เพื่อไทยตั้งรับฝ่ายค้านซักฟอก อาการป่วย “ทักษิณ”

รัฐสภา 18 มี.ค.- เพื่อไทย ตั้งรับฝ่ายค้านซักฟอก อาการป่วย “ทักษิณ” ลั่นประท้วงทันทีหากล้ำเส้น มั่นใจ “เศรษฐา-ทวี” แจงได้ บอก สื่อฯ ที่ชอบถามอาการป่วย เป็นพวกก้าวไม่พ้นความขัดแย้ง


นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปพรรคร่วมรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และ ฝ่ายค้านจองกฐินอภิปรายเรื่องกระบวนการยุติธรรม และอาการป่วยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มองว่าอาจป่วยไม่จริง ว่า ไม่ได้ท้าเรื่องนี้ แต่ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง โดยดูจากหน้างานหากมีการอภิปรายที่ใส่ร้ายกัน ซึ่งนายทักษิณ ถือเป็นบุคคลภายนอกสภาผู้แทนราษฎร หากไปอภิปรายเรื่องส่วนตัว ก็ถือว่าผิดข้อบังคับ ก็ต้องมีการประท้วงและชี้แจงกัน ดีไม่ดีอาจนำไปสู่การฟ้องร้องได้  อย่างไรก็ตามในวิปฯ ไม่ได้มีการหารือกัน โดยจะปล่อยให้เป็นไปตามปกติ เพราะที่ผ่านมาตนเข้าใจว่าสังคมทราบเรื่องนี้ แต่คนที่ไม่ยอมรับทราบ ก็คือคนที่ไม่ยอมรับ ส่วนที่ยอมรับก็ยอมรับ

“คิดว่าเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณมีการพูดไปไกลมากแล้ว ซึ่งความจริงนายทักษิณออกจากโรงพยาบาลมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์อาการป่วยทุกวัน จึงคิดว่าเป็นเพราะไม่ได้ดั่งใจ ดังนั้นพวกตนไม่ได้ท้าทาย แต่เชื่อว่ารัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมจะตอบทุกคำถาม รวมถึง พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ และเคยตอบกระทู้ไปหลายครั้งแล้ว จึงคิดว่าไม่น่ากังวล”นายครูมานิตย์ กล่าว


ส่วนจะต้องมีทีมกฎหมายมาจับตาดูหรือไม่นั้น นายครูมานิตย์ กล่าวว่า การจับตาถือเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ถึงกับต้องตั้งวอร์รูม เพราะในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิปฯ ถือเป็นกฎหมายชั้นยอดของรัฐบาลอยู่แล้ว และพวกตนซึ่งมีประสบการณ์ในสภาก็คงจะวินิจฉัยได้ว่าอะไรถูกหรือผิด อะไรพูดได้ พูดไม่ได้ จึงไม่น่าหนักใจ

ส่วนถึงขั้นจะฟ้องร้องหรือไม่ เป็นเรื่องของคู่กรณี พวกตนซึ่งเป็น สส. มีหน้าที่ลุกขึ้นชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจข้อบังคับรัฐธรรมนูญ และข้อเท็จจริงในบางส่วน เพราะตาของตนกับเขามองคนละมุม เหมือนเลข 6 กับ เลข 9 ถ้ามองคนละมุม ก็มองต่างกันได้ ส่วนการฟ้องร้องเป็นเรื่องของบุคคลภายนอก หากมีการใส่ร้าย ก็เป็นเรื่องที่คนนอกจะฟ้องร้อง

เมื่อถามว่ามองอย่างไรกับการที่ นายทักษิณ พบประมวลชน จะทำให้คะแนนของพรรคเพื่อไทย ได้รับความนิยมมากขึ้นหรือไม่ นายครูมานิตย์ บอกว่า วันนี้ยังประเมินอะไรไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งคือ คนที่รักนายทักษิณก็มาให้กำลังใจมากมาย ไม่ใช่เฉพาะคนเชียงใหม่ แต่คนเชียงราย ลำพูน และคนอีสาน ก็ไปหา


“เชื่อว่าความเป็นห่วงเป็นใยของนายทักษิณกับประชาชนที่มีความศรัทธากันในอดีต ซึ่งจะอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ถ้าไม่ใช่นายทักษิณ ประชาชนก็คงลืมไปแล้ว วันนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า 17 ปียังไม่ได้จางหาย ถือเป็นเรื่องปกติของความศรัทธา แต่เรื่องอย่างอื่นที่เกี่ยวกับกระบวนการการเมืองนั้น ตนคิดว่าเร็วเกินไปที่จะประเมิน”นายครูมานิตย์ กล่าว

ส่วนที่คนบางส่วนมองว่านายทักษิณหายเร็วเกินไป และไม่เชื่อว่าป่วยจริง นายครูมานิตย์ กล่าวว่า แล้วแต่มุมมองแต่ละคน แต่ขอให้เชื่อว่าคนอายุ 75 ปี สภาพร่างกายก็จะไม่ค่อยปกติ เป็นเรื่องธรรมดา ก็แล้วแต่มุมมอง ถ้าคนที่ชอบ ก็มองด้วยความเป็นธรรม แต่ถ้าคนไม่ชอบถึงจะนอนป่วยอยู่โรงพยาบาล แม้ไม่เห็นหน้า ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานาได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าสิ่งที่ทำให้นายทักษิณหายเร็วคือกำลังใจ เชื่อว่ายาไม่ได้ทำให้หายไว แต่กำลังใจทำให้หายไวกว่า

ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค ตอบคำถามสื่อที่ถามและไม่เชื่อเรื่องอาการป่วยของนายทักษิณ ว่า เราต้องถามตัวเองว่า เรามองปัญหานี้เป็นปัญหาส่วนรวม หรือเป็นปัญหาการเมือง เป็นปัญหาความขัดแย้งในอดีตที่ผ่านมาหรือไม่ และเราก้าวพ้นเรื่องนี้หรือยัง ตนอยากให้เอาคำถามนี้กลับมาถามตัวเอง แล้วสุดท้ายจะรู้ว่าเป็นอย่างไร

“ส่วนตัวคิดว่าการตั้งคำถามแบบนี้ เป็นการถามเพื่อมีความเห็นและรู้สึกว่าความขัดแย้งยังมีอยู่ และยังก้าวไม่พ้นเรื่องพวกนี้เลย ขอเชิญชวนทุกคนมาคิดเรื่องบ้านเมือง เรื่องPM  2.5 เรื่องเศรษฐกิจ ก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้จะดีกว่า การที่จะมาตัดสินใจว่าป่วยจริงหรือไม่ คำถามคือใครเป็นคนชี้และตัดสินใจ ซึ่งตนเชื่อว่านายทักษิณไม่ได้ตัดสินใจเอง ว่าตัวเองป่วยหรือหาย แต่เรื่องนี้มีคนรับผิดชอบหรือคณะกรรมการตัดสินใจและชี้แจงมาโดยลำดับ ดังนั้นโดยรวมอยากให้ก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ และอย่าเอามาเป็นประเด็น ท้ายสุดก็จะวนเวียนกับเรื่องนี้ ประเทศไทยจึงก้าวไม่พ้นอะไรกันสักที แล้ววนกลับไปที่เดิม”นายชูศักดิ์ กล่าว.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง