รัฐสภา 25 เม.ย.-“ครูหยุย” เตรียมดัน “กม.สมรสเท่าเทียม” เข้าพิจารณาสมัยประชุมวิสามัญ มิ.ย. นี้ ยันทุกคนเห็นพ้องไม่ติดปัญหา
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. …หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม กล่าวว่า มีการประชุมไปแล้ว 3 นัด ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ในที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าเสร็จภายในสิ้นเดือน พ.ค. แน่นอน เพราะที่ประชุมพิจารณาถ้อยคำในประเด็นหลักๆ เช่น สามี ภรรยา ชายหรือหญิง คู่สมรสหรือคู่ชีวิต รวมทั้งเรื่องการหมั้น การแต่งงาน เป็นต้น ซึ่งจะเหลือการประชุมอีก 10 ครั้ง แต่คิดว่าพิจารณาเพียง 5-6 ครั้งก็จะจบ โดยในต้นเดือน พ.ค. จะเชิญผู้แปรญัตติ 3 คน มาชี้แจง จากนั้นจะเป็นการพิจารณารายมาตรา ที่ขณะนี้มีการพิจารณาไปแล้ว 14 มาตรา จาก 68 มาตรา
“ขอยืนยันว่าร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม จะเสร็จภายในสิ้นเดือน พ.ค. เพื่อให้เสนอเข้าสู่วาระประชุมสภาสมัยวิสามัญ ที่จะมีการเปิดประชุมเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ในต้นเดือนมิ.ย.แน่นอน” นายวัลลภ กล่าว
นายวัลลภ กล่าวว่า นอกจากร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมจะเข้าสู่ที่ประชุมแล้ว ยังมีกฎหมายเกี่ยวกับการปราบปรามทุจริตคอรัปชั่น และการให้ความเห็นชอบบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งต่างๆ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบประวัติฯ ที่มีพล.อ.อู๊ด เบื้องบน สว. เป็นประธาน ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนที่สว.จะต้องทำทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะพ้นจากวาระในวันที่ 10 พ.ค.
เมื่อถามว่า ในชั้นกมธ.ที่พิจารณากฎหมายสมรสเท่าเทียมมีทิศทางเป็นอย่างไร นายวัลลภ กล่าวว่า ต้องชมว่าร่างที่มาจากภาคประชาชน เป็นร่างที่น่าสนใจมาก เป็นการเทียบเคียงกับร่างเดิม คือกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เก่า และเอาบริบทความเข้าใจของสังคมไทยมาใส่ไว้ด้วย รวมทั้งเอาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาผสมผสาน รวมถึงมุมมองความคิดว่าโลกนี้เป็นโลกที่ไร้เพศ ทุกเพศสามารถอยู่ด้วยกันได้ ซึ่งเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนโดยแท้ และเมื่อร่างของร่างประชาชนเป็นเช่นนี้ ร่างของรัฐบาลก็รับร่างของประชาชนมาแล้ว 80% เมื่อมาถึงวุฒิสภาก็อาจมีบางประเด็นที่ข้องใจอยู่ เช่น ประเด็นที่ติดค้าง ทั้งเรื่องการหมั้น การแต่ง เรื่องคำว่าชายหญิงควรมีหรือไม่ การรอไว้ 120 วัน ช้าไปหรือไม่ สามารถบังคับใช้ทันทีได้หรือไม่ เราได้มีการพูดคุยกันหมดแล้ว และเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาหรืออะไรเป็นที่หนักใจเลย
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับศาสนานั้น ทางกมธ.ได้พูดคุยกันแล้ว ซึ่งหลักของกฎหมายที่เกี่ยวกับศาสนามีข้อเกี่ยวพันกับกฎหมายหลายฉบับ ที่ผ่านมาก็ปฏิบัติกันได้ เพราะได้รับข้อยกเว้นในหลักศาสนานั้นอยู่แล้ว เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาก็ใช้หลักศาสนาเขาอยู่แล้ว นอกจากนี้ทางกระทรวงมหาดไทยก็ชี้แจงหากมีการอบรมเจ้าหน้าที่ก็จะเข้าใจได้ว่า การปฏิบัติหน้าที่คือการปฏิบัติหน้าที่ หลักศาสนาคือหลักศาสนา ไม่มีการบังคับกัน และมีข้อยกเว้นว่าถ้าเจ้าหน้าที่เป็นมุสลิม ไม่อยากจัดการสมรสหรือขึ้นทะเบียนให้กับบุคคลที่ต้องการจดทะเบียน เราก็สามารถที่จะเว้นการดำเนินการได้ โดยให้คนที่เป็นพุทธมาดำเนินการแทนได้ โดยประเด็นเหล่านี้ไม่ปัญหา ดังนั้น ขอให้สบายใจได้ว่าพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมได้ใช้แน่นอน.-317.-สำนักข่าวไทย