รัฐสภา 14 ก.พ.-ผู้นำฝ่ายค้านฯ ชี้ “ป่วนขบวนเสด็จ” มาจากเหตุจูงใจการเมือง แนะรัฐบาลเดินหน้านิรโทษกรรม – เตือนสติไม่ใช้ความจงรักภักดีแบ่งประชาชน ไล่พ้นประเทศ
นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายในญัตติด่วนที่เสนอโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง การขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบ แผนและมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัย มีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนเพื่อเป็นการถวายความปลอดภัยให้สมพระเกียรติ และรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ โดยย้ำว่า การอารักขาบุคคลสำคัญ เป็นเรื่องสำคัญ และเห็นตรงกันว่า ขบวนเสด็จพระราชดำเนินนั้น เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนเกินสมควร และเห็นตรงกันว่า ไม่อยากเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
ส่วนการบริหารจัดการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ให้บานปลายนั้น นายชัยธวัช เห็นว่า ไม่สามารถพิจารณาได้เพียงกฎหมาย ระเบียบ และแผนในการถวายความปลอดภัยได้เท่านั้น เพราะยกตัวอย่างเหตุการณ์ ที่กระทบต่อการถวายความปลอดภัยอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2520 ที่เกิดเหตุทำร้ายในหลวง รัชกาลที่ 9 และพระราชวงศ์ในคราวเสด็จพระราชดำเนินไปจังหวัดยะลา ที่เกิดความปั่นป่วน และเกิดการลอบวางระเบิดใกล้ที่ประทับ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนได้ว่า กฎหมายไม่สามารถพิจารณาจัดการได้ทั้งหมด เพราะไปเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางการเมืองในชายแดนใต้ และตลอดมาปัญหาลักษณะดังกล่าวที่เกิดขึ้น ก็ล้วนมาจากทางการเมืองทั้งหมด เช่นเดียวกับกรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดกับขบวนเสร็จพระราชดำเนิน ที่ไม่ใช่การก่ออาชญากรรม เพื่อมุ่งร้ายต่อพระราชวงศ์ แต่เกิดขึ้นจากปัญหาทางการเมืองและปัญหาทางความคิด
“เมื่อมีประชาชนคนหนึ่งอยากพูด แต่ไม่มีใครอยากฟัง และปิดปากคนดังกล่าว คนดังกล่าวนั้น จึงตัดสินใจตะโกน และถือเป็นบทเรียนที่รัฐบาลควรพิจารณาหลังจากนี้ และผู้ที่กำลังตะโกนอยู่ ก็ควรจะไตร่ตรองว่า วิธีการใดจะทำให้ผู้ฟัง เปิดใจฟังมากขึ้น เพราะการตะโกน แล้วไม่มีใครฟัง ก็เป็นสิ่งไม่น่าปรารถนาเช่นเดียวกัน และไม่ควรผลักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปให้สุดขั้วมากกว่านี้ และไม่ควรใช้น้ำมันดับไฟ” ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าว
นายชัยธวัช เสนอให้รัฐบาลสร้างกุศโลบายทางการเมือง และหยุดการกล่าวหาอีกฝ่ายว่า หนักแผ่นดิน หรือ นิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้น หรือ ไล่ให้ไปอยู่ประเทศอื่น หรือนำความจงรักภักดีมาแบ่งแยกประชาชน เพราะสุดท้าย ต่อให้ใช้กำลัง หรือการใช้อาวุธก็ไม่ใช่ทางออก ดังนั้น จึงควรจบปัญหาที่เกิดขึ้นทางการเมืองนี้ ด้วยการนิรโทษกรรม และหวังว่ารัฐบาลและสส.จะมีสติ ระงับความโกรธ เช่นเดียวกับที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เปิดเผยว่ารู้สึกโกรธ แต่สามารถจัดการอารมณ์กับตนเอง ไม่ให้บานปลายจนเกิดการปะทะขัดแย้ง.-312.-สำนักข่าวไทย