ชื่นมื่น! พรรคร่วมฝ่ายค้านดินเนอร์กระชับความสัมพันธ์

กรุงเทพฯ 1 ก.พ. – ชื่นมื่น! พรรคร่วมฝ่ายค้านนัดดินเนอร์ครั้งแรก กระชับความสัมพันธ์ ร้านเส่ย จัดเมนูเด็ด “ต้มยำปลาทู-ปลาทูทอด” ด้าน “ชัยธวัช” แซว “พิธา” ชอบกินต้มส้ม


ที่ร้านเส่ย ย่านสามเสน พรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ได้นัดรับประทานมื้อค่ำกับพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้ง 5 พรรค ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเป็นธรรม พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคใหม่ และพรรคครูไทยเพื่อประชาชน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในพรรคร่วมฯ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านร่วมกัน

ในส่วนของพรรคก้าวไกล นำโดย นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลและผู้นำฝ่ายค้านฯ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ รองหัวหน้าพรรค นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิปฝ่ายค้าน


ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรค เดินทางมาด้วยตัวเอง พร้อมกับรองหัวหน้าพรรค 4 คน ทั้งนายประมวล พงศ์ถาวราเดช นายนริศ ขำนุรักษ์ นายชัยชนะ เดชเดโช และนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

พรรคไทยสร้างไทย นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค นายอุดมเดช รัตนเสถียร รองหัวหน้าพรรค นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด

บรรดาแกนนำของแต่ละพรรคทยอยเดินทางมาถึง โดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 18.56 น. เมื่อถึงร้านได้เดินเข้าไปทักทายนายสุชัชวีร์ ที่กำลังร่วมโต๊ะอยู่กับสื่อมวลชน พร้อมหยิบกากหมูคั่วพริกขึ้นมาชิม 1 ชิ้น นายสุชัชวีร์ได้ถามนายชัยธวัชว่า ทำไมถึงเลือกร้านนี้ นายชัยธวัชจึงบอกว่า ตนไม่ได้เป็นคนเลือก แต่คุณทิมมาบ่อย ตนไม่ได้มาบ่อย แต่ที่นี่อาหารอร่อย และใกล้สภา


ผู้สื่อข่าวแซวนายชัยธวัชว่า กากหมูที่ชิมอร่อยหรือไม่ นายชัยธวัช บอกว่า “อร่อยมาก แต่อ้วน แต่เป็นไขมันที่ดี”

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการเลือกร้านอาหารว่า ในวันที่มีการนัดหมายจัดตั้งรัฐบาลเลือกร้านอาหารหรู แต่วันนี้เลือกร้านนี้เพราะเหตุใด นายชัยธวัช ตอบสั้นๆ ว่า “ใกล้สภาครับ อย่าคิดมาก” พร้อมหัวเราะกลบเกลื่อน

จากนั้น นายชัยธวัช ได้ออกไปต้อนรับนายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม โดยนายกัณวีร์ กล่าวถึงผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับนโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกล ว่าไม่ขอก้าวล่วงศาล แต่ก็คงต้องต่อสู้กันต่อไป ซึ่งตนก็ให้กำลังใจพรรคก้าวไกลตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อถามว่า เป็นเพื่อนแท้กับพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ นายกัณวีร์ ตอบสั้นๆ ว่า “อยู่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก”

จากนั้น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.พรรคก้าวไกล ได้เดินทางมาถึงที่ร้าน พร้อมบอกเหตุผลที่เลือกร้านนี้ว่า เคยมากินเมื่อสมัยประชุมที่แล้ว จำได้ว่าไม่ไกลกับสภา

เมื่อถามว่า ชอบเมนูไหนของร้าน นายพิธา ถามกลับว่า มีเมนูต้มเค็มหรือไม่ ผู้สื่อข่าวจึงแนะนำว่า เมนูขึ้นชื่อของร้านคือ ต้มยำปลาทู และแก้มปลาทูทอด นายพิธาจึงตอบรับว่า “ใช่” ก่อนที่นายชัยธวัช จะพูดเสริมขึ้นมาว่า นายพิธาชอบต้มส้ม ก่อนทั้งคู่จะมองหน้ากัน

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า เมนูต้มส้ม มีความหมายหรือไม่ นายชัยธวัช ไม่ได้ตอบ เพียงยิ้มเขินๆ นายพิธา ยังบอกอีกว่า ตอนแรกจะไปอีกร้าน ชื่อร้าน “บ้านใน” ที่ได้มิชลิน แต่ร้านอยู่ระหว่างปิดปรับปรุง

เมื่อถามว่า ใครเป็นเจ้าภาพ นายพิธาชี้ไปที่นายชัยธวัช ซึ่งนายชัยธวัชก็ตอบรับ โดยนายพิธา เปิดเผยว่า เป็นคนเลือกร้านนี้เอง เนื่องจากมากินตั้งแต่สมัยเด็ก และในสมัยประชุมที่แล้วมากิน อยู่ไม่ไกลจากสภา อาหารอร่อยหลายอย่าง โดยเฉพาะเมนูต้มยำปลาทู และแก้มปลาทูทอด นายชัยธวัชจึงแปลว่า เมนูที่นายพิธาชอบมากที่สุดคือต้มส้ม ทำให้นายพิธายิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาหาร

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ ที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศ ก็มุ่งหน้ามาที่ร้านเส่ย ร่วมรับประทานอาหารด้วย โดยมีนายพิธามารอต้อนรับคุณหญิงหน่อย พร้อมทักทายว่า “สบายดีนะครับ ดีใจที่วันนี้มาร่วมทานอาหารด้วยกัน”

จากนั้น นายเฉลิมชัย ก็ได้เดินทางมาถึง และเข้าร่วมโต๊ะรับประทานอาหารอย่างเป็นกันเอง

สำหรับบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปด้วยความชื่นมื่น เป็นกันเอง ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่บางคนก็ยังมีท่าทีเคอะเขินกันอยู่บ้าง ส่วนเมนูอาหารส่วนใหญ่เป็นเมนูดังของร้าน ทั้งต้มยำปลาทู ปลาทูทอด ตับทอดกระเทียม แกงจืดฟองเต้าหู้ กระหล่ำปลีผัดน้ำปลา เขียวหวานลูกชิ้นปลากรายผัดแห้ง กากหมูคั่วพริกเกลือ และหอยตลับผัดฉ่า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการดินเนอร์ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน มีประชาชนที่ทราบข่าวว่าพรรคฝ่ายค้านมารับประทานอาหารกันที่นี่ มารอดูนายพิธา ที่บริเวณหน้าร้าน .-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณ จ.จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดจันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาว และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง […]

“ภูมิธรรม” นำจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568

สนามหลวง 12 ส.ค.- “ภูมิธรรม” และภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เวลา 20.05 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางอภิญญา เวชยชัย ภริยา เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 โดยมีประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกาและคู่สมรส ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีและคู่สมรส เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง เมื่อรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และภริยา ถึงบริเวณพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา (ผู้แทนประธานรัฐสภา) ประธานศาลฎีกา […]

จากแม่ถึงลูกทหารบาดเจ็บ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

ขอนแก่น 12 ส.ค. – ครอบครัวตระกูลบุญธรรมในอำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น ที่ลูกชายทหารเกณฑ์บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา แม้สื่อสารกันน้อย แต่ความรักของแม่ลูก ไม่ได้ลดน้อยลง และพร้อมสนับสนุนลูกชายสู่เส้นทางทหารอาชีพตามความตั้งใจ หลังไปเป็นรั้วของชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]