมือง-แต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง
นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีอดีตกรรมการบริหารพรรคและอดีตกรรมการยุทธศาสตร์และประชาสัมพันธ์พรรค ยื่นลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา โดยให้เหตุผลไม่พอใจการดำเนินงานทางการเมืองของนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เข้าร่วมรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยไม่มีการประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อขอความคิดเห็นก่อนว่า ขณะนี้หัวหน้าพรรคพรรคชาติไทยพัฒนามีอำนาจเต็มในการดำเนินงานทางการเมืองตามข้อบังคับและมติพรรค ตามที่พรรคได้มีมติเมื่อการประชุมกรรมการบริหารพรรค ครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 66 ระบุถึงการพิจารณาการดำเนินงานทางการเมืองของพรรคชาติไทยพัฒนา โดยในที่ประชุมนั้น ตนในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายฯ และผู้อำนวยการพรรค เสนอต่อที่ประชุมว่าเนื่องด้วยเวลาที่เร่งรัดและสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น เพื่อความคล่องตัวจึงเห็นว่าควรจะปฏิบัติตามที่ได้เคยปฏิบัติมาโดยตลอด คือการมอบอำนาจเต็มให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการเข้าร่วมงานทางการเมือง
นายนิกร กล่าวว่า ประกอบกับตามข้อบังคับพรรค ข้อ 22 (6) กำหนดอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าพรรคว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นในการดำเนินการทางการเมืองให้มีอำนาจปฏิบัติการในนามของพรรคได้โดยความเห็นชอบของกรรมการบริหารพรรคไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรคเท่าที่มีอยู่ในขณะนั้น และให้ถือว่าการดำเนินการนั้นเป็นมติพรรค จึงเสนอให้มอบอำนาจเต็มให้แก่หัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการเข้าร่วมงานทางการเมือง โดยให้ถือว่าการดำเนินการดังกล่าวนั้นเป็นมติพรรค ซึ่งที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคมีมติเห็นชอบมอบอำนาจเต็มให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการเข้าร่วมงานทางการเมืองโดยให้ถือว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นมติพรรค
นายนิกร กล่าวว่า สำหรับการพิจารณารายชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในที่ประชุมนั้น ตนในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายฯ และผู้อำนวยการพรรค ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ตามข้อบังคับพรรค ข้อ 107 กำหนดว่า กรณีที่จะมีการแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้พรรคประกาศให้สมาชิกทราบเป็นการทั่วไป เพื่อเชิญชวนให้กรรมการบริหารพรรค กรรมการสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค เสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อคณะกรรมการบริหารพรรค และให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณาคัดเลือกบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต มีคุณธรรมจริยธรรม จากรายชื่อบุคคลที่กรรมการบริหารพรรค กรรมการสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด หรือสมาชิกพรรค เสนอมา เพื่อแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งนี้ ตามข้อบังคับดังกล่าว พรรคได้ดำเนินการประกาศให้สมาชิกพรรคทราบเป็นการทั่วไปแล้ว โดยการประกาศทางเว็บไซต์ของพรรค ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 66 ซึ่งได้มีกรรมการบริหารพรรค กรรมการสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค เสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเอกสารเข้ามาให้กับพรรค
นายนิกร กล่าวว่า โดยสรุปรายชื่อบุคคลเพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามที่ได้มีการเสนอมา 32 รายชื่อ แต่จนถึงปัจจุบันมีบุคคลบางท่านได้ลาออกไปจึงเหลืออยู่ 29 รายชื่อ ประกอบด้วย นายวราวุธ ศิลปอาชา, นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา, นายประภัตร โพธสุธน, นายอนุชา สะสมทรัพย์, นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์, นายธีระ วงศ์สมุทร, นายอนุรักษ์ จุรีมาศ, นายนิกร จำนง, นายสรชัด สุจิตต์, นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ, นายนพดล มาตรศรี, นายเสมอกัน เที่ยงธรรม
นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์, นายศุภโชค ศรีสุขจร, นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์, นายยุทธพล อังกินันทน์, นายชาติชาย พยุหนาวีชัย, นายกนก วงษ์ตระหง่าน, นายนิติวัฒน์ จันทร์สว่าง, นายอุดมศักดิ์ ศรีสุทิวา, นางนันทพร ดำรงพงศ์, นางสาวทัศน์ลักษณ์ ปัตตพงศ์ภัช, นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์, นายสุรชัย ทิณเกิด, นายอภิวัชร บัวพันธ์, นายพีระวัฒน์ พุ่มทอง, นายพงษ์ศักดิ์ ชมสุวรรณ, นายพิสิษฐ์ พิทยฐากุลเจริญ, นางพวงรัตน์ ชัยบุตร ซึ่งหัวหน้าพรรคมีอำนาจเต็มจากมติของกรรมการบริหารพรรคดังกล่าวเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจเพื่อแต่งตั้งให้บุคคลดำรงตำแหน่งทางการเมืองในนามพรรคชาติไทยพัฒนา แล้วต้องนำผลการดำเนินการนั้นมารายงานต่อที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคเพื่อทราบในโอกาสแรกต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย