นายกฯ เข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ที่ศรีลังกา

ศรีลังกา 3 ก.พ. – นายกฯ เข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมการประชุมเต็มคณะ ผลักดันความร่วมมือไทย – ศรีลังกา อย่างรอบด้าน พร้อมเดินหน้าส่งเสริมการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม


วันนี้ (3 กุมภาพันธ์ 2567) เวลา 15.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงโคลัมโบ ซึ่งช้ากว่าไทย 1.30 ชั่วโมง) ณ สำนักประธานาธิบดี สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ จากนั้นในเวลา 15.15 น. นายกรัฐมนตรีพบหารือแบบ Four Eyes กับนายรานิล วิกรมสิงเห (H.E. Mr. Ranil Wickremesinghe) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ณ ห้องทำงานของประธานาธิบดี (President’s Chamber) ชั้น 2 และในเวลา 15.30 น. นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมเต็มคณะ ร่วมกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา และคณะทางการไทยและศรีลังกา ณ ห้องหารือทวิภาคี (Cabinet Room) ชั้น 1 โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีศรีลังกาต่างชื่นชมในความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับศรีลังกาที่มีมาอย่างยาวนาน โดยมีพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทเป็นสิ่งเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองประเทศ และเห็นพ้องยกระดับความร่วมมือระหว่างกันให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในทุกมิติ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสการประกาศเอกราชสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ครั้งที่ 76 และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองวาระดังกล่าวในฐานแขกเกียรติยศ


โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้

ด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรียินดีที่เศรษฐกิจของศรีลังกามีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งการเยือนของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนและแสดงถึงความเชื่อมั่นในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของศรีลังกา โดยนายกรัฐมนตรียินดีอย่างยิ่งที่ไทยและศรีลังกาสามารถบรรลุความตกลงการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา (Thailand – Sri Lanka Free Trade Agreement) เชื่อมั่นว่า ความตกลงดังกล่าวจะมีส่วนสำคัญเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงสนับสนุนการเข้าถึงตลาดในระดับภูมิภาคของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ การจัดงาน Sri Lanka – Thailand Business Forum ในวันนี้ จะช่วยสนับสนุนให้ภาคเอกชนของทั้งสองประเทศสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ ได้อย่างเต็มที่

ด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรียินดีที่การบินไทยจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ระหว่างกรุงเทพฯ และโคลัมโบ ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2567 และยินดีต่อการลงนามในความตกลงว่าด้วยบริการเดินอากาศ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการเชื่อมโยง การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และการยกเว้นวีซ่า รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและพุทธศาสนา ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพร่วมกัน


ความร่วมมือในกรอบพหุภาคี ไทยในฐานะประธานบิมสเทค (พ.ศ. 2566 – 2567) พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ 6 ในปีนี้ ซึ่งไทยต้องการผลักดันบิมสเทคให้เป็นองค์กรระดับภูมิภาคอย่างเต็มรูปแบบ โดยการลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงทางทะเลในระดับภูมิภาค สร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนสนับสนุนโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ ๆ จากเขตการค้าเสรีไทย – ศรีลังกา ซึ่งจะช่วยผลักดันการบรรลุความตกลงการค้าเสรีบิมสเทค สร้างการบูรณาการทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค

นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีกับศรีลังกาในโอกาสการเป็นประธานสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association: IORA) โดยไทยพร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนศรีลังกาอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยินดีให้มีบันทึกความเข้าใจระหว่าง IORA และบิมสเทค เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งรวมถึงในด้านการค้าการลงทุน ความมั่นคง การเชื่อมโยงทางทะเล และเศรษฐกิจสีน้ำเงิน

และในโอกาสนี้ฝ่ายศรีลังกาได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อขอให้ไทยพิจารณาให้ความช่วยเหลือด้านการประมงสมัยใหม่ และการพัฒนาด้านพลังงานสะอาด .-316-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เรือใบคาตามารันพร้อม 38 ชีวิต ล่มทะเลภูเก็ต

เรือใบคาตามารันล่ม ขณะนำนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือรวม 38 ชีวิต ออกไปดำน้ำบนเกาะราชา จ.ภูเก็ต ล่าสุดทุกคนได้รับการช่วยเหลือกลับเข้าฝั่งปลอดภัย

น้ำค้างแข็ง

หนาวสะท้าน จ.เลย แม่คะนิ้งเกาะหลังคารถ-ยอดหญ้า

หนาวสะท้าน จ.เลย แม่คะนิ้งเกาะหลังคารถ-ยอดหญ้า ขณะที่พื้นราบหนาวไม่แพ้กัน อุณหภูมิลดเหลือ 6-7 องศาฯ ส่วนที่พิษณุโลก บ้านร่องกล้า อุณหภูมิยอดหญ้าลบ 2 องศาฯ และที่บึงกาฬ ความหนาวกระทบวิถีชาวบ้าน ลมแรงทำไฟไหม้บ้าน

เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

ครม.​อนุมัติหลักการ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

นายกฯ​ เผย​ ครม.​อนุมัติหลักการ ร่าง พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กฤษฎีกายันไม่ขวาง​ ไม่ต้องยกร่างใหม่ แต่จะไปปรับคำให้คล้องกับที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ชี้เกิดเร็วดีเพื่อประโยชน์ประเทศ