“อุ๊งอิ๊งค์” มั่นใจอยู่ 4 ปี ฟาดแบงก์ชาติไม่ร่วมมือ

พรรคเพื่อไทย 3 พ.ค -“อุ๊งอิ๊งค์” โชว์วิสัยทัศน์ “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ปลุกลูกพรรคไม่ต้องสนวาทกรรมคู่แข่ง ให้เอาผลงานเข้าสู้ มั่นใจอยู่ 4 ปี ประชาชนให้เต็ม 10 ลั่นเพิ่มค่าแรง 400 ไม่ทำให้ธุรกิจเจ๊ง แขวะแบงก์ชาติไม่ร่วมมือ ทำลดเพดานหนี้ไม่ได้


ผู้สื่อข่าว่ายงานว่าพรรคเพื่อไทย จัดงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10”  ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่รัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ารับตำแหน่งและเริ่มบริหารราชการแผ่นดิน จากวันที่ 1 กันยายน 2567 จนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 9 เดือน และกำลังเดินหน้าสู่เดือนที่ 10 ที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาทำงาน วันนี้นายกรัฐมนตรีลาราชการครึ่งวัน เพื่อเข้าร่วมงานและแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ  เติมประเทศไทยให้เต็ม 10” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นคนแรกในการแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ” ว่า วันนี้ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเราตัดสินใจถูกต้องมาก ๆ ที่จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว เพราะปัญหาที่มีอยู่มากมาย และหลังจากที่เราเข้ามาเป็นรัฐบาลได้เห็นปัญหาที่สะสมมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารถึงสองครั้ง  ซึ่งใช้เวลาเกือบสองทศวรรษด้วยกันและรวมไปถึงปัญหาระบบราชการที่ใหญ่โตเกินไปทำให้อึดอัดในการทำงาน ไม่พร้อมสำหรับการปรับตัวในยุคปัจจุบัน


หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อีกเรื่องคือเรื่องภัยคุกคามที่พัฒนาไปรวดเร็วมาก ขณะเดียวกันเยาวชนก็มีปัญหาเรื่องยาเสพติดถูกมอมเมาในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ประชาชนของชาติอ่อนแอ  โอกาสการทำมาหากินของพี่น้องพี่น้องประชาชนมีไม่มาก ที่สำคัญเศรษฐกิจใต้ดินก่อนที่เราจะเข้ามาเป็นรัฐบาลเป็นสิ่งที่มีมากที่สุดในประวัติศาสตร์  พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารอย่างยาวนาน ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเราเป็นพรรคที่บริหารงานได้สำเร็จและผลักดันทุกนโยบายให้สำเร็จตามที่เคยได้พูดไว้มากที่สุดของประเทศไทยและ หากเราไม่เลือกที่จะตัดตั้งรัฐบาลผสมและเป็นแกนนำรัฐบาลคงไม่มีโอกาสเริ่มแก้ปัญหาต่างๆที่สะสมมานาน

“ตอนนี้กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล  เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญมาก ๆ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ  เพราะนโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานเพียงด้านเดียวมาโดยตลอด  และทำให้ประเทศของเรามีหนี้สูงมากขึ้นและสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีจากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและไม่ยอมให้ความร่วมมือ  ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย” น.ส.แพทองธารกล่าว

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า  10 เดือนที่ผ่านมาภายใต้การนำของนายเศรษฐา เราได้วิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเห็นว่าเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนานจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจจากทุกภาคส่วนแก้ปัญหาให้ดีขึ้น เราเสียเวลาไปแล้วเกือบสองทศวรรษ ตอนนี้เราเข้าใจดีว่าปัญหาทุกอย่างไม่ได้ง่าย แต่ามั่นใจว่าจะทำอย่างเต็มที่และมั่นใจว่าาจะทำให้เต็ม10 ได้อย่างแน่นอน


สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ต้องเริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบ นั่นก็คือนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบมาก  มากจนเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเราโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน  และตอนนี้เราได้เพิ่มค่าแรงเป็น 400 บาทแล้ว ซึ่งการเพิ่มค่าแรงจะทำให้ทุกฝ่ายได้ปรับตัว  อยากให้ทุกฝ่ายจำไว้ว่า การเพิ่มค่าแรงไม่ทำให้ธุรกิจ “เจ๊ง” แต่จะเพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน เราจึงจะผลักดันในทุกมิติของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต  การเพิ่มค่าแรง  รวมถึงการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ

“เรากำลังจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากรัฐบาลที่อุ้ยอ้าย ตรวจสอบยากมาเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่ตรวจสอบได้ รวดเร็วทันต่อการรับมือเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างทันท่วงที และเร็ว ๆ นี้ เราจะเริ่มปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม และจะแก้กฎหมายทางเศรษฐกิจอีกหลายฉบับ เพื่อให้ประเทศไทยของเรากลับมาเป็นศูนย์กลางการบินและการเงินของอาเซียนให้ได้ และตอนนี้เราเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ มากมาย ส่วนปัญหาความมั่นคงและต่างประเทศ เราไม่ได้ละเลย แต่มีความตั้งใจว่าต่อไปจะผูกมิตรกับทุกมหาอำนาจและให้ประเทศไทยเปิดเป็นพื้นที่ของการเจรจาเพื่อความสันติ ขณะที่ปัญหาของเมียนมา ทางรัฐบาลรับทราบมาตลอด เราไม่ได้ละเลย เราจะช่วยสร้างความปรองดองควบคู่กับเรื่องมนุษยธรรม เราทำตามนโยบายที่เราเคยวางไว้ตามที่บอกกับประชาชนและสุดท้ายเมื่อรัฐบาลได้อยู่ครบ 4 ปีเรามั่นใจว่าพี่น้องจะให้คะแนนเราเต็ม 10 แน่นอน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ทุกอย่างตอนนี้  ฟันเฟืองทุกชิ้นกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อปลายทางของชีวิตพี่น้องประชาชนที่ดีขึ้น ตอนนี้ภาพของพรรคเพื่อไทยที่มองเห็นคือพรรคเพื่อไทยจะต้องก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็ง  แข็งแรง  และมีประสิทธิ เราเป็นพรรคที่มีนโยบายที่ดีมีศักยภาพ มี สส.ที่เข้าใจปัญหาพี่น้องประชาชน  มีรัฐมนตรีที่เก่ง  มีนโยบายที่ตอบโจทย์เป็นรัฐบาลที่แข็งแรง  เมื่ออนาคตจะเปลี่ยนไปยังไงจะเจอเหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในอนาคตเราจะสามารถทำนโยบายให้สำเร็จได้

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้เรามีทีมงานใหม่ที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยคือพีทีพี อคาเดมี่ ซึ่งเป็นหลักสูตรเชิงปฏิบัติการ สส.เพื่อไทย จะเป็นหน่วยงานที่สร้างอนาคตให้กับ บุคลากรของพรรค และจะทำให้อาคาเดมี่นี้พัฒนาศักยภาพบุคคลของพรรค ซึ่งตนเองถือว่าเป็นหนึ่งในนักเรียนรุ่นแรก เพราะอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในแง่ของการเมือง กฎหมาย ทำให้ตนเองมีคุณภาพ มีความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น  เราอยากให้คนในพรรคเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกันและต่อจากนี้การนำองค์ความรู้จะทำให้เราเป็นพรรคการเมืองที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น  ตนเข้าใจว่าในการอยู่ตรงนี้ในนามพรรคเพื่อไทย เรามีความคาดหวังสูงจากประชาชนเพราะเราเป็นพรรคที่ทำงานได้สำเร็จ อยากให้ทุกคนมีความมั่นใจในตนเองเพราะเมื่อประชาชนคาดหวังเราจะรู้ว่าเราจะตอบโจทย์ความคาดหวังของประชาชนได้อย่างไร

“แน่นอนพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่อยู่มานานเจอเรื่องราวต่างๆมามากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย  ซึ่งเราก็ผ่านมาด้วยกันได้  และการที่คู่แข่งของเราจะสร้างวาทกรรมต่างๆทำให้เราดูเป็นคนล้มเหลว ทำงานไม่เป็น หรือสร้างวาทะกรรมต่างๆให้เรารู้สึกว่าเหมือนเราผิดคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน  ทำนโยบายไม่ได้  เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราจะต้องพิสูจน์ใช้เวลา ใช้ผลงาน และใช้หัวใจที่ทุ่มเทของเราพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็น”  น.ส.แพทองธาร กล่าว

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากยังจำกันได้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคก็มีวาทะกรรม 30 บาทตายทุกโรค วันนี้ให้เห็นแล้วว่านโยบายนี้ก็ยังอยู่คู่กับพี่น้องคนไทย วาทกรรมเหล่านั้น  เราจะไม่อยู่ในเกมการเมืองเหล่านั้น  แต่เราจะอยู่ในอำนาจและหน้าที่ที่เรามีตอบโจทย์เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็น  และเราเองก็ทราบดีว่าการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในตอนนี้ การเมืองเป็นงานที่ thankless และ endless ซึ่งเราจะใช้ทั้งแรงกาย แรงใจอย่างเต็มที่ ซึ่งเสียงตอบรับของประชาชนจะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศดีขึ้นพัฒนาขึ้น  และต่อจากนี้จะมีแต่เรื่องที่ดีขึ้นมีพรรคเพื่อไทยที่ดีขึ้นรัฐบาลที่เข้มแข็งขึ้นประเทศที่พัฒนาขึ้นและพี่น้องคนไทยที่มีชีวิตที่ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่สังเกตว่ารัฐมนตรีที่ถูกปรับออก อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางพวงเพชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายไชยา พรหมมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อสอบถามได้รับแจ้งว่าวันนี้ เป็นงานเปิดตัวนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)-312.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 : 230

รัฐสภา 15 ส.ค.- ผ่านฉลุย สภาฯ ไฟเขียวงบ 69 เห็นชอบ 257 ต่อ 230 ด้าน ‘พิชัย’ ขอบคุณสภาฯ ยันจะใช้งบให้ตรงตามวัตถุประสงค์โปร่งใส-เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีการตั้งวงเงินงบประมาณ จำนวน 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาอภิปรายตลอด 3 วัน ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม และลงมติเมื่อเวลา 22.50 น. ผลปรากฏว่า จากจำนวนสมาชิก 487 เสียง เห็นด้วย 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 230 เสียง งดออกเสียง 1 […]

พลทหารยิงชาวบ้านเจ็บ 2 ก่อนหนีเข้าป่า จบชีวิตตัวเอง

สุรินทร์ 15 ส.ค. – ตื่นตระหนก เหตุพลทหารที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ควงปืนอาวุธประจำกาย ออกมายิงชาวบ้าน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ก่อนจะหลบหนี และสุดท้ายปลิดชีพตนเอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุ ติดตามได้จากรายงานของศูนย์ข่าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.-สำนักข่าวไทย

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

ย้าย “ลุงพล” มาคุมขังต่อที่เรือนจำกลางนครพนม

15 ส.ค. – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ย้ายตัว “ลุงพล” จำเลยคดีน้องชมพู่ ไปควบคุมต่อที่เรือนจำกลางนครพนม ด้าน “ป้าแต๋น” ตามมาเยี่ยมให้กำลังใจสามี บอกเอาหัวใจมาฝาก ยืนยันลุงพลสู้ต่อถึงฎีกา หลังเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” จำเลยที่ 1 จาก 20 ปี เป็น 26 ปี และยกฟ้อง นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ “ป้าแต๋น” ในคดีฆ่า เด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ หลังหายตัวจากบ้านพัก ขณะนั่งเล่นกับพี่สาวที่บ้าน กกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เหตุเกิดช่วงเช้าวันที่ 11 พ.ค.2563 ต่อมาจำเลย ได้ยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราว และวานนี้ ศาลฎีกาไม่อนุญาตให้ประกันตัว […]