เลขาฯ พรรค LDP ญี่ปุ่น เข้าพบ “แพทองธาร”

พรรคเพื่อไทย 1 ส.ค.- เลขาธิการพรรค LDP ญี่ปุ่น เข้าพบ “แพทองธาร” ย้ำ “ไทย” เป็นพาร์ทเนอร์และฐานการผลิตที่สำคัญของญี่ปุ่น ยืนยัน เร่งสนับสนุน ไทยร่วมสมาชิก OECD

นายโมเตกิ โทชิมิตสึ (Mr.Motegi Toshimitsu) เลขาธิการพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่น และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น พร้อมคณะ เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนางนลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย, นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นายดุสิต เมนะพันธ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร สส.จ.ขอนแก่น, นายพลนชชา จักรเพ็ชร เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และน.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) และประเทศไทยอย่างเป็นทางการ


น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไทยกับญี่ปุ่น มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดด้านเศรษฐกิจมาอย่างยาวนาน ญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างชาติ ที่มียอดลงทุนสะสมในไทยเป็นอันดับ 1 และเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย โดยมีความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย – ญี่ปุ่น (JTEPA) เป็นกรอบความร่วมมือสำคัญ ที่สนับสนุนการค้า พร้อมยังเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในไทยให้มากยิ่งขึ้น

น.ส.แพทองธาร ยังได้หยิบยกประเด็นมาตรการองรับการลงทุนต่างชาติของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า รัฐบาล ได้ออกมาตรการต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ IGNITE Thailand ที่มุ่งหมายส่งเสริมการพัฒนาประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ประกอบกับนโยบาย Soft Power ที่สนับสนุนให้มีการฝึกอาชีพให้พี่น้องประชาชนคนไทย สร้างงานสร้างอาชีพด้วยเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งภาคเอกชนญี่ปุ่น มีความเชี่ยวชาญในหลายสาขา พร้อมมองว่า นายโมเตกิ เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในพรรค LDP จึงขอให้ช่วยสนับสนุน และเพิ่มโอกาสในการค้า การลงทุนระหว่างสองประเทศ พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และวัฒนธรรมระหว่างกันของประชาชนต่อประชาชนให้มากขึ้น เนื่องจาก รัฐบาลญี่ปุ่น ก็มีนโยบายสนับสนุน Digital Transformation และ Green Transformation (GX) เพื่อนำไปสู่ Asia Zero Emission Community (AZEC) อยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสที่จะร่วมมือกัน สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมในประเทศไทย ไปสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ด้วย


“ขอให้เชื่อมั่นว่า ญี่ปุ่นกับไทย เป็นหุ้นส่วนที่ไว้เนื้อเชื่อใจกันมายาวนาน ซึ่งความสำคัญนี้ จะไม่มีวันลดลงไป ยิ่งในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวในปัจจุบัน ไทยกับญี่ปุ่น ยิ่งจำเป็นต้องจับมือ ร่วมมือกัน ช่วยเหลือกันมากขึ้น ซึ่งล่าสุดรัฐบาลนายกฯ เศรษฐา ได้เพิ่มโอกาส และอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อการท่องเที่ยว และการเจรจาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา รัฐบาลได้ขยายระยะเวลาการพำนักในไทยให้ชาวญี่ปุ่น ที่เข้าไทย โดยได้รับการยกเว้นวีซ่า จาก 30 วัน เป็นไม่เกิน 60 วัน จึงหวังว่า จะช่วยทำให้ชาวญี่ปุ่น เดินทางมาประเทศไทยเพื่อกิจกรรมทางธุรกิจ และท่องเที่ยวมากขึ้น” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ขณะที่ นายโมเตกิ ยืนยันว่า ญี่ปุ่นมองไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับไทย มีพลเมืองญี่ปุ่น อาศัยอยู่กว่า 70,000 คน และมีอีกกว่า 6,000 บริษัทในประเทศไทย ดังนั้น ประเทศไทย จึงมีความสำคัญกับญี่ปุ่นมาก พร้อมยืนยันอีกว่า ญี่ปุ่นยังคงอยากร่วมมือกับประเทศไทย เพื่อผลักดันด้านความมั่นคงทางพลังงาน และอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้เป็นพาร์ทเนอร์ในระยะยาว และยังรับปากด้วยว่า จะช่วยหารือให้กระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ Organisation for Economic Co-operation and Development (OECD) ของไทยเป็นไปอย่างรวดเร็ว

นายโมเตกิ ยังเปิดเผยด้วยว่า รู้สึกยินดี ที่ได้มาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งตนเคยมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ในวันนั้นได้พบกับอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร จึงยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่วันนี้ได้พบกับบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณด้วย พร้อมยังได้ฝากแสดงความเสียใจไปยังนายเศรษฐา ที่ต้องสูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิดด้วย


นอกจากนี้ทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือถึงสภาวะสังคมสูงอายุที่ทั้งญี่ปุ่น และไทย กำลังเผชิญร่วมกัน และรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ก็สนับสนุนให้พลเมืองในประเทศของตน มีบุตรมากขึ้น ซึ่งในโอกาสนี้ นางสาวแพทองธาร ได้มอบ “กล่องรับขวัญ” ที่พรรคเพื่อไทย จัดทำขึ้นเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมุ่งหวังให้อนาคตของชาติ เติบโตไปอย่างมีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญเพื่อพัฒนาประเทศไทย แก่นายโมเตกิ เพื่อเป็นที่ระลึกด้วย ซึ่งนายโมเตกิ ก็ได้ชื่นชมในนโยบายนี้ของพรรคเพื่อไทยด้วย.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]