สุวรรณภูมิ 10 เม.ย. – นายกฯ ย่องตรวจสนามบินสุวรรณภูมิ แบบไม่แจ้งล่วงหน้าเป็นครั้งที่ 3 ดูระบบการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ชี้ระบบบริการภาพรวมดีขึ้นมาก ลั่นผู้โดยสารต้องใช้เวลาเช็กอินจนผ่าน ตม. ไม่เกิน 45 นาที ด้านผู้การ ตม.2 ยืนยันจากนี้จะไม่มีระบบล่มอีก
เมื่อเวลา 21.20 น. วานนี้ (9 เม.ย.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ แบบไม่แจ้งล่วงหน้า ตรวจระบบการให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเคยมาตรวจในลักษณะนี้แล้ว 2 ครั้ง เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
เมื่อมาถึงนายกรัฐมนตรีได้ตรวจระบบเช็กอิน พบว่าระบบบริหารจัดการยังสามารถทำได้ดี ผู้โดยสารไม่ต้องรอนาน เนื่องจากทางการท่าอากาศยานเปิดให้เช็กอินเร็วขึ้นจากเดิม 3 ชั่วโมง เป็น 4 ชั่วโมง
จากนั้น นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ พล.ต.ต.เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้มาต้อนรับนายกฯ และนำตรวจตามจุดต่างๆ
นายกรัฐมนตรีได้ไปตรวจระบบของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ซึ่งได้มีการยกเว้นการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือสำหรับคนไทย เนื่องจากมีชื่ออยู่ในระบบอยู่แล้ว และไม่เป็นปัญหาต่อระบบความมั่นคง ทำให้ผู้โดยสารขาออกสามารถลดระยะเวลาในขั้นตอนนี้ได้ถึง 15 นาที
ส่วนระบบของ ตม. ที่ก่อนหน้านี้เคยล่มหลายครั้ง พล.ต.ต.เชิงรณ ยืนยันว่าจากนี้ระบบจะไม่ล่มอีก เพราะได้มีการปรับปรุงแก้ไขและเชื่อมต่อระบบกับทางการท่าอากาศยานแล้ว ทำให้ระบบทำงานได้ดีและเร็วขึ้น ซึ่งในระยะยาวนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้ยกเครื่องระบบตรวจคนเข้าเมืองทั้งหมด ให้ทำงานร่วมกันระหว่างตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และการท่าอากาศยาน เป็นระบบเดียว คือ Thailand Immigration system หรือ TIS ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ระหว่างดำเนินการอนุมัติ ส่วนขาเข้าตั้งแต่ลงเครื่องมาถึงจุดตรวจคนเข้าเมือง พยายามจะให้ใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที
อย่างไรก็ตาม ในช่วงพีกของผู้โดยสารขาออกจะเป็นเวลาตั้งแต่ 22.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งพบว่าผู้โดยสารขาออกมีการรอเข้าแถวรอเช็กอินจำนวนมาก นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระบุว่าปัญหาหนึ่งเกิดมาจากสายการบินบางสายการบินยังไม่พร้อมให้ผู้เครื่องเช็กอินด้วยตัวเอง ทำให้ผู้โดยสารยืนรอต่อแถวหน้าเคาน์เตอร์
ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะสั่งการให้สำนักงานการบินพลเรือน และการท่าอากาศยาน ขอความร่วมมือสายการบินให้เปิดใช้ระบบเช็กอินด้วยตนเอง ร่วมกับระบบเช็กอินหน้าเคาน์เตอร์ เนื่องจากปัจจุบันมีสายการบินที่ใช้ระบบออโต้เพียง 28 สายการบิน จากทั้งหมด 117 สายการบิน
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้ไปตรวจดูห้องพักของเจ้าหน้าที่ที่ก่อนหน้านี้เคยมาตรวจดู และสั่งให้มีการเพิ่มพื้นที่ห้องพักของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความสะดวกสบาย ซึ่งพบว่าขณะนี้การเพิ่มห้องพักให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีความคืบหน้าไปมาก
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ดูเรื่องระบบการจราจรของผู้โดยสารที่เดินทางมายังสนามบินสุวรรณภูมิ พบว่าการจราจรค่อนข้างหนาแน่น แต่ทางการท่าอากาศยานได้มีการบริหารจัดการเพิ่มเจ้าหน้าที่และเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ระบายรถได้ดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากเดินตรวจสอบระบบทั้งหมดพบว่าการบริหารจัดการโดยภาพรวมดีขึ้นมาก ใช้ระบบ Manual เยอะขึ้น มีเจ้าหน้าที่มาคอยให้บริการเยอะขึ้น และเชื่อว่าภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ระบบทั้งหมดจะดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย