ทำเนียบ 18 ก.ค.- นายกฯ แก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ ปราบปรามซิมผี-บัญชีม้า พร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินมาตรการแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน ตัดวงจรมิจฉาชีพ ปกป้องประชาชน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งการเคร่งครัดปราบปรามกลุ่มมิจฉาชีพทางเทคโนโลยีที่หลอกลวงประชาชนในทุกมิติ ห่วงใยความปลอดภัยประชาชนต้องการให้เข้าถึงทุกกลลวง มุ่งยกระดับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ในประเทศไทย โดย กสทช. ทยอยระงับการใช้งานเบอร์ที่ไม่ยืนยันตัวตนแล้วกว่า 2 ล้านเลขหมาย
นายชัย กล่าวว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลกำจัดซิมผี บัญชีม้า และอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกรูปแบบ โดย กสทช. ได้แถลงถึงความคืบหน้าของการดำเนินมาตรการจัดการปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยสามารถดำเนินการระงับเบอร์มือถือที่ไม่มีการยืนยันตัวตนหลายล้านเลขหมาย พร้อมจัดระเบียบโมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) กวาดล้างผู้ลักลอบติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อนตามแนวชายแดน รวมถึงจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อน โดยได้มีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อดำเนินมาตรการปราบปรามอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง ตัดวงจรของมิจฉาชีพ ไม่ให้ประชานต้องตกเป็นเหยื่อหรือถูกแอบอ้างอีกต่อไป
กสทช. เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินมาตรการ
- 1) การยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในกลุ่มผู้ถือครองซิมการ์ด 6 – 100 เลขหมาย ที่ได้ครบกำหนดการยืนยันตัวตนเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 ทำให้ทางหน่วยงานได้ดำเนินการระงับเลขหมายที่ไม่ได้ลงทะเบียนไป 2,141,317 เลขหมาย และสำหรับกลุ่มที่มี 101 เลขหมายขึ้นไป ได้ดำเนินการะงับเลขหมายไปจำนวน 1,096,000 เลขหมาย โดยเป็นการระงับการโทรออก การส่งข้อความ และการใช้อินเทอร์เน็ต แต่ยังสามารถรับสายได้
- 2) ตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนซิมการ์ด โมบายแบงก์กิ้ง (Mobile Banking) กับบัญชีธนาคารว่าข้อมูลตรงกันหรือไม่ โดยได้ประสานงานกับธนาคารทั้ง 21 แห่ง ผ่านทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นข้อมูลจำนวน 113,568,836 บัญชี คิดเป็น 79 ล้านเลขหมาย
- 3) ดำเนินมาตรการกำจัด เสา สาย กระจายสัญญาณโทรคมนาคมเถื่อน โดยได้ร่วมมือกับ สตช. ในการกวาดล้างผู้ลักลอบติดตั้งเสาส่งสัญญาณเถื่อนตามแนวชายแดน ซึ่งได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายจำนวน 29 ราย พร้อมทั้งตรวจสอบสถานีฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่และเสาสัญญาณของผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ตรวจสอบทิศทางการกระจายสัญญาณบริเวณชายแดน
โดยจากผลการดำเนินการในพื้นที่ 5 จังหวัด 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก อำเภอแม่สาย เชียงของ เชียงแสน จังหวัดเชียงราย อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี และ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ที่มีสถานีวิทยุคมนาคมที่ให้บริการโทรคมนาคมเข้าข่าย ซึ่งได้มีการดำเนินการระงับสัญญาณ 465 จุด ปรับทิศทางสายอากาศ 470 จุด และรื้อถอนสายอากาศ 179 จุด นอกจากนี้ ทางหน่วยงานได้มีหนังสือแจ้งพื้นที่บริเวณชายแดนที่มีความเสี่ยงเพิ่มเติมใน อำเภอแม่ระมาด และ พบพระ จังหวัดตาก อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และ อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ - 4) ได้ตรวจค้นจับกุมอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อนที่ไม่ได้อนุญาตจาก กสทช. โดยได้เข้าตรวจค้นสถานที่ลักลอบจำหน่ายอุปกรณ์โทรคมนาคมเถื่อน ในเขตสวนหลวงและเขตวัฒนา สามารถตรวจยึดของกลางได้ จำนวน 18 ประเภทรายการ มากกว่า 6,000 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางมากกว่า 12 ล้านบาท โดยจะทำการยึดของกลางและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
“นายกรัฐมนตรีควบคุมการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กำจัดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนให้หมดไป ซึ่งมาตรการดังกล่าวของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เห็นผลเป็นที่น่าพอใจ เพื่อช่วยป้องกัน ยับยั้งการหลอกลวง ไม่ให้ประชาชนต้องตกเป็นเหยื่อ ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีนโยบายที่จะควบคุม ป้องกัน จัดการกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ตัดวงจรมิจฉาชีพ เพื่อป้องกันภัยคุกคาม และเพื่อความปลอดภัยของประชาชน” นายชัย กล่าว . 314.-สำนักข่าวไทย