รัฐสภา 13 มี.ค. –“ชัยธวัช” ไม่หวั่นกกต. ร้องยุบก้าวไกล พร้อมสู้ตามกระบวนการกม.เต็มที่ แม้จะสู้ลำบาก ศาลควรเปิดโอกาสไต่สวน ไม่ห่วงสส.เป็นงูเห่า แต่สะท้อนวิธีการเก่า ๆ ยังไม่หมด
นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเตรียมต่อสู้คดี หลัง กกต.ยื่นยุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลเพียงพรรคเดียว ไม่เกี่ยวกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ซึ่งพรรคพร้อมต่อสู้ตามกระบวนการกฎหมาย
“เตรียมต่อสู้อย่างเต็มที่แม้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจจะทำให้เราต่อสู้ได้ยากมากกว่าคดีอื่น ๆ แต่เราต้องต่อสู้เต็มที่ว่ามันไม่มีเหตุผลอย่างไร ที่จะต้องมีคำวินิจฉัยถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งตามปกติต้องไปให้ศาลไต่สวนอยู่แล้ว” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว
ส่วนที่กรณีนี้ศาลอาจไม่ต้องไต่สวน โดยนำคำวินิจฉัยจากกรณีที่แล้วมาพิจารณาได้เลย นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างน้อยที่สุดต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้อง คือพรรคก้าวไกลได้แก้ข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องได้เสนอข้อเท็จจริง พยานผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ คดีที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ศาลมีสิทธิ์ที่จะยุติการแสวงหาข้อเท็จจริงได้ ก็เป็นหน้าที่ของผู้ร้องที่ต้องต่อสู้ให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงให้มากที่สุด
ส่วนจะนำบทเรียนจากการยุบพรรคอนาคตใหม่ มาพิจารณาด้วยหรือไม่ ซึ่ง สส.บัญชีรายชื่อจะต้องพ้นจากตำแหน่งทันที หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ยังไม่ได้มีพูดถึงเรื่องนี้ คิดว่าบทเรียนสำคัญน่าจะเป็นบทเรียนสำหรับสังคมไทยและผู้มีอำนาจมากกว่า ว่าการยุบพรรคการเมืองไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาทางการเมือง ซ้ำร้ายอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งสวนทางกับความคาดหวังของประชาชน หลังจากที่เรามีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการรัฐประหารแล้ว
“ซ้ำร้ายการยุบพรรคการเมือง การเซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ในทางด้านกลับเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน อาจจะเป็นเรื่องที่เซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สังคมไทยรักก็ได้ เพราะยิ่งดึงประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองมากขึ้น เรื่องนี้ต้องระมัดระวัง” นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนกระแสข่าวการตั้งพรรคสำรอง หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตอนนี้เตรียมต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ก่อน
ส่วนที่นักวิชาการวิเคราะห์ว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่น่าจะกลับคำวินิจฉัยของตัวเอง คิดว่ายังมีโอกาสรอดหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า แม้ว่าจะมีโอกาสน้อย แต่ก็จะสู้อย่างเต็มที่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับการกลับคำวินิจฉัย แต่คำวินิจฉัยครั้งที่แล้ว เป็นกรณีการวินิจฉัยสั่งการให้พรรคก้าวไกลยุติการกระทำ ที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าเข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง ขณะที่การวินิจฉัยเรื่องยุบพรรคเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่หากพรรคถูกยุบแล้วจะถูกดูดสส.ไป หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นห่วงสังคมไทยมากกว่า และอยากให้จินตนาการถึงสังคมไทย หลังจากนี้เรากำลังเข้าสู่วังวนแบบเดิม ๆ ที่หาทางออกไม่เจอและอาจยิ่งถลำลึกมากต่อไป การยุบพรรคการเมืองจากเหตุที่กล่าวหาว่าล้มล้างการการปกครอง และเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีผลดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตนขอยืนยันเรื่องนี้
ส่วนที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล รวมถึง สส.ในพรรคออกมาโพสต์ข้อความตัดพ้อ เหมือนกับทำใจในเรื่องนี้แล้ว นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องยุบพรรคไม่ต้องทำใจ แต่เป็นเรื่องที่ต้องยืนยันว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องทางการเมือง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวสส.ก้าวไกลไปคุยกับ สส.พรรคร่วมรัฐบาล รวมถึงการไปคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะต้องตรวจสอบหรือไม่ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่ใช่หน้าที่ของพรรค เรามั่นใจผู้แทนราษฎรที่ดี เรื่องนี้ ไม่สามารถมีใครไปบังคับใจกันได้ พรรคมีหน้าที่ต้องเตรียมทางออกให้กับสมาชิก
“ผมมองว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ถ้าเรายังยอมรับวิธีการทำงานแบบนี้ ผมว่า ไม่ใช่ปัญหาของพรรคก้าวไกล แต่เป็นวิธีการของการเมืองแบบเดิม ๆ ซึ่งควรจะหมดไปได้แล้ว รวมถึงการคิดเอาชนะคะคานทางการเมืองการด้วยการยุบพรรค ผมคิดว่ามันเป็นบทเรียนของสังคมไทยแล้วว่าไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น มีแต่แย่ลง” นายชัยธวัช กล่าว
ส่วนที่มีกระแสว่ากระบวนการยื่นยุบพรรคก้าวไกล มีพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรรเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ไม่ทราบ เรื่องนี้เป็นกระแสข่าว ส่วนข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่ทราบ.-313.-สำนักข่าวไทย