ดัน “อุตสาหกรรมฮาลาลไทย” โตในตลาดโลก

เมืองทองฯ 28 พ.ค.-กระทรวงอุตสาหกรรม ดีเดย์เปิดบูธศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทยในงาน THAIFEX ขับเคลื่อนอย่างรูปธรรม ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศขยายตลาดสินค้า-บริการฮาลาล ตามแผนพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล 5 ปี รมว.อุตฯ หวัง เป็นส่วนหนึ่งในการนำรายได้เข้าประเทศ ด้านผู้แทนการค้าไทย ชี้ช่องไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการเป็นประเทศผู้นำในตลาดฮาลาลโลกได้ ขณะที่ผศอ.หวังไทยเป็นฮับด้านฮาลาล


นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยดร.นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย ร่วมกันตัดริบบิ้นเปิดบูธศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย ภายในงาน THAIFEX-Anuga Asia 2024 โดยมีหน่วยงานในกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถาบันอาหาร ร่วมเป็นพันธมิตร

ภารกิจของศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย คือ การขับเคลื่อนงานตามนโยบาย และแผนปฏิบัติการพัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยให้บรรลุเป้าหมาย รวมถึงติดตามและประเมินผล ส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศผ่านการขยายตลาดการค้า สินค้าและบริการฮาลาล ทั้งในและต่างประเทศ โดยเร่งเปิดตลาดสินค้า ฮาลาลในภูมิภาคต่างๆ ทำการประชาสัมพันธ์ จัดแสดงสินค้า จัดทำบันทึกความเข้าใจกับประเทศหรือกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ ตลอดจนแก้ไขปัญหา บูรณาการการดำเนินงาน ยกระดับความสามารถในการแข่งขัน ของผู้ประกอบการฮาลาลไทย


โดยแนวทางการดำเนินงานของศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย ในระยะแรกจะดำเนินงานภายใต้สถาบันอาหาร โดยโครงสร้างขององค์กร จะแบ่งเป็นฝ่ายส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และฝ่ายพัฒนาการผลิตและมาตรฐาน ทั้งนี้กิจกรรมที่จะดำเนินการภายใต้ศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย คือ การจัดทำระบบข้อมูลสารสนเทศอัจฉริยะอุตสาหกรรมฮาลาล รวมไปถึงส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศพัฒนาการผลิตและมาตรฐานอุตสาหกรรมฮาลาลไทย

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวว่าอยากเห็นหน่วยงานของกระทรวงอุตสาหกรรมรวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับฮาลาลเข้ามาอยู่ด้วยกันซึ่งตรงกับที่นายกรัฐมนตรีตั้งใจขยายตลาดและเชิญชวนนักลงทุนเข้ามา และวันนี้ได้ขับเคลื่อนจนอุตสาหกรรมฮาลาลเป็นสถาบันฮาลาล ภายใต้การดูแลเบื้องต้นของสถาบันอาหาร โดยมีนายกรัฐมนตรีได้นั่งเป็นประธานคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ ขับเคลื่อนฮาลาลประเทศไทยสู่ตลาดโลก ด้วยคาดหวังให้ผู้ประกอบการทั้งผู้ผลิต ไม่ใช่แค่เปิดตลาดแต่ต้องขยายตลาดเพิ่มมากขึ้นเพราะวันนี้เรามีโอกาสมาก และไม่ใช่โอกาสเพียงอาหารแต่กระบวนการทั้งหมดสินค้าและบริการ ที่ฮาลาลมีโอกาสเติบโตมาก ทาง สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.)เคยคาดการณ์เอาไว้ปัจจุบันมีกำลังอยู่ที่ 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อยากเห็นเติบโตถึง 7.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เพราะตลาด eec และเอเชียหรือตลาดเพื่อนบ้านและจีนยังมีโอกาสในการขยายอีกมากเพียงแต่วันนี้ศูนย์รวมในการทำกระบวนการทั้งหมด ก่อนหน้านี้ ยังอยู่ ในหลายกระทรวง วันนี้รวบรวมให้ผู้ประกอบการสะดวกยิ่งขึ้น มาที่สถาบันฮาลาลเป็น One Stop Service อำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ และนักลงทุนต่างชาติที่มาตั้งฐานการผลิต อาหารฮาลาล ในประเทศไทย

นางสาวพิมพ์ภัทรา กล่าวอีกว่า วันนี้สิ่งที่ต้องทำต้องปรับมาตรฐานให้ตรงกัน หลายประเทศมีมาตรฐาน ที่ไม่เหมือนกันเราจะส่งออกประเทศไหนต้องปรับให้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของประเทศนั้น โดยปัจจุบันมีหลายประเทศสนใจและยังมีโอกาสอันดีที่รัฐบาลไทยจะจับเอาเรื่องของอุตสาหกรรมฮาลาลเป็นอีกส่วนหนึ่ง ในการนำรายได้เข้าประเทศ


ดร.นลินี ทวีสิน ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมฮาลาลไทย โอกาสและความท้าทายในตลาดโลก” (Thai Halal Industry – Opportunities and Challenges in Global Market) โดยคาดการณ์ 5 ปีข้างหน้าตลาดอาหารฮาลาลโลก จะมีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือมูลค่าตลาด 4.70 ล้านล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2572 และในระยะยาวมีแนวโน้มขยายตัวเร็วกว่าอาหารทั่วไป ด้วยปัจจัยประชากรมุสลิมโลกเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศมุสลิมขยายตัว ความไม่มั่นคงทางอาหารในกลุ่มประเทศมุสลิมผลักดันให้เกิดความต้องการนำเข้าอาหารมากขึ้น และหลายประเทศให้ความสำคัญ มีนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรมฮาลาลอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ตลาดฮาลาลโลกไม่ได้ผูกขาดเฉพาะประเทศมุสลิมแต่เปิดกว้างสำหรับทุกประเทศที่มีศักยภาพ และประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการก้าวไปสู่การเป็นประเทศผู้นำ ในตลาดฮาลาลโลกได้ เนื่องจากมีวัตถุดิบทางการเกษตรที่หลากหลาย มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ สินค้า ที่มีคุณภาพปลอดภัยได้มาตรฐานสากล ซึ่งปัจจุบันไทยมีผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองมาตรฐานฮาลาล ยอดสะสมกว่า 6,400 แห่ง จำนวนกว่า 170,000 ผลิตภัณฑ์ ด้วยการส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลของไทยในปี 2566 มูลค่า 222,287 ล้านบาทขยายตัวในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ย 2-3 เปอร์เซ็นต์ต่อปีเท่านั้น จึงจำเป็นที่ต้องได้รับการบริหารจัดการในแบบบูรณาการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าฮาลาลไทยในตลาดโลก

นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่าเมื่อเดือนเมษายน 2567สศอ. ได้เสนอแผน พัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาลไทยในระยะ 5 ปี( 2567 -2571) มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นฮับของอุตสาหกรรมฮาลาลในภูมิภาคยกระดับรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มจีดีพีให้เศรษฐกิจไทยในอนาคต โดยคณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแผนดังกล่าวและมอบให้กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งรัดดำเนินการให้เป็นไปตามแผน นอกจากนี้สศอ. ยังได้วางกลไกขับเคลื่อนอุตสาหกรรมผ่านการจัดตั้งคณะกรรมการอุตสาหกรรมฮาลาลแห่งชาติ (กอฮช.) โดยมีหน่วยงานที่มีภารกิจด้านฮาลาลทั้งหมดเป็นองค์ประกอบมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทำหน้าที่กำหนดนโยบายกำกับและบูรณาการของหน่วยงานต่างๆให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดส่วนกลไก สำคัญอีกประการหนึ่งคือการจัดตั้งศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทยขับเคลื่อนงานตามแผนที่วางไว้โดยมีภารกิจครอบคลุมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าฮาลาลยกระดับมาตรฐานสินค้าและบริการฮาลาลไทยและการทำหน้าที่เป็น national focal point ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศขณะที่ผลิตภัณฑ์ฮาลาลถือเป็นความสำเร็จส่วนหนึ่งของผู้ประกอบการที่มีความพร้อมออกสู่ตลาดโลกโดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะเสริมความเข้มแข็งและผลักดันการส่งออกสู่ตลาดโลกต่อไป

ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวถึงศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลว่า ช่วงปีแรกหรือปีที่ 2 จะดูแลเรื่องโครงสร้างและการบริหารจัดการ 2 เรื่องหลัก คือการขับเคลื่อนทำตลาดต่างประเทศและบูรณาการความร่วมมือ กลุ่มฮาลาลที่มีทั้งอาหารสิ่งทอ และ wellness และควบคุมมาตรฐานการผลิต ในอนาคตต้องการให้ศูนย์พัฒนาฮาลาลเป็นตัวขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในอาเซียนหรือฮับด้านฮาลาล โดยตั้งเป้าว่าเพิ่มผู้ประกอบการให้มากขึ้น คาดหวังว่าภายใน 5 ปีนอกจากตัว GDP และผลิตภัณฑ์การส่งออกจะเพิ่มขึ้นปีละ 1.2% แล้ว ยังหวังเรื่องการจ้างงานในกลุ่มฮาลาล product ทั้งหลายประมาณแสนกว่าคนต่อปี

ดร.ศุภวรรณ กล่าวอีกว่าศูนย์ฮาลาลจะร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐทุกกระทรวงและสมาคมต่างๆเพื่อที่จะขับเคลื่อนไปสู่การส่งออกที่เรามองว่า ผลิตภัณฑ์ในประเทศจะขยายภาพของการส่งออกได้ดีขึ้น อีกทั้งการท่องเที่ยวมีโอกาสดึงนักท่องเที่ยวจากภาคตะวันออกกลางหรือประเทศที่เป็นมุสลิมเข้ามา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรงแรมสถานที่ท่องเที่ยวจะเกี่ยวข้องกับวิถีการบริโภคอาหาร และ wellness เป็นส่วนยกระดับอุตสาหกรรมมาตรฐาน เพื่อเสริมความมั่นใจในอนาคต

ดร.ศุภวรรณ กล่าวอีกว่า ภายในงานเปิดบูธศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาลไทย ได้มีการสาธิต ประกอบอาหารไทยฮาลาลในเมนู “แกงมัสมั่นเนื้อโรตี” โดย เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ อนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านอาหาร ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารและเชฟแห่งภัตตาคารบลู เอเลเฟ่นท์ และพบกับเชฟชื่อดังที่จะมารังสรรค์หลากหลายเมนูฮาลาลให้ได้ชิมตลอด 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. – 1 มิ.ย. 2567 อาทิ เชฟยาคุป-ธฤต ตั้งทรงศิริศักดิ์, เชฟอหมัด- ภิเชฐ หนูพุฒ, เชฟนุ้ย-รัศมี จำปาดะ กับเมนูสุดพิเศษจากสินค้าฮาลาลจากผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จพร้อมส่งออก อาทิ โรงงานแปรรูปโคเนื้อฮาลาลมาตรฐานสากลที่มีศักยภาพดีที่สุดในอาเซียน, กรือโป๊ะ ข้าวเกรียบปลา เมืองนราธิวาส ตรา Befish และท่าทองรังนก.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก […]

ฝนถล่มน่าน น้ำเริ่มท่วมหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว

น่าน 23 ก.ค.-อิทธิพลจากพายุวิภา ทำให้ฝนถล่มน่านอย่างหนัก ปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตร น้ำเริ่มท่วมในหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ.น่าน ขณะนี้ฝนตกหนักต่อเนื่องมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนเหนือวัดปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรเกือบ 20 สถานี ส่งผลให้ระดับน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 เซนติเมตร แม้ว่าระดับน้ำน่านยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก แต่ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาทั้งคืน โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเมืองทั้งที่ปัว บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และอีกหลายอำเภอ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีวัดของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก ในจังหวัดน่าน เมื่อเช้านี้พบปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรถึง 18 สถานี สูงสุดอยู่ที่สถานีต้นน้ำน้ำกอนฝั่งซ้าย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง สูงถึง 291 มิลลิเมตร นั่นทำให้บางพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มมีน้ำเข้าท่วมพื้นที่แล้ว อย่างที่อำเภอท่าวังผา เริ่มมีน้ำทะลักเข้ามาแล้ว รวมทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่สถานีวัดระดับน้ำ n64 บ้านผาขวาง เหนือเมืองน่านไป 30 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 7 เมตร […]

เตือนเฝ้าระวังดินถล่มใน 21 จังหวัด แม้ “วิภา” อ่อนกำลัง

กรุงเทพฯ 23 ก.ค.-กรมทรัพยากรธรณี แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังดินถล่มในพื้นที่ 21 จังหวัด จากผลกระทบพายุ “วิภา” แม้ขณะนี้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว แต่อิทธิพลของร่องมรสุมยังคงส่งผลให้หลายพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันตกมีฝนตกหนักต่อเนื่อง นายพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี เปิดเผยว่า กรมฯ ยังคงเปิดศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย (War Room) เพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อประเมินความเสี่ยง วิเคราะห์ข้อมูล และแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ จากการวิเคราะห์ข้อมูลฝนสะสมควบคู่กับแบบจำลองธรณีพิบัติภัย พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่มกระจายอยู่ใน 21 จังหวัด ได้แก่ -ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ตาก อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์-ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย อุดรธานี หนองคาย-ภาคตะวันออก: จันทบุรี ตราด-ภาคตะวันตก: กาญจนบุรี ราชบุรี-ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: ระนอง พังงา […]