“อุ๊งอิ๊งค์” มั่นใจอยู่ 4 ปี ฟาดแบงก์ชาติไม่ร่วมมือ

พรรคเพื่อไทย 3 พ.ค -“อุ๊งอิ๊งค์” โชว์วิสัยทัศน์ “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” ปลุกลูกพรรคไม่ต้องสนวาทกรรมคู่แข่ง ให้เอาผลงานเข้าสู้ มั่นใจอยู่ 4 ปี ประชาชนให้เต็ม 10 ลั่นเพิ่มค่าแรง 400 ไม่ทำให้ธุรกิจเจ๊ง แขวะแบงก์ชาติไม่ร่วมมือ ทำลดเพดานหนี้ไม่ได้


ผู้สื่อข่าว่ายงานว่าพรรคเพื่อไทย จัดงาน “10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10”  ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่รัฐบาลที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เข้ารับตำแหน่งและเริ่มบริหารราชการแผ่นดิน จากวันที่ 1 กันยายน 2567 จนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 9 เดือน และกำลังเดินหน้าสู่เดือนที่ 10 ที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาทำงาน วันนี้นายกรัฐมนตรีลาราชการครึ่งวัน เพื่อเข้าร่วมงานและแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ  เติมประเทศไทยให้เต็ม 10” 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นคนแรกในการแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ “เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ” ว่า วันนี้ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเราตัดสินใจถูกต้องมาก ๆ ที่จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว เพราะปัญหาที่มีอยู่มากมาย และหลังจากที่เราเข้ามาเป็นรัฐบาลได้เห็นปัญหาที่สะสมมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารถึงสองครั้ง  ซึ่งใช้เวลาเกือบสองทศวรรษด้วยกันและรวมไปถึงปัญหาระบบราชการที่ใหญ่โตเกินไปทำให้อึดอัดในการทำงาน ไม่พร้อมสำหรับการปรับตัวในยุคปัจจุบัน


หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า อีกเรื่องคือเรื่องภัยคุกคามที่พัฒนาไปรวดเร็วมาก ขณะเดียวกันเยาวชนก็มีปัญหาเรื่องยาเสพติดถูกมอมเมาในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้ประชาชนของชาติอ่อนแอ  โอกาสการทำมาหากินของพี่น้องพี่น้องประชาชนมีไม่มาก ที่สำคัญเศรษฐกิจใต้ดินก่อนที่เราจะเข้ามาเป็นรัฐบาลเป็นสิ่งที่มีมากที่สุดในประวัติศาสตร์  พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารอย่างยาวนาน ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่าเราเป็นพรรคที่บริหารงานได้สำเร็จและผลักดันทุกนโยบายให้สำเร็จตามที่เคยได้พูดไว้มากที่สุดของประเทศไทยและ หากเราไม่เลือกที่จะตัดตั้งรัฐบาลผสมและเป็นแกนนำรัฐบาลคงไม่มีโอกาสเริ่มแก้ปัญหาต่างๆที่สะสมมานาน

“ตอนนี้กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล  เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญมาก ๆ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ  เพราะนโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานเพียงด้านเดียวมาโดยตลอด  และทำให้ประเทศของเรามีหนี้สูงมากขึ้นและสูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีจากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและไม่ยอมให้ความร่วมมือ  ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย” น.ส.แพทองธารกล่าว

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย  กล่าวว่า  10 เดือนที่ผ่านมาภายใต้การนำของนายเศรษฐา เราได้วิเคราะห์ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเห็นว่าเป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนานจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจจากทุกภาคส่วนแก้ปัญหาให้ดีขึ้น เราเสียเวลาไปแล้วเกือบสองทศวรรษ ตอนนี้เราเข้าใจดีว่าปัญหาทุกอย่างไม่ได้ง่าย แต่ามั่นใจว่าจะทำอย่างเต็มที่และมั่นใจว่าาจะทำให้เต็ม10 ได้อย่างแน่นอน


สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ต้องเริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบ นั่นก็คือนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบมาก  มากจนเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเราโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน  และตอนนี้เราได้เพิ่มค่าแรงเป็น 400 บาทแล้ว ซึ่งการเพิ่มค่าแรงจะทำให้ทุกฝ่ายได้ปรับตัว  อยากให้ทุกฝ่ายจำไว้ว่า การเพิ่มค่าแรงไม่ทำให้ธุรกิจ “เจ๊ง” แต่จะเพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน เราจึงจะผลักดันในทุกมิติของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต  การเพิ่มค่าแรง  รวมถึงการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ

“เรากำลังจะค่อย ๆ เปลี่ยนจากรัฐบาลที่อุ้ยอ้าย ตรวจสอบยากมาเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่ตรวจสอบได้ รวดเร็วทันต่อการรับมือเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างทันท่วงที และเร็ว ๆ นี้ เราจะเริ่มปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม และจะแก้กฎหมายทางเศรษฐกิจอีกหลายฉบับ เพื่อให้ประเทศไทยของเรากลับมาเป็นศูนย์กลางการบินและการเงินของอาเซียนให้ได้ และตอนนี้เราเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ มากมาย ส่วนปัญหาความมั่นคงและต่างประเทศ เราไม่ได้ละเลย แต่มีความตั้งใจว่าต่อไปจะผูกมิตรกับทุกมหาอำนาจและให้ประเทศไทยเปิดเป็นพื้นที่ของการเจรจาเพื่อความสันติ ขณะที่ปัญหาของเมียนมา ทางรัฐบาลรับทราบมาตลอด เราไม่ได้ละเลย เราจะช่วยสร้างความปรองดองควบคู่กับเรื่องมนุษยธรรม เราทำตามนโยบายที่เราเคยวางไว้ตามที่บอกกับประชาชนและสุดท้ายเมื่อรัฐบาลได้อยู่ครบ 4 ปีเรามั่นใจว่าพี่น้องจะให้คะแนนเราเต็ม 10 แน่นอน” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ทุกอย่างตอนนี้  ฟันเฟืองทุกชิ้นกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อปลายทางของชีวิตพี่น้องประชาชนที่ดีขึ้น ตอนนี้ภาพของพรรคเพื่อไทยที่มองเห็นคือพรรคเพื่อไทยจะต้องก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็ง  แข็งแรง  และมีประสิทธิ เราเป็นพรรคที่มีนโยบายที่ดีมีศักยภาพ มี สส.ที่เข้าใจปัญหาพี่น้องประชาชน  มีรัฐมนตรีที่เก่ง  มีนโยบายที่ตอบโจทย์เป็นรัฐบาลที่แข็งแรง  เมื่ออนาคตจะเปลี่ยนไปยังไงจะเจอเหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในอนาคตเราจะสามารถทำนโยบายให้สำเร็จได้

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้เรามีทีมงานใหม่ที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยคือพีทีพี อคาเดมี่ ซึ่งเป็นหลักสูตรเชิงปฏิบัติการ สส.เพื่อไทย จะเป็นหน่วยงานที่สร้างอนาคตให้กับ บุคลากรของพรรค และจะทำให้อาคาเดมี่นี้พัฒนาศักยภาพบุคคลของพรรค ซึ่งตนเองถือว่าเป็นหนึ่งในนักเรียนรุ่นแรก เพราะอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในแง่ของการเมือง กฎหมาย ทำให้ตนเองมีคุณภาพ มีความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น  เราอยากให้คนในพรรคเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกันและต่อจากนี้การนำองค์ความรู้จะทำให้เราเป็นพรรคการเมืองที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น  ตนเข้าใจว่าในการอยู่ตรงนี้ในนามพรรคเพื่อไทย เรามีความคาดหวังสูงจากประชาชนเพราะเราเป็นพรรคที่ทำงานได้สำเร็จ อยากให้ทุกคนมีความมั่นใจในตนเองเพราะเมื่อประชาชนคาดหวังเราจะรู้ว่าเราจะตอบโจทย์ความคาดหวังของประชาชนได้อย่างไร

“แน่นอนพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่อยู่มานานเจอเรื่องราวต่างๆมามากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย  ซึ่งเราก็ผ่านมาด้วยกันได้  และการที่คู่แข่งของเราจะสร้างวาทกรรมต่างๆทำให้เราดูเป็นคนล้มเหลว ทำงานไม่เป็น หรือสร้างวาทะกรรมต่างๆให้เรารู้สึกว่าเหมือนเราผิดคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน  ทำนโยบายไม่ได้  เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราจะต้องพิสูจน์ใช้เวลา ใช้ผลงาน และใช้หัวใจที่ทุ่มเทของเราพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็น”  น.ส.แพทองธาร กล่าว

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากยังจำกันได้นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคก็มีวาทะกรรม 30 บาทตายทุกโรค วันนี้ให้เห็นแล้วว่านโยบายนี้ก็ยังอยู่คู่กับพี่น้องคนไทย วาทกรรมเหล่านั้น  เราจะไม่อยู่ในเกมการเมืองเหล่านั้น  แต่เราจะอยู่ในอำนาจและหน้าที่ที่เรามีตอบโจทย์เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็น  และเราเองก็ทราบดีว่าการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนในตอนนี้ การเมืองเป็นงานที่ thankless และ endless ซึ่งเราจะใช้ทั้งแรงกาย แรงใจอย่างเต็มที่ ซึ่งเสียงตอบรับของประชาชนจะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศดีขึ้นพัฒนาขึ้น  และต่อจากนี้จะมีแต่เรื่องที่ดีขึ้นมีพรรคเพื่อไทยที่ดีขึ้นรัฐบาลที่เข้มแข็งขึ้นประเทศที่พัฒนาขึ้นและพี่น้องคนไทยที่มีชีวิตที่ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่สังเกตว่ารัฐมนตรีที่ถูกปรับออก อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางพวงเพชร ชุนละเอียด อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  นายไชยา พรหมมา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ ไม่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งเมื่อสอบถามได้รับแจ้งว่าวันนี้ เป็นงานเปิดตัวนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)-312.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย