“ศิริกัญญา” เชื่อเป็นไปได้สูง “เงินดิจิทัล” แจกไม่ทันไตรมาส 4

กทม. 24 ก.ค.- “ศิริกัญญา” ไม่ให้คะแนน รัฐแถลงดิจิทัลวอลเล็ต บอกอุตส่าห์ตื่นเต้น ลั่นไม่คาดหวังไม่ผิดหวัง เชื่อเป็นไปได้สูงมากแจกไม่ทันไตรมาส 4 ไล่บี้งบจะเบิกจ่ายเหลื่อมปีเป็นสัญญาแบบไหน ถามพายุหมุนจะทำเศรษฐกิจโตแค่ไหน เย้ยทุกอย่างยังลื่นไหล-ไม่นิ่ง มองเป็นไปได้ให้คนลงทะเบียนออนไลน์ก่อน ทำคนซื้อมือถือเพิ่มขึ้น แต่อย่าลืมว่าจะซื้อมือถือด้วยดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้


นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังรัฐบาลแถลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ไเติดตามการแถลงตั้งแต่เช้า แต่เรื่องใหม่ มีน้อยมาก มีเรื่องที่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน “แค่วันลงทะเบียน” ว่าประชาชนทั่วไป ที่มีสมาร์ทโฟน ก็เริ่มลงทะเบียนได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. ส่วนคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน เริ่ม 16 ก.ย. โดยร้านค้าก็เลื่อนออกไปอีกถึงเดือน ต.ค. นอกจากข้อมูลตรงนี้ ไม่มีอะไรที่ชัดเจนอีกเลย แม้ว่าจะมีการทวงถามจากนักข่าว

นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่าเรื่องแรกที่อยากพูด คือผลกระทบกับเศรษฐกิจ หลังจากเกิดพายุหมุนดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว เศรษฐกิจจะโตแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ออกมาบอกว่าไม่สามารถประมาณการณ์ได้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกใบนี้ แต่จากการที่ตนไปสังเกตการณ์ ในห้องกรรมาธิการงบ 67 เพิ่มเติม หน่วยงานต่างๆ รวมถึง กระทรวงการคลัง ได้ส่งผลรายงานที่จะเกิดขึ้น กับดิจิทัลวอลเล็ต เข้ามาแล้ว ซึ่งกระทรวงการคลัง ได้ปรับเป้าหมาย จากเดิมที่บอกว่า 1.2 – 1.8 % ของ GDP เหลือ 0.9 % ของ GDP ส่วนสภาพัฒน์ ก็บอกว่าจะทำให้ GDP ของปี 67 และ 68 โตประมาณ 0.3 % ด้านแบงก์ชาติ บอกว่า ปี 67 0.3 % ปี 68 0.2 % รวมทั้งโครงการโต 0.9 % ทั้ง 3 สำนัก ผลออกมาตรงกัน คือกระตุ้นได้ไม่ถึง 1% ของ GDP แน่นอน อาจเป็นเพราะการปรับลดเป้าหมาย หรือแหล่งที่มาของเงิน พอกลับไปใช้เงินในงบประมาณ อาจจะทำให้ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ไม่ได้มีมากพอสมควร


นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่าประเด็นต่อมาที่มองว่าไม่ชัดเจน คือแหล่งที่มาของเงิน สุดท้ายก็ถามย้ำว่า การบริหารจัดการงบประมาณคืออะไรกันแน่ งบ 68 ก้อนใหญ่หน่อย ถึง 132,000 ล้านบาท นักข่าวก็ถามจี้ว่าตกลงแล้วบริหารจัดการคืออะไร แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ก็ไม่ได้ให้ความชัดเจน บอกว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการออกงบประมาณเพิ่มเติมอีก เหมือนงบปี 67 หรือจะเป็นการใช้งบกลาง งบเหลือจ่าย สุดท้ายเราก็ไม่ได้ความชัดเจนถึงเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่จะใช้กับโครงการอยู่ดี

นางสาวศิริกัญญา ย้ำว่า เป็นคนพูดเรื่องข้อกฎหมายในการอภิปรายงบรายจ่ายเพิ่มเติม 67 จึงอยากมาอัพเดตให้ทุกคนฟังว่าการประชุมในชั้นกรรมาธิการพูดอะไรกันบ้าง รอบนี้ตนเข้าไปสังเกตการณ์ แต่ไม่ได้เป็นกรรมาธิการ ซึ่งในห้องก็มีการถกกันว่างบที่จะใช้เพิ่มเติม จะเป็นเหมือนกับงบรายจ่ายประจำปีทั่วไปที่จะกันเงินเอาไว้แล้วเบิกเหลื่อมปี นำไปเบิกปี 68 ได้ ถ้าปี 67 ใช้ไม่หมดได้หรือไม่

“วันนั้นก็เป็นตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ออกมาให้ความเห็นเลยว่าสามารถกระทำได้ เนื่องมาจากว่าได้เกิดนิติสัมพันธ์ คล้ายกับที่ท่านจุลพันธ์พูดเลยว่า มีการเสนอและการสนอง ก็ถือว่าผูกพันสัญญาแล้ว แต่ประเด็นก็คือว่า กรรมาธิการในฟากฝั่งของก้าวไกลก็ถาม ว่าแล้วเป็นสัญญาประเภทใด มันเรียกว่าเป็นสัญญาได้อย่างไร ในเมื่อมันเป็นสัญญาผูกพันในลักษณะต่างตอบแทนแบบนี้ มันไม่ได้เป็นการสัญญาทั้งสองฝั่งที่ต้องเซ็นยินยอมทั้งคู่ เพื่อไม่ให้เกิดก่อหนี้ เหมือนเราซื้อของ เราเช่าซื้อ เรากู้เงิน หรือเราค้ำประกัน มันจะมีสัญญาของทั้งสองฝ่าย ต้องเซ็นชัดเจน ปรากฏว่าไม่มีหน่วยงานไหนตอบได้เลยว่าเป็นสัญญาประเภทใด เหมือนกับคิดขึ้นมาใหม่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาในประเทศนี้มาก่อน อันนี้ก็ยังเป็นประเด็นที่ยังคงต้องติดตามต่อว่าสรุปแล้วจะสามารถใช้งานข้ามปีได้หรือไม่ ถ้าใช้ไม่ได้งบเพิ่มเติมที่จะต้องมีการอนุมัติกันวาระ 2-3 ในอาทิตย์หน้า ก็คงจะต้องใช้ให้หมดภายในวันที่ 30 ก.ย. 2567 ซึ่งก็คงจะต้องใช้วิธีการอื่นในการทำดิจิทัลวอลเล็ต” นางสาวศิริกัญญา กล่าว


นางสาวศิริกัญญา กล่าวต่อว่าประเด็นต่อมาคือเรื่องรายจ่ายลงทุน ที่ยังถูกเถียงกันเหมือนเดิมว่าจะเป็นรายจ่ายลงทุน 80% ได้อย่างไรโดยที่ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลังก็พยายามอธิบายเต็มที่ว่าเป็นรายจ่ายลงทุนจริงๆ แต่เท่าที่เราดูแล้วมันมาจากสมมติฐานซะเยอะ ไม่ได้มาจากข้อเท็จจริงหรือผลสำรวจแต่อย่างใด เป็นได้อย่างมากก็เป็นรายจ่ายลงทุน 50% เท่านั้นเอง ถ้าเราจะตั้งเป้าหมายแบบนั้นก็ต้องไปดูเรื่องสัดส่วนอีกทีว่าจะเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ถ้าไม่สามารถจะนับรวมเงินที่จะใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ให้เป็นรายจ่ายลงทุนได้

นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า หากใช้งบผูกพันข้ามปีไม่ทัน 30 ก.ย. นี้ ก็มีสิทธิ์ที่จะใช้ไม่ได้ หากเราไม่ได้ข้อสรุปว่ามันใช้ได้จริงหรือใช้ไม่ได้ข้ามปีแบบนี้

เมื่อถามว่าจะกลายเป็นเลื่อนออกไปอีกหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า มี 2 ทางคือต้องแจกเลย โดยที่ระบบก็อาจจะยังไม่เสร็จ ก็คงต้องแจกเป็นเงินสดภายในวันที่ 30 ก.ย. หรือหากอยากแจกพร้อมกันหมด ก็อาจจะต้องพับเงินก้อนนี้ไป ก็ต้องไปหาเงินก้อนอื่นมา

“วันก่อนปลัดกระทรวงก็ออกมาบอกว่า อาจจะกลับไปใช้มาตรา 28 ก็เป็นไปได้ ตอนนี้ทุกอย่างก็ยังคงลื่นไหลไม่นิ่ง ไม่แน่ไม่นอน” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวถึง ระบบลงทะเบียนว่า มีการจัดซื้อจัดจ้างกันไปเรียบร้อยแล้วในวันที่ 11 ก.ค. ไม่น่ามีปัญหา แต่ที่มีปัญหาคือระบบจ่ายเงิน (Payment) ที่ซับซ้อน เนื่องจากเป็นระบบโอเพ่นลูป ธนาคารต่างๆ ต้องสร้างกระเป๋าเงินอีกอันหนึ่งให้อยู่ในแอพ เพื่อให้เราได้ใช้ จึงอยากขอดู TOR ว่ามีการกำหนดสเป็กอย่างไรบ้าง แต่ TOR ก็ไม่สามารถให้ได้ เพราะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างแบบคัดเลือก ต้องเชิญชวนผู้ประกอบการไม่กี่เจ้ามาประกวดราคากัน เราจึงขอดูหนังสือเชิญชวน แต่หนังสือเชิญชวนก็ยังร่างไม่เสร็จ งานนนี้จึงไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรให้เสร็จทันเวลา เพราะอย่าลืมว่าหลังจากระบบชำระเงินเสร็จ จะต้องส่งตัว Blueprint ไปให้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เปิดระบบเชื่อมต่อ จากนั้นต้องส่งให้แบงก์ชาติตรวจสอบอีก 15 วัน ดังนั้น

“จึงเป็นไปได้สูงมากที่ไม่ทันแจกไตรมาส 4 ถ้าระบบนี้ยังไม่เรียบร้อยจนถึงวันนี้ จึงฝากสื่อมวลชนให้สอบถามเรื่องนี้ด้วย แล้วประชาชนจะปลอดภัยกับเงินที่ใช้แลกเปลี่ยนตรงนี้หรือไม่ เงินดิจิทัลจ่ายไปแล้วจะไปปรากฎในกระเป๋าเงินของประชาชนได้แน่ใช่หรือไม่ ไม่มีปรากฏเงินหล่นเงินหายระหว่างทางใช่หรือไม่” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

เมื่อถามว่ารูปแบบการลงทะเบียนที่เปิดให้ลงแบบออนไลน์ก่อนออฟไลน์ จะไปกระตุ้นให้คนซื้อมือถือมาลงทะเบียนหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่าเป็นไปได้ เพราะระยะเวลาในการลงทะเบียนแบบใช้สมาร์ตโฟนค่อนข้างนาน และรัฐบาลคงอยากให้คนลงทะเบียนแบบออฟไลน์น้อยที่สุด ถึงได้มีระยะเวลาให้คนได้ดิ้นรนไปหามือถือมาลงทะเบียน ทั้งนี้ รัฐบาลก็บอกว่าไม่มีสมาร์ตโฟนก็ลงทะเบียนได้ แต่ไม่ได้บอกว่าต้องทำอย่างไร บอกแค่วิธีการลงทะเบียนแบบมีสมาร์ตโฟน โดยมีการบ่ายเบี่ยงบอกว่าอุบไว้ก่อน เดี๋ยวคนจะไม่มาลงทะเบียนแบบสมาร์ตโฟน

ส่วนการกระตุ้นให้คนซื้อมือถือแบบนี้จะเกิดผลอย่างไรบ้าง นางสาวศิริกัญญา ระบุว่า ไม่ได้มีผลกระทบเยอะขนาดนั้นที่จะไปกระตุ้นให้คนใช้มือถือ แต่อย่าลืมว่าจะซื้อมือถือด้วยดิจิทัลวอลเล็ตไม่ได้ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์สื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์ก็ใช้ไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีการถกกันเยอะในชั้นกรรมาธิการว่ามีหลายตัวที่คนไทยก็เป็นคนผลิต เช่น พัดลม หรือเครื่องปรับอากาศ ที่เราเป็นผู้ส่งออกหลักมานาน ทำไมถึงกีดกันและยังไม่มีคำตอบ รวมไปถึงการสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้ารายย่อยให้เข้ามาร่วมโครงการ โดยได้สอบถามไปยังปลัดกระทรวงพาณิชย์โดยตรงที่เป็นผู้ควบคุมเรื่องการลงทะเบียนร้านค้า ยืนยันว่าไม่มีการสร้างแรงจูงใจใดๆให้ร้านค้ารายย่อย

ผู้สื่อข่าวถามว่าให้คะแนนการแถลงวันนี้เท่าไหร่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ไม่ได้ให้คะแนน พร้อมกล่าวว่า “วันนี้ตื่นเต้นมากที่มีการแถลงดิจิทัลวอลเล็ต เพราะรอมาตั้งแต่ต้นเดือน แต่พอเมื่อคืนนี้บอกว่าจะแบ่งซอยการแถลงออกเป็น 3 ครั้ง ครั้งแรกจะเป็นแค่รัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 3 คน แล้วนายกฯไปแถลงทีหลัง เราก็ทราบแล้วว่าไม่น่าจะมีอะไรมากมาย ไม่ได้คาดหวัง ก็ไม่ได้ผิดหวังและไม่ได้ให้คะแนน แต่คาดว่าก็มาในทำนองนี้แหละ ยังไม่มีอะไรชัดเจนมากนัก แต่พูดไว้แล้วว่าจะแถลงก็ต้องแถลง อะไรมีก็พูดไปก่อน” นางสาวศิริกัญญา กล่าว.-319 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำไทยเลือกสันติวิธี แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- นายกฯ ลั่น “ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ย้ำไทยเลือกสันติวิธี ปมชายแดนไทย-กัมพูชา แต่หากปะทะเราพร้อม ยอมรับเป็นเพื่อนที่ดี แต่จะขอบ้านเราไม่ได้ หลังถูกจี้ถาม “ตระกูลชิน” เกี่ยวดอง “ฮุน เซน” แจงปิดด่านต้องประเมินคุณ-โทษ บอกปรึกษาทหารแล้ว งง สื่อฯ ทำไมวันนี้ ดุจัง ปลอบ ไม่เป็นไรนะ ไม่ได้ลงพื้นที่ดูหน้างาน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงสถานการณ์ชายแดน ว่า ได้เน้นย้ำสถานการณ์ชายแดนจังหวัดอุบลราชธานี ต้องรวมกันเป็นหนึ่ง สิ่งสำคัญมาก ๆ คนไทยต้องรักกันสามัคคีกัน ไม่ใช่การเมืองในประเทศที่จะต้องมีการแบ่งฝ่ายกัน ทุกๆ ฝ่ายต้องช่วยกันรวมทั้งสื่อมวลชนด้วย ต้องสื่อสารเรื่องนี้ว่าถึงเวลาที่เรามีปัญหาระหว่างประเทศเราต้องสามัคคีกัน ต้องใช้ความเป็นหนึ่ง รักกันของคนในชาติ รัฐบาลไม่ใช่พรรคการเมืองใดการเมืองหนึ่ง ฝ่ายค้าน รัฐบาลก็คือประเทศไทย และการแสดงความเห็นและการปล่อยข่าวปลอมเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นายกรัฐมนตรี กล่าววว่า ถ้าถามว่ารัฐบาลเคลื่อนไหวอย่างไรนั้น รัฐบาลทำเต็มที่และรักษาอธิปไตยของเราเป็นสิ่งที่จำเป็น รัฐบาลและทหาร คุยกันตลอดว่า จะไปทางไหนอย่างไรเราต้องมั่นใจว่าเราเป็นประเทศไทยเพลงชาติไทย เขาเรียกว่า […]

‘อี แจ-มยอง’ คว้าชัยเลือกตั้ง ปธน.เกาหลีใต้

โซล 4 มิ.ย. – อี แจ-มยอง ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปไตย ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เมื่อวานนี้ พร้อมประกาศชัยชนะต่อผู้สนับสนุน ขณะที่ คิม มุน-ซู คู่แข่งจากพรรคพลังประชาชน ออกมายอมรับความพ่ายแพ้แล้ว นายอี ได้ชัยชนะการเลือกตั้งหลังจากการนับคะแนนผ่านไปร้อยละ 94.4 และเมื่อช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน นายอี ได้คะแนนเสียงไปแล้วร้อยละ 48.8 และนายคิม คู่แข่งคนสำคัญจากพรรคพลังประชาชน แนวอนุรักษ์นิยม ได้ร้อยละ 42 แม้ว่าคะแนนที่ยังไม่ได้นับ จะตกเป็นของนายคิมแต่ก็ยังตามนายอีไม่ทัน ซึ่งทำให้นายอี ยืนยันชัยชนะของเขาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับตัวเลขผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเบื้องต้นอยู่ที่ร้อยละ 79.4 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 ปี นับตั้งแต่การเลือกตั้งในปี 2540 ในจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งประมาณ 44.4 ล้านคน มีผู้มาใช้สิทธิราว 35.24 ล้านคนตามหน่วยเลือกตั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.1 ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนในปี 2565 นายอีกล่าวว่า เขาจะไม่มีวันลืมหน้าที่ของประธานาธิบดีในการสร้างความเป็นเอกภาพของผู้คนในประเทศ และว่าเขาจะหาวิธีให้ประเทศอยู่ร่วมกับเกาหลีเหนือได้โดยผ่านการเจรจาและพูดคุยกัน ด้าน นายคิม […]

รัฐบาลออกแถลงการณ์ปมไทย-กัมพูชา ยันปกป้องอธิปไตยเต็มที่

ทำเนียบ 4 มิ.ย.- รัฐบาล ออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยัน ตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยเต็มที่ ยึดหลักแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ หลักมนุษยธรรม และสวัสดิภาพของประชาชน ย้ำ ชายแดน มีความสงบเรียบร้อย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมทุกภาคส่วนของ รัฐบาลภายหลังเกิดเหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย -กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เช้าวันนี้ 4 มิถุนายน 2568 เวลา 07.00 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าวดังต่อไปนี้ แถลงการณ์รัฐบาล “กรณีสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา” รัฐบาลขอยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและคุ้มครองบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างเต็มที่โดยยึดหลักการในการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี สอดคล้องตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม โดยจุดเริ่มต้นของสถานการณ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ในขณะที่กองกำลังฝ่ายไทยลาดตระเวนตามปกติในพื้นที่ฝ่ายไทยซึ่งเป็นแนวที่ถือปฏิบัติเสมอมา แต่ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันในช่วงเวลาสั้นๆ ระหว่างกองกำลังไทยและกัมพูชา ที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีสถานการณ์จากการปะทะดังกล่าวทำให้กองกำลังไทยจำเป็นต้องป้องกันตัว และปกป้องพื้นที่อธิปไตยของไทย เป็นการดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ภายหลังจากเกิดเหตุรัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้หารืออย่างใกล้ชิดในทุกระดับรวมถึงนายกรัฐมนตรี […]

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย